ศูนย์ข่าวเชียงใหม่ - ผวจ.เชียงใหม่ นำขบวนฉีดน้ำรอบคูเมืองวันที่สอง ย้ำต้องทำต่อเนื่องหยุดไม่ได้พร้อมกำชับทุกภาคส่วนเร่งช่วยกันแก้ไขปัญหา ระบุไม่หนักใจรัฐบาลหมายหัวหากปัญหาไม่ทุเลา ชี้ทำงานย่อมมีความกดดันเป็นธรรมดา ด้านสถานการณ์ในจังหวัดยังรุนแรงต่อเนื่อง ล่าสุด ค่าฝุ่นละอองทะลุหลัก 200 ทำลายสถิติจังหวัดไปแล้ว
หม่อมหลวง ปนัดดา ดิศกุล ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ ร่วมทำการฉีดน้ำรอบคูเมืองทั้งสี่ด้านในวันนี้ (7 มี.ค.) ซึ่งถือเป็นวันที่สองของการจัดขบวนออกฉีดน้ำสร้างความชุ่มชื้นในอากาศในพื้นที่รอบคูเมืองเชียงใหม่ของผู้ว่าราชการจังหวัด โดยในวันนี้ มี นายชัยวัฒน์ ทาปลูก ผู้อำนวยการศูนย์ส่งเสริมการควบคุมไฟป่าภาคเหนือ พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ รถบรรทุกน้ำ และรถดับเพลิงจากศูนย์ส่งเสริมการควบคุมไฟป่าภาคเหนือ เทศบาลนครเชียงใหม่ องค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงใหม่ และสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดเชียงใหม่ ร่วมในกิจกรรมดังกล่าว
หม่อมหลวง ปนัดดา กล่าวถึงการออกฉีดพ่นน้ำสร้างความชุ่มชื้นรอบคูเมืองเชียงใหม่ในวันนี้ว่า ถือเป็นภารกิจที่ต้องทำอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้สภาพอากาศโดยรวมดีขึ้น ซึ่งในขณะนี้หน่วยงานทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องต่างก็ดำเนินงานในด้านต่างๆ กันอย่างแข็งขัน
อย่างไรก็ตาม ตราบใดที่ปัญหาหมอกควันยังไม่ทุเลาความรุนแรงลง ทุกฝ่ายก็ต้องทำงานอย่างเข้มข้นต่อไป จะหยุดไม่ได้เด็ดขาด มีแต่ต้องเพิ่มความเข้มข้นในการทำงานให้มากยิ่งขึ้น ซึ่งถ้าหากทุกภาคส่วนร่วมแรงร่วมใจกันอย่างจริงจังก็จะสามารถช่วยให้สถานการณ์ที่เป็นอยู่ลดความรุนแรงลงได้
สำหรับปริมาณหมอกควัน และจุด Hotspot ที่เพิ่มสูงขึ้นในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่นั้น หม่อมหลวงปนัดดากล่าวว่าได้มอบหมายให้มรการจัดตั้งหน่วยเคลื่อนที่เร็วเพื่อเข้าไปตรวจสอบจุด Hotspot ต่างๆ ที่ได้รับรายงาน โดยหากหน่วยงานต่างๆ สามารถควบคุมการเกิดไฟป่าหรือลดปริมาณหมอกควันที่เกิดขึ้นลงได้ก็จะมีรางวัลมอบให้ อย่างไรก็ตาม ต้องขอความร่วมมือจากท้องถิ่นในการช่วยกันดูแลและเข้มงวดกวดขันไม่ให้เกิดการเผาขึ้นในพื้นที่ด้วย
ส่วนกรณีที่รัฐบาลระบุว่าหากพื้นที่จังหวัดใดไม่สามารถควบคุมสถานการณ์หมอกควันไฟป่าได้จะถือว่าเป็นความรับผิดชอบของผู้ว่าราชการจังหวัดนั้นๆ หม่อมหลวงปนัดดากล่าวว่าการทำงานทุกอย่างล้วนแต่ต้องมีความรับผิดชอบทั้งสิ้น ซึ่งความรับผิดชอบก็ถือเป็นสิ่งกระตุ้นให้ผู้ที่รับผิดชอบเกิดความตั้งใจในการทำงานด้วยเช่นกัน สำหรับตนเองไม่รู้สึกหนักใจในเรื่องดังกล่าว แต่ถือเป็นหน้าที่ที่จะต้องเร่งดำเนินการ รวมทั้งต้องขอความร่วมมือจากทุกภาคส่วนในจังหวัดให้ช่วยกันทำให้ปัญหาดังกล่าวคลี่คลายลงให้ได้
ทั้งนี้ สถานการณ์หมอกควันไฟป่าล่าสุดของจังหวัดเชียงใหม่ พบว่า ปริมาณฝุ่นละอองขนาดไม่เกิน 10 ไมครอน (PM10) ของจังหวัดเชียงใหม่ได้เพิ่มสูงจนเกินระดับ 200 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตรไปแล้ว โดยเมื่อเวลา 16.00 น. ที่สถานีตรวจวัดอากาศสาลากลางจังหวัดเชียงใหม่ วัดค่า PM10 ได้ที่ 202.86 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร ขณะที่ค่าดัชนีคุณภาพอากาศอยู่ที่ 136
ส่วนที่สถานีตรวจวัดรงเรียนยุพราชวิทยาลัย วัดค่า PM10 ได้ 150.40 และวัดค่าดัชนีคุณภาพอากาศได้ที่ 113 ซึ่งค่า PM10 ที่ตรวจวัดได้ในวันนี้ถือเป็นสถิติที่สูงที่สุดของจังหวัดเชียงใหม่ อีกทั้งยังอยู่ในระดับที่มีผลกระทบต่อสุขภาพมากอีกด้วย
ด้านกรมควบคุมมลพิษได้รายงานผลการตรวจวัดคุณภาพอากาศในพื้นที่ภาคเหนือ วันที่ 7 มี.ค.55 ว่า พบปริมาณฝุ่นละอองขนาดไม่เกิน 10 ไมครอน (PM10) เฉลี่ย 24 ชั่วโมง มีค่าระหว่าง 47.0-268.1 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร ส่งผลให้คุณภาพอากาศโดยรวมอยู่ในระดับปานกลางถึงมีผลกระทบต่อสุขภาพ
โดยกรมควบคุมมลพิษยังได้ประกาศขอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ดำเนินมาตรการลดและควบคุมการเผาในที่โล่งอย่างเร่งด่วน โดยเฉพาะการงดการเผาริมทาง งดการเผาในพื้นที่ป่าและระวังป้องกันไฟป่า รวมทั้งขอความร่วมมือจากประชาชนให้งดเผาขยะ เศษวัสดุการเกษตร และกิ่งไม้ใบหญ้า เพื่อลดระดับความรุนแรงของสถานการณ์หมอกควันที่เกิดขึ้น