“สันติ” ชี้ โยก “พนิตา” ตามข้อเสนอ สตง.เปรยอาจต้องล้มประมูลสร้างตึกใหม่

รมว.พัฒนาสังคมฯ ย้ำ เหตุโยกปลัด พม.เหตุใช้เงินผิดประเภท จนต้องตั้งกรรมการสอบวินัย อ้างเกือบโดน สตง.เล่นงานฐานละเว้นปฏิบัติหน้าที่ ย้ำ หากจำเป็นต้องล้มประมูลสร้างตึก หากพบทุจริต ท้าตรวจสอบพบบริษัทในสังกัดร่วม ปัดรังแกผู้หญิง ขัดแย้งในพรรค

วันนี้ (15 มี.ค.) ที่ทำเนียบรัฐบาล นายสันติ พร้อมพัฒน์ รมว.พัฒนาสังคมและความมั่นคงมนุษย์ กล่าวถึงเหตุผลการโยกย้าย นางพนิตา กำภู ณ อยุธยา จากปลัดกระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงมนุษย์ ไปเป็นที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี ว่า เนื่องจากสำนักงานตรวจเงินแผ่นดินตรวจสอบพบความผิดปกติในการใช้เงินเดินทางไปต่างประเทศ 32 ล้านบาท ในเมื่อตรวจสอบแล้วพบว่าเป็นการใช้เงินผิดประเภท และมีคำสั่งให้คืนเงิน รวมถึงให้มีการตั้งคณะกรรมการสอบสวนทางวินัย โดยเรื่องได้มาถึงตนในเดือนสิงหาคม 54 ซึ่งได้พยายามแก้ไข แต่ท้ายที่สุดทาง สตง.ระบุว่าไม่ได้ ต้องดำเนินการตามคำสั่งตั้งคณะกรรมการสอบทางวินัย ทั้งในส่วนของ สตง.และสำนักปลักสำนักนายกรัฐมนตรี และเพื่อเปิดให้ทั้ง 2 ส่วนทำงานอย่างเต็มที่ จึงต้องมีการสลับสับเปลี่ยนตำแหน่ง จริงๆ เรื่องทั้งหมดก็มีเท่านี้ไม่ได้เกี่ยวกับตนเลย

รมว.พม.กล่าวอธิบายต่อว่า สำหรับกระแสข่าวที่ว่ามีความขัดแย้งเรื่องการสร้างตึกนั้น จริงๆแล้วเป็นความเข้าใจของนางพนิตาเอง ที่อยากจะทำถึงกับมีการเร่งรัดในการประมูล และเมื่อตนมาดำรงตำแหน่ง รมว.นั้น การประมูลได้เสร็จสิ้นพอดี ซึ่งในช่วงของรัฐบาล นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ได้ตั้งงบประมาณในการสร้างตึกไว้กว่า 800 ล้านบาท แต่ก็มีการส่งเรื่องกลับเข้ามาที่ ครม.อีกครั้ง เพื่อขยายกรอบวงเงินจาก 800 กว่าล้านบาท เป็น 900 กว่าล้านบาท ซึ่งงบที่ถูกเพิ่มขึ้นมานั้นไม่เท่าไหร่ แต่ก็มีการนำเข้า ครม.และให้ไปประมูล แต่ก็ยังมีการปรับปรุงงบประมาณอีกรอบไปเป็น 1,290 กว่าล้านบาท ซึ่งจำนวนเงินเพิ่มขึ้นเกือบ 400 ล้านบาท ซึ่งระเบียบพัสดุสามารถเพิ่มงบประมาณได้ แต่ต้องขออนุมัติกรอบวงเงินจาก ครม.เสียก่อน จะเห็นได้ว่ามีการขยายวงเงินในรัฐบาลนายอภิสิทธิ์ ถึงสองครั้ง แต่ก็ไม่ได้มีการดำเนินการขออนุมัติ ครม.แต่กลับนำเข้าสู่กระบวนการประมูลแบบอิเล็กทรอนิกส์ทันที

นายสันติ กล่าวอีกว่า เมื่อการขยายวงเงินอย่างพลการแบบนี้แล้วนำไปประมูลเลย โดยไม่ขอ ครม.และได้ผู้รับเหมา ตนยังไม่รู้เรื่องโดยที่ส่งเรื่องมาที่ตนโดยแจ้งว่า ครม.อภิสิทธิ์ ได้มีการอนุมัติขยายกรอบวงเงิน มีการประมูล และได้บริษัทที่รับเหมามาแล้ว และก็ส่งเรื่องมายังตนให้ดำเนินการ ทั้งๆ ที่เรื่องต้องส่งเรื่องให้ ครม.อนุมัติกรอบวงเงินก่อน ไม่ใช่ไปประมูลได้ผู้รับเหมาถึงนำเรื่องเข้า ครม.อย่างนี้บริษัทอื่นๆ จะมีปัญหา ดูแล้วไม่ถูกต้องตามระเบียบพัสดุและวิธีการงบประมาณ ได้พยายามให้แก้ไขและให้ชี้แจงว่าถูกต้องหรือไม่

“ซึ่งทาง นางพนิตา เองได้ชี้แจงหลายครั้งบอกว่าทำถูกต้องแล้ว ไม่ผิด มีอำนาจ ท่านทำถูกต้องแล้ว และเมื่อถามไปยังกรมบัญชีกลาง ก็บอกว่า แบบนี้มันผิดปกติ แต่ถ้าทำหนังสือไปๆมาๆ แบบนี้จะเสียเวลา ขณะที่อดีตปลัดเองก็เร่งรัดเรื่องนี้ ผมเอาเรื่องนี้มาศึกษาเกือบปี จนถึงต้นเดือนพฤศจิกายน เมื่อเขาบอกว่าถูก ผมก็ไม่อยากขัดแย้งจึงส่งเรื่องเข้า ครม.ตามที่เขาเสนอมา ปรากฏว่า เลขา ครม.ไม่ได้นำเรื่องนี้เข้า ครม.แต่มีการนำเรื่องกลับเข้ามายังกระทรวง พร้อมกับมีการตั้งข้อสังเกตถึงการเพิ่มกรอบวงเงิน โดยไม่ขอ ครม.ถือว่าเป็นขั้นตอนที่ไม่ถูกต้อง และให้นำกลับไปทำให้ถูกต้อง เมื่อมีการส่งคืนผมได้นำหนังสือกลับไปยังอดีตปลัด ว่า มันไม่ถูกต้อง ขอให้ทำให้ถูกต้องก็แค่นั้นเอง แต่ถ้าหากอดีตปลัด ยังยืนยันว่า ถูกต้องแล้วส่งเรื่องมาให้ผมอีก โดยไม่ทำอะไรผมก็ไม่สามารถส่งเข้า ครม.ได้ ถ้าไม่ถูกต้องก็ต้องยกเลิกไปแล้วประมูลใหม่ จะสร้างช้าไปอีก 6 เดือน ก็ไม่เป็นอะไร เดี๋ยวนี้องค์กรอิสระก็ตรวจเข้ม ไม่ใช่อยู่ดีๆ จะไปขยายกรอบวงเงิน” นายสันติ กล่าว

นายสันติ กล่าวว่า เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับตน ที่ไม่ใช่อยู่ดีๆ จะตั้งคณะกรรมการสอบเรื่องนั้นเรื่องนี้ ตนไม่บอกว่าเขาผิด และไม่ถือว่าเขาผิด เพราะถ้าเขาผิด และตั้งคณะกรรมการเพราะเขาผิดโดยสั่งพักราชการ แต่นี่ไม่ใช่เป็นการสลับตำแหน่งระดับซี 11 ส่วนกรณีที่ฝ่ายค้าน ระบุว่า เป็นการทำเพื่อเอาคนของตนเองมานั่งในตำแหน่งนั้น ตนไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการก่อสร้างใดๆเลย ตนไม่เคยทำเรื่องเหล่านี้ และไม่มีผู้มีบารมีมาชี้นำในกระทรวง พร้อมปฏิเสธไม่ได้มีปัญหากับ นายประวัฒน์ อุตตะโมต ส.ส.นครราชสีมา น้องชาย นางพนิตา ยืนยีนไม่มีการชี้หน้ากัน เพราะตนไม่ได้เข้าประชุม ส.ส.ไม่รู้ไปใครเขียนข่าวอย่างนั้น หากบอกว่าเลื่อยขาเก้าอี้ ถามหน่อยว่าตนจะเลื่อยเพื่อใคร หากบอกตนล้มโครงการเพื่อเอาบริษัทตนเองเข้ามา ก็ขอให้รอดูกันต่อไป ไม่จำเป็นต้องเคลียร์กับนายประวัฒน์ เพราะตนทำตามหน้าที่ ไม่ได้กลั่นแกล้งใคร จริงๆ แล้วตนไม่ทราบว่า นางพนิตา เป็นพี่สาว นายประวัฒน์ แม้แต่นายกฯยังไม่ทราบ เพิ่งทราบวันที่ 15 มี.ค.และได้เรียนนายกฯ ว่า ได้ชะลอเรื่องนี้มานานแล้ว จน สตง.จะออกหนังสือถึงตนหาว่าให้การช่วยเหลือปกปิดละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ จึงขอความกรุณานายกฯว่าต้องดำเนินการ ในกระทรวงก็มีเพียงนางพนิตา คนเดียวที่ซี 11 นายกฯจึงให้ นายธงทอง จันทรางศุ ปลัดสำนักนายกฯ เป็นผู้สอบ

นายสันติ กล่าวอีกว่า ส่วนที่ นางพนิตา จะยื่น กพค.ถือว่าเป็นสิทธิที่ทำได้ เพราะเราไม่มีอคติมีสิทธิทำได้ทุกอย่าง หากมีการชี้มูลว่าไม่มีความผิดจะคืนเก้าอี้หรือไม่นั้น เห็นว่า ต้องดูเป็นกรณีไป ไม่พูดล่วงหน้า และการที่เสนอ นายวิเชียร ชวลิต ไปดำรงตำแหน่งแทน เพราะเห็นว่าเนื่องจากกระทรวงพัฒนาสังคมฯ มีรากเหง้าจากกระทรวงมหาดไทย แค่นี้เอง ส่วนที่มองว่าเป็นเด็กของ นายเนวิน ชิดชอบ แกนนำพรรคภูมิใจไทยนั้น อย่าไปปรักปรำเขา ตอนนั้น นายเนวิน ก็ไม่ได้ดูกระทรวงมหาดไทย อยากให้สงสารข้าราชการและส่วนตัวไม่ได้ชอบนายเนวิน และหากจะกลับมาคืนนี้กับ พ.ต.ท.ทักษิณ ก็ไม่เกี่ยวกับเรื่องนี้ หลังจาก นายเนวิน ออกจากพรรคตนไม่เคยเจอหน้าอีก เจอแต่ในจอโทรทัศน์ ยืนยันว่า ไม่ได้รังแกผู้หญิง มีการวิจารณ์แบบนี้ตนก็ต้องทน