กรมคุกจ่อย้ายนักโทษขาใหญ่ยาเสพติด 221 ราย ไปเรือนจำเขาบิน จ.ราชบุรี ส่วนสมุนขาใหญ่อีก 500 ราย จะกระจายไปยังเรือนจำ 10 แห่ง คาดเริ่มดำเนินการได้ภายในสัปดาห์นี้ ส่วนการเร่งรัดประหารชีวิตนักโทษยาเสพติด อธิบดีราชทัณฑ์ชี้ขึ้นอยู่กับคำสั่งศาล
วันนี้ (6 ก.พ.) พ.ต.อ.สุชาติ วงศ์อนันต์ชัย อธิบดีกรมราชทัณฑ์ เปิดเผยภายหลังประชุมคณะกรรมการคัดแยกผู้ต้องขังคดียาเสพติดรายสำคัญ ร่วมกับผู้บัญชาการเรือนจำความมั่นคงสูง ผู้แทนจากกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) และกองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด (บช.ปส.) ว่า ตนได้สั่งการในที่ประชุมให้เรือนจำทุกแห่งดำเนินการตามมาตรการย้ายนักโทษ โดยได้ส่งรายชื่อนักโทษที่มีพฤติกรรมค้ายาเสพติดรายใหญ่ จำนวน 221 คน ให้ย้ายไปเรือนจำกลางเขาบิน จ.ราชบุรี ส่วนผู้ต้องขังที่มีพฤติการณ์สนับสนุน หรือที่เรียกว่า “ซามูไร” จำนวนกว่า 500 คน จะกระจายไปคุมขังยังเรือนจำทั้ง 10 แห่ง และจะเริ่มย้ายผู้ต้องขังได้ภายในสัปดาห์นี้
ส่วนกรณี พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ป.ป.ส.) เสนอให้เร่งรัดการลงโทษด้วยวิธีประหารชีวิตสำหรับนักโทษคดีค้ายาเสพติดนั้น จำนวนนักโทษประหารชีวิตกลุ่มนี้ถูกควบคุมอยู่ในเรือนจำทั่วประเทศเกือบ 100 คน ซึ่งทางกรมราชทัณฑ์ยินดีที่จะปฏิบัติตามคำพิพากษาของศาล แต่เราเป็นเพียงปลายทางกระบวนการยุติธรรมเท่านั้น
นอกจากนี้ อธิบดีกรมราชทัณฑ์ยังกล่าวถึงกรณีผู้ต้องขังก่อเหตุจราจลภายในเรือนจำจังหวัดตรัง และเรียกร้องให้ย้ายเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์รวม 4 คน พร้อมให้ปรับปรุงเรื่องน้ำดื่ม และการรักษาพยาบาลว่า ผู้บริหารเรือนจำจังหวัดตรังดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวกับความเป็นอยู่ของผู้ต้องขังได้ทันที ขณะที่การย้ายเจ้าหน้าที่ต้องพิจารณาข้อเท็จจริงที่ถูกต้องและรอบคอบ เพื่อไม่ให้กระทบขวัญกำลังใจเจ้าหน้าที่เรือนจำที่ทำงานดี นอกจากนี้ยังมีคำสั่งถึงผู้บัญชาการเรือนจำต่างๆ ให้เร่งเสนอโครงการพัฒนาสวัสดิการเจ้าหน้าที่เรือนจำ เช่น การปรับปรุงซ่อมแซมบ้านพัก และโครงการพัฒนาคุณภาพชีวิตและอื่นๆ อย่างเร่งด่วนภายในต้นไตรมาส 3 ทั้งนี้ กระทรวงยุติธรรมจัดสรรงบประมาณมาให้จำนวน 120 ล้านบาท โดยห้ามนำไปใช้ด้านอื่นๆ ที่ไม่เกี่ยวข้อง อาทิ การจัดสัมมนา
