เชียงราย - รมต.ประจำสำนักนายกฯ ขึ้นเชียงราย สั่งทุกหน่วยงานในพื้นที่แจ้งชาวบ้านงดเผาเด็ดขาด ลดปัญหาหมอกควันให้ได้ใน 3 วันนี้ หลังระดับฝุ่นละอองพุ่งขึ้นไม่หยุด จี้ผู้ว่าฯเสนอแผนปลูกพืชทดแทนทำไร่ข้าวโพด - เล็งขอ สถ.จัดงบหนุน อปท.ช่วยอีกทาง รับหากไม่ได้ผล อาจต้องอพยพกลุ่มเสี่ยงออกนอกพื้นที่แล้ว
เมื่อเวลา 09.00 น.วันนี้(10 มี.ค.55)กรมควบคุมมลพิษ ตรวจวัดสภาพอากาศพื้นที่ จ.เชียงราย พบว่า ชายแดนไทย-พม่า ด้าน อ.แม่สาย ยังคงมีกลุ่มฝุ่นละอองหนาแน่นอย่างมาก โดยมีฝุ่นละอองขนาดเล็กกว่า 10 ไมครอนในอากาศสะสมมากถึง 384 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร ส่วน อ.เมือง ยังคงมีระดับสูงที่ 252.5 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร
ขณะเดียวกันนายวรวัจน์ เอื้ออภิญญกุล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ก็ได้เดินทางไปตรวจสอบสถานการณ์ที่ อ.แม่สาย โดยมีนายธานินทร์ สุภาแสน ผู้ว่าราชการ จ.เชียงราย และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมประชุมหารือ ณ ที่ว่าการ อ.แม่สาย
ภายหลังรับทราบสถานการณ์ที่ย่ำแย่ลงทุกวันแล้ว นายวรวัจน์ ได้มอบนโยบายให้ทุกฝ่ายนำไปปฏิบัติการทันที โดยกำหนดว่าภายใน 3 วันนับจากนี้ให้งดการเผาอย่างเด็ดขาด จากนั้นแจ้งให้ผู้ว่าราชการจังหวัดเสนอแผนการพัฒนาพื้นที่การเกษตร เข้าไปยังส่วนกลาง เพื่อพิจารณางบประมาณสนับสนุนการปลูกไม้ยืนต้น อย่างยางพารา ชา และกาแฟ ฯลฯ เพื่อทดแทนการทำไร่ข้าวโพด หรือการปลูกพืชไร่อื่นๆ ที่จะต้องเผาเศษวัชพืชกันในทุกฤดูแล้งต่อไป
นายวรวัจน์ กล่าวว่า สำหรับการแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้านอกจากคำสั่งดังกล่าวแล้ว จะได้ประสานกับกรมการปกครองส่วนท้องถิ่น เพื่อขอรับการสนับสนุนงบประมาณช่วยเหลือเรื่องน้ำมันเชื้อเพลิงให้กับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นทุกแห่ง ใช้ดับเพลิงและนำไปใช้ติดตามและเฝ้าระวังปัญหาไฟป่า และนำไปศึกษาเรื่องจุลินทรีย์เพื่อทดแทนการเผา เชื่อว่าจะเป็นทางออกให้กับประชาชนได้อย่างดี หากว่าหน่วยงานใดไม่ดำเนินการก็จะมีการดำเนินการทางวินัยตามขั้นตอนต่อไป
"ตั้งแต่วันที่ 6 ก.พ.55 เป็นต้นมาพบว่าถานการณ์ก็ยังไม่มีแนวโน้มที่จะดีขึ้นเลย โดยยอมรับว่าหมอกควันฝุ่นละอองที่มีอยู่ถือว่าอยู่ในเกณฑ์ที่อันตรายมาก โดยเฉพาะกับเด็กเล็ก และผู้สูงอายุ ดังนั้นหากปฏิบัติการ 3 วันของการหยุดเผาอย่างเด็ดขาดไม่เป็นผล สิ่งที่ต้องทำคือการเตรียมแผนอพยพ ซึ่งแม้จะมีความยุ่งยาก แต่ก็จำเป็นต้องให้ความสำคัญไปที่กลุ่มเลี่ยงเป็นลำดับแรกก่อน เพราะปัจจุบันโรงพยาบาลแม่สายได้รับผู้ป่วยเพิ่มเป็นวันละ 150 คนแล้ว" นายวรวัจน์ กล่าว
ด้านนายธานินทร์ กล่าวว่าระหว่างวันที่ 10- 11 มีนาคม จะให้โอกาสทุกอำเภอในจังหวัดทั้ง 18 อำเภอ ออกไปทำความเข้าใจกับผู้นำท้องถิ่น จากนั้นมาตรการห้ามเผาและอื่นๆ จะเริ่มกวดขันอย่างหนัก ระหว่างวันที่ 12-14 มี.ค.55 นี้เพื่อให้ปัญหาหมอกควันหมดไปโดยเร็วที่สุด เพราะปัญหาปีนี้ถือว่าหนักเพราะตามปกติจะมีฝุ่นละอองหนาแน่นช่วงเดือน มี.ค.แต่ปีนี้เริ่มต้นแต่ต้นเดือน ก.พ.แล้ว รวมทั้งยังสะสมต่อเนื่อง หากว่ายังไม่ลดลงจนถึงเดือน เม.ย.อาจทะลุถึงระดับ 400 ไมโครกรัมได้เช่นกัน
