“สดศรี” ยัน มติกกต. 3 ต่อ 2 แจกแดง “ดิสทัต” เขต 2 นครสวรรค์ เพื่อไทย เหตุมีชื่ออยู่ในจังหวัดติดต่อกันไม่ถึง 5 ปี ชงศาลฎีกาสั่งจ่ายค่าเสียหายแล้ว แฉพบใช้บัตรประชาชน 2 ใบ แถมที่อยู่ไม่ตรงกันด้วย ไม่รู้เด็ก ปชป.ร้องเจ้าตัวใช้น้องชายเปลี่ยนชื่อเหมือนสวมสิทธิลงเลือกตั้ง จี้ทะเบียนราษฎรแจง เผยผลร้องค้าน ส.ส.ใกล้หมดแล้ว
วันนี้ (14 มี.ค.) ที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) นางสดศรี สัตยธรรม กกต.ด้านกิจการพรรคเมือง กล่าวยืนยันว่า ในที่ประชุม กกต.วันที่ 13 มี.ค.ได้มีมติเสียงข้างมาก 3 ต่อ 2 ให้เพิกถอนสิทธิ (ใบแดง) และสั่งให้มีการเลือกตั้งใหม่ นายดิสทัต คำประกอบ ส.ส.เขต 2 นครสวรรค์ พรรคเพื่อไทย เนื่องจากตรวจสอบเรื่องร้องเรียนแล้วพบว่า นายดิสทัตขาดคุณสมบัติในการลงสมัครรับเลือกตั้งในมาตรา 101 (4) คือ มีชื่อยู่ในทะเบียนบ้านในจังหวัดที่สมัครรับเลือกตั้งเป็นเวลาติดต่อกันไม่ถึง 5 ปี ซึ่ง กกต.จะได้ส่งเรื่องให้ศาลฎีกาแผนกคดีเลือกตั้งพิจารณา และให้นายดิสทัตชด ใช้ค่าเสียหายในการจัดเลือกตั้งใหม่พร้อมดำเนินคดีอาญา
อย่างไรก็ตาม เหตุที่ กกต.มีมติเพิกถอนสิทธิ เนื่องจากในการตรวจสอบพบว่านายดิสทัตมีบัตรประจำตัวประชาชน 2 ใบ ที่เลขบัตรประจำตัวประชาชนไม่ตรงกัน นอกจากนี้ยังพบว่า นายดิสทัตยังมีชื่อในทะเบียนบ้าน 2 ฉบับ โดยฉบับแรกอยู่ในบ้านที่ จ.นครสวรรค์ 2 ช่วงเวลา คือ 37 ปี กับ 3 ปี ขณะที่อีกหนึ่งฉบับอยู่ในบ้านที่กรุงเทพมหานคร โดยในทะเบียนบ้านทั้ง 2 ฉบับก็พบเลขที่บัตรประชาชนของนายดิสทัตไม่เหมือนกัน ซึ่งทั้ง 2 จุดนายดิสทัตจะต้องไปพิสูจน์ในชั้นศาล และเป็นเรื่องที่สำนักทะเบียนราษฎร กระทรวงมหาดไทย จะต้องเป็นผู้ชี้แจงและตรวจสอบว่าคนคนหนึ่งทำไมจึงมีบัตรประชาชน 2 ใบได้หรือไม่
เมื่อถามว่า ก่อนหน้านี้ผู้สมัคร ส.ส.นครสวรรค์ของพรรคประชาธิปัตย์ ร้องเรียนว่านายดิสทัตลงสมัครรับเลือกตั้งได้เพราะให้น้องชายซึ่งมีชื่ออยู่ในทะเบียนบ้านที่ จ.นครสวรรค์ติดต่อกันเกินกว่า 5 ปีเปลี่ยนชื่อมาเป็นชื่อเดียวกัน และใช้ใบรับรองของปลัดอำเภอในการยื่นสมัครรับเลือกตั้ง นางสดศรีกล่าวว่า ไม่ทราบว่ากรณีนี้จะเป็นการสวมบัตรประชาชนเพื่อลงสมัครรับเลือกตั้งหรือไม่ เพราะเขาก็มีหลักฐานเป็นใบรับรองของปลัดอำเภอว่าเป็นบุคคลคนเดียวกัน แต่การที่นายดิสทัตมีบัตรประชาชน 2 ใบ ตนก็ไม่อยากคิดว่าเป็นการสวมบัตร ซึ่งก็อยากให้สำนักทะเบียนราษฎร์ เป็นผู้ชี้แจง ว่าเป็นไปได้หรือไม่ที่คนคนหนึ่งจะมีบัตรประชาชน 2 ใบแต่เป็นคนละหมายเลขประจำตัว เพื่อที่ประชาชนจะได้ไม่สับสน หรือหากเป็นความผิดพลาดก็ควรเพิกถอน
นางสดศรียังกล่าวด้วยว่า สำนวนร้องคัดค้านผลการเลือกตั้ง ส.ส.เมื่อวันที่ 3 ก.ค.54 ขณะนี้ใกล้จะหมดแล้ว ส่วนคำร้องของ ส.ว.ก็เหลือเพียงเรื่องเดียว คือเรื่องของนายศรีสุข รุ่งวิสัย ส.ว.สรรหา ที่ กกต.ได้สั่งให้ตั้งกรรมการตรวจสอบ 15 วัน ซึ่งคาดว่าจะมีการรายงานให้ กกต.พิจารณาก่อนวันที่ 12 เม.ย. ที่จะครบกำหนด 1 ปี ของการตรวจสอบ ส.ว. ทั้งนี้ รวมไปถึงการตรวจสอบ 73 ส.ว.ที่อาจไม่ไปใช้สิทธิเลือกตั้งให้เสร็จไปในคราวเดียวกัน เพราะเมื่อความปรากฏ กกต.ก็ต้องตรวจสอบตามหน้าที่ ไม่ได้นิ่งนอนใจ