รองโฆษกรัฐบาลเผย ครม.ชี้หมอกควันเหนือสู่ภาวะปกติเว้นแม่ฮ่องสอน ส่ง “วรวัจน์-ปรีชา” ลงพื้นที่ พร้อมเพิ่ม 5 มาตรการเข้ม ชูฝนหลวงช่วยดับ จ่อดันไฟป่าวาระแห่งชาติ สั่งผู้ว่าฯ รายงานม็อบ-อุบัติเหตุใหญ่ตรงสู่ส่วนกลาง ให้ “ยงยุทธ-นิวัฒน์ธำรง” หัวหน้าทีม
วันนี้ (13 มี.ค.) ที่ทำเนียบรัฐบาล เมื่อเวลา 14.00 น. นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะรักษาราชการโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่า การติดตามปัญหาหมอกควันในพื้นที่ 9 จังหวัดภาคเหนือ ขณะนี้สถานการณ์กลับสู่สภาวะเกือบปกติแล้ว ยกเว้น จ.แม่ฮ่องสอน ซึ่งมีการส่งนายวรวัจน์ เอื้ออภิญญกุล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นายปรีชา เร่งสมบูรณ์สุข รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เข้าไปในพื้นที่และรายงานให้ ครม.รับทราบ โดยมีมาตรการเข้มงวด 5 ข้อ ดังนี้ 1. ห้ามเผาวัชพืช ขยะมูลฝอยทุกชนิด ฝ่าฝืนปรับ 2,000 บาท 2. ห้ามไม่ให้มีการเผาป่าฝ่าฝืนปรับสูงสุดไม่เกิน 1 แสน 5 หมื่นบาท และจำคุกสูงสุด 15 ปี 3. ให้ศูนย์เฉพาะกิจควบคุมและแก้ไขปัญหาหมอกควันและไฟป่าระดับจังหวัดเพื่อประชาสัมพันธ์ค่าฝุ่นละลองขนาดเล็กกว่า 10 ไมครอน และคุณภาพอากาศทุกวัน รวมถึงมอร์นิเตอร์ค่ามาตรฐานและอาจเป็นอันตรายต่อสุขภาพประชาชน 4. ให้ทุกส่วนราชการที่ทำงานในที่ตั้งจังหวัด ราชการส่วนภูมิภาค และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ให้การสนับสนุนการป้องกันและแก้ไขไฟป่า และ 5. ให้สถานีวิทยุชุมชนและวิทยุคลื่นหลักทุกสถานีออกข่าวมาตรการแก้ปัญหาหมอกควัน
“นายกรัฐมนตรีได้เรียนต่อที่ประชุมว่า ที่เราฝ่าวิกฤตหมอกควันได้ด้วยเพราะพระบารมีปกเกล้าฯ ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ที่พระองค์ท่านพระราชทานหลักคิดในเรื่องการทำฝนหลวง ทำให้สำนักฝนหลวงและการบินการเกษตร ซึ่งสำนักฝนหลวงฯได้ตั้งหน่วยบินในพื้นที่ตั้งแต่วันที่ 27 ก.พ.ที่ผ่านมา บิน 74 เที่ยวบินเป็นผลสัมฤทธิ์อันดี นายกฯ ได้เน้นย้ำว่าจากนี้ไปคงต้องให้ความสำคัญการป้องกันไฟป่า และอาจถือเป็นวาระแห่งชาติในอนาคตด้วย” นายอนุสรณ์กล่าว
นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรียังกล่าวถึงจากการประชุม ครม.ครั้งที่ผ่านมาว่า จากนี้ไปให้หัวหน้าส่วนราชการ หรือผู้ว่าฯทุกจังหวัด จะต้องรายงานสถานการณ์ที่ไม่ปกติใน 2 หมวด คือ 1. หากมีการชุมนุมปิดถนนอันเกิดจากความไม่พอใจในทุกกรณี ผู้ว่าฯ ต้องรายงานเข้าสู่ส่วนกลางอย่างเร่งด่วน และเรื่องการเกิดอุบัติเหตุขนาดใหญ่ที่ส่งผลกระทบในวงกว้างต่อชีวิตและทรัพย์สินพี่น้องประชาชน จะต้องแจ้งเข้ามาสู่ส่วนกลาง ซึ่งการดำเนินการก็ได้รับความร่วมมือระดับ แต่นายกฯ พูดชัดว่าให้มีการรายงานอย่างเป็นระบบและรวดเร็วยิ่งขึ้น โดยมอบหมายนายยงยุทธทำงานบูรณาการร่วมกับนายนิวัฒน์ธำรง บุญทรงไพศาล รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ทางด้านเลขาธิการ ครม.ได้แจ้งที่ประชุมถึงการเลื่อนการประชุมคณะรัฐมนตรีจากวันที่ 27 มี.ค.เป็น 29 มี.ค. เนื่องจากนายกฯ ติดภารกิจเยือนสาธารณรัฐเกาหลีใต้