รักษาการโฆษกรัฐบาล โว ครม.ส่ง รมต.ลงพื้นที่ ทำเผาป่าเหลือ 35 จุด ผุดโครงการ “โนเบิร์น หยุดเผาเพื่อลมหายใจ” รณรงค์ เผย นายกฯ สั่ง รมว.กต.คุยเพื่อนบ้านช่วย พร้อมให้ 9 ผู้ว่าฯ เฝ้าระวัง “วรวัจน์” แย้มเล็งแจกโฉนดชุมชนแลกเลิกเผา คาดคลี่คลาย เม.ย.
วันนี้ (13 มี.ค.) ที่ทำเนียบรัฐบาล นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี รักษาการโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงผลการประชุมผ่านระบบวิดีโอคอนเฟอเรนซ์ ของนายกรัฐมนตรี เรื่อง “ปัญหาหมอกควันในพื้นที่ภาคเหนือ” กับผู้ว่าราชการจังหวัด 9 จังหวัด ว่า ผลจากการที่รัฐบาลส่งรัฐมนตรีลงไปในพื้นที่ ประกอบด้วย นพ.สุรวิทย์ คนสมบูรณ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข นายปรีชา เร่งสมบูรณ์สุข รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม นายวรวัจน์ เอื้ออภิญญกุล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี พบว่า ค่าฝุ่นละอองใน 9 จังหวัด ต่ำกว่า 120 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร ยกเว้น จังหวัดแม่ฮ่องสอน มีค่าฝุ่นละออง 156 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร ซึ่งสถานการณ์ในพื้นที่จังหวัดแม่ฮ่องสอน ที่มีจุดเผาป่า 44 จุด แต่วันนี้เหลือ 35 จุด ทั้งนี้ รัฐบาลได้ทำโครงการที่มีชื่อว่า “โนเบิร์น หยุดเผาเพื่อลมหายใจ” โดยโครงการนี้จะประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนในพื้นที่ ซึ่งเป็นการเดินรณรงค์ในพื้นที่ โดยเป็นจิตอาสา และเครือข่ายของกระทรวงศึกษาธิการ กศน.นิสิต นักศึกษา เข้าไปในพื้นที่
นายอนุสรณ์ กล่าวต่อว่า ทั้งนี้ ปัจจัยหนึ่งที่ทำให้เกิดปัญหาหมอกควันในภาคเหนือ ส่วนหนึ่งคือ ประเทศเพื่อนบ้าน นายกรัฐมนตรีจึงได้มอบหมายให้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ดำเนินการ ทั้งนี้ ประเทศพม่า โดยสำนักงานอำเภอท่าขี้เหล็ก จ.ท่าขี้เหล็ก ได้ออกประกาศ ว่า ขณะนี้เข้าสู่ฤดูร้อน ประชาชนที่อาศัยอยู่ใน จ.ท่าขี้เหล็ก ได้เผาและเกิดลุกลามเข้าไปในพื้นที่ที่เป็นป่า จนทำให้เกิดหมอกควันเป็นจำนวนมาก ส่งผลกระทบเป็นวงกว้าง เครื่องบินขึ้นลงไม่ได้ จึงได้มีการสั่งการว่า หากหมู่บ้านใดเพิกเฉยได้มีการเผาจะดำเนินการตามกฎหมายต่อไป อย่างไรก็ตาม ประเทศลาว แขวงบ่อแก้ว ได้ประสานไปยังเจ้าเมืองห้วยทราย และเจ้าเมืองต้นผึ้ง ในการกวดขันไม่ให้มีการเผาป่าในพื้นที่ดังกล่าว
นายอนุสรณ์ กล่าวว่า ปัจจัยต้นเหตุของการเกิดหมอกควันในประเทศ รัฐบาลสามารถดำเนินการจัดการได้และค่อนข้างดี และยังได้รับความร่วมมือจากประเทศเพื่อนบ้าน ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรีได้กำชับกับผู้ว่าราชการจังหวัดทั้ง 9 จังหวัด ว่า ปัญหาเรื่องหมอกควันที่ลดลง อย่าเพิ่งนิ่งนอนใจ เพราะมีโอกาสเกิดขึ้นอีก จึงให้ตั้งหน่วยเฝ้าระวัง 2 หน่วย คือ 1.ชุดแมวมองเฝ้าระวังไฟป่า ซึ่งเป็นอาสาสมัครในหมู่บ้าน 2.ชุดสารวัตรไฟป่าประจำหมู่บ้าน จะเป็นระดับหัวหน้าไปเฝ้าระวัง
ด้าน นายวรวัจน์ กล่าวเสริมว่า สถานการณ์เรื่องหมอกควันนั้น ครม.ได้มีมาตรการที่เข้มข้นขึ้น ซึ่งห้ามไม่ให้มีการเผาป่า หากฝ่าฝืนปรับสูงสุดไม่เกิน 1 แสน 5 หมื่นบาท และจำคุกสูงสุด 15 ปี สำหรับประชาชนในพื้นที่ เราได้หาทางออกโดยให้ทำการเกษตรวิธีการไถ่กลบ และใน 1 ปีจะมีการปรับให้ปลูกพืชยืนต้นแทน เช่น กาแฟ ยางพารา ชา หรือ กลุ่มผลไม้ ซึ่งได้มอบหมายให้ทางมหาวิทยาเกษตรศาสตร์และเครือข่ายเกษตรกรไปศึกษาเพื่อปรับเปลี่ยนรูปแบบ ทั้งนี้พื้นที่ที่ประชาชนครอบครองซึ่งเป็นที่ของรัฐ และไม่มีโฉนดที่ดิน ก็จะมีการพิจารณาออกเป็นโฉนดชุมชน แต่มีข้อแม้ว่าจะไม่ต้องทำการเกษตรที่ต้องเผาหรือทำให้เกิดมลพิษ และพื้นที่ใดที่ดำเนินการแล้วก็จะเร่งให้ความช่วยเหลือ ซึ่งจะมีกองทุนหมู่บ้าน หมู่บ้านละ 1 ล้านบาทและกองทุนเอสเอ็มแอลจำนวน 3 แสน 4 แสน และ 5 แสนบาท สนับสนุนเพื่อนำไปดำเนินกิจกรรมภายในหมู่บ้านและร่วมป้องกันไฟป่าด้วย
นายวรวัจน์ กล่าวว่า ขณะนี้ทุกพื้นที่ประสบความสำเร็จ และปริมาณหมอกควันในพื้นภาคเหนือทั้ง 9 จังหวัดก็ลดลง ยกเว้น จ.แม่ฮ่องสอน ที่ยังมีการเผาป่าอยู่แต่มีแนวโน้มที่จะลดลง ซึ่งปัญหาในพื้นที่แม่ฮ่องสอน คือมีชนเผ่าเป็นจำนวนมาก การประสานงานต้องใช้ภาษาชนเผ่า ในการสื่อสาร ทั้งพื้นที่ของ จ.แม่ฮ่องสอนก็มีบริเวณกว้าง และเป็นภูเขา ทำให้มีความยากลำบากในการเข้าถึง แต่สถานการณ์โดยรวมสามารถควบคุมพื้นที่ได้ ทั้งยังต้องเร่งทำความเข้าใจกับชาวเขา และชนเผ่าและช่วยเหลือด้วย ทั้งนี้ สถานการณ์จะสามารถคลี่คลายได้ประมาณสิ้นเดือน เม.ย.