วานนี้ ( 15 มี.ค.) นายประพันธ์ นัยโกวิท กกต. ด้านกิจการบริหารงานเลือกตั้ง กล่าวถึงกรณีกกต. มีมติให้เพิกถอนสิทธิเลือกตั้ง นายดิสทัต คำประกอบ ส.ส.นครสวรรค์ เขต 2 พรรคเพื่อไทย ว่า ขณะนี้เรื่องอยู่ที่สำนักวินิจฉัยและคดี ที่จะดำเนินการเรียบเรียงและยกร่างคำวินิจฉัยเพื่อส่งคำร้องต่อศาลฎีกาแผนกคดีเลือกตั้ง คาดว่าจะส่งได้อย่างเร็ว ต้นเดือนเม.ย.นี้
ส่วนที่ต้องยื่นศาลฎีกาฯ ไม่ยื่นศาลรัฐธรรมนูญนั้น เนื่องจากเป็นกรณีที่กกต.สั่งเพิกถอนสิทธิเลือกตั้ง 5 ปี และให้มีการเลือกตั้งใหม่ รวมถึงให้ชดใช้ค่าเสียหายจากการเลือกตั้งใหม่ด้วย โดยเป็นการพิจารณาจากเรื่องร้องเรียนที่ระบุว่า มีการยื่นสมัครรับเลือกตั้งไม่ถูกต้อง ซึ่งไม่อาจนำไปเทียบเคียงกับกรณีที่ กกต.เสนอให้วินิจฉัยคุณสมบัติความเป็นส.ส.ของนายจตุพร พรหมพันธุ์ ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย เพราะกรณีของจตุพร มีคุณสมบัติลงสมัครรับเลือกตั้งได้ แต่กรณีของนายดิสทัต กกต.มองว่า เป็นการยื่นหลักฐานที่ไม่ถูกต้องในการลงสมัครรับเลือกตั้ง และเป็นการสั่งให้เพิกถอนสิทธิเลือกตั้ง จึงต้องยื่นต่อศาลฎีกา ยืนยันกกต.ไม่ได้เลือกปฏิบัติแต่อย่างใด
อย่างไรก็ตาม นายดิสทัต ยังสามารถสู้คดีในชั้นศาลฎีกาต่อไปได้ โดยกกต.ได้พิจารณาตามพยานหลักฐาน และข้อเท็จจริงที่ปรากฏ เพราะยังมีความสงสัยว่า นายดิสทัต มีบัตรประชาชน 2 ใบ แต่หมายเลขประจำตัวประชาชนไม่ตรงกัน
ส่วนที่นายดิสทัต ลงสมัครได้นั้น เนื่องจากใช้เอกสารรับรองการสมัครที่ปลัดอำเภอเมืองนครสวรรค์ได้รับรองว่า มีภูมิลำเนาอยู่ใน จ.นครสวรรค์ เกิน 5 ปี อย่างไรก็ตาม เมื่อครั้งเปิดให้มีการสมัครับเลือกตั้ง ผู้ที่พิจารณาเป็นเรื่องของผู้อำนวยการการเลือกตั้งประจำเขตเลือกตั้ง (ผอ.กต.เขต) ที่ขณะนั้นเห็นว่านายดิสทัต มีคุณสมบัติครบถ้วนลงสมัคร ซึ่งเป็นการพิจารณาของผอ.กต.เขต ไม่ใช่การพิจารณาของ กกต.กลาง แต่ภายหลังมีการยื่นเรื่องร้องเรียนมายังกกต. จึงทำให้ต้องตั้งคณะกรรมการไต่สวนขึ้นมาพิจารณา และเห็นว่าน่ามีชื่ออยู่ในทะเบียนบ้านไม่เกิน 5 ปีในจ.นครสวรรค์
ผู้สื่อข่าวถามว่า กกต.ได้พิจารณาในประเด็นที่นายดิสทัต สวมสิทธิบัตรประชาชนของนายดิสทัต คำประกอบ หรือไม่ นายประพันธ์ กล่าวว่า กกต.ไม่ได้ดูในประเด็นดังกล่าว เพียงแต่สอบสวนว่า มีคนที่ชื่อนายดิสทัต แต่มีเลขประจำตัวประชาชน 2 หมายเลขเท่านั้น อีกทั้ง เป็นการสอบสวน เนื่องจากเป็นกรณีเกี่ยวกับการให้ใบแดง
"ไม่ใช่กกต.อยากให้ใบแดงกับนายดิสทัต แต่ที่บอกว่า มีการพาดพิงถึงพรรคเพื่อไทยว่า อาจมีการรับรองการส่งผู้สมัครโดยไม่ชอบ ก็ไม่ใช่ เพราะกกต.ยังไม่ได้มีการพิจารณาเกี่ยวกับพรรค ว่ากระทำการถูกต้องหรือไม่ แต่เราพิจารณาในประเด็นเดียวคือ การถูกเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งเท่านั้น"
นายประพันธ์ กล่าวด้วยว่า ในชั้นการสอบสวน มีการชี้แจงกันว่าเมื่อปี 2526 ได้มีการปรับปรุงทะเบียนบ้านใหม่ ซึ่งอาจทำให้มีบัตรประจำตัวประชาชน 2 ใบ ที่หมายเลขไม่ตรงกันได้ ซึ่งเรื่องดังกล่าว เป็นหน้าที่ของสำนักทะเบียนกลาง และสำนักทะเบียนท้องถิ่น ที่จะต้องตรวจสอบ ว่ากรณีดังกล่าวเกิดจากอะไร แต่กรณีของนายดิสทัตนั้น กกต.ได้ดูจากเลขบัตรประชาชนแล้ว พบว่า อาจมีปัญหาจึงต้องไปต่อสู้กันในชั้นศาลฎีกา ต่อไป
ส่วนที่ต้องยื่นศาลฎีกาฯ ไม่ยื่นศาลรัฐธรรมนูญนั้น เนื่องจากเป็นกรณีที่กกต.สั่งเพิกถอนสิทธิเลือกตั้ง 5 ปี และให้มีการเลือกตั้งใหม่ รวมถึงให้ชดใช้ค่าเสียหายจากการเลือกตั้งใหม่ด้วย โดยเป็นการพิจารณาจากเรื่องร้องเรียนที่ระบุว่า มีการยื่นสมัครรับเลือกตั้งไม่ถูกต้อง ซึ่งไม่อาจนำไปเทียบเคียงกับกรณีที่ กกต.เสนอให้วินิจฉัยคุณสมบัติความเป็นส.ส.ของนายจตุพร พรหมพันธุ์ ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย เพราะกรณีของจตุพร มีคุณสมบัติลงสมัครรับเลือกตั้งได้ แต่กรณีของนายดิสทัต กกต.มองว่า เป็นการยื่นหลักฐานที่ไม่ถูกต้องในการลงสมัครรับเลือกตั้ง และเป็นการสั่งให้เพิกถอนสิทธิเลือกตั้ง จึงต้องยื่นต่อศาลฎีกา ยืนยันกกต.ไม่ได้เลือกปฏิบัติแต่อย่างใด
อย่างไรก็ตาม นายดิสทัต ยังสามารถสู้คดีในชั้นศาลฎีกาต่อไปได้ โดยกกต.ได้พิจารณาตามพยานหลักฐาน และข้อเท็จจริงที่ปรากฏ เพราะยังมีความสงสัยว่า นายดิสทัต มีบัตรประชาชน 2 ใบ แต่หมายเลขประจำตัวประชาชนไม่ตรงกัน
ส่วนที่นายดิสทัต ลงสมัครได้นั้น เนื่องจากใช้เอกสารรับรองการสมัครที่ปลัดอำเภอเมืองนครสวรรค์ได้รับรองว่า มีภูมิลำเนาอยู่ใน จ.นครสวรรค์ เกิน 5 ปี อย่างไรก็ตาม เมื่อครั้งเปิดให้มีการสมัครับเลือกตั้ง ผู้ที่พิจารณาเป็นเรื่องของผู้อำนวยการการเลือกตั้งประจำเขตเลือกตั้ง (ผอ.กต.เขต) ที่ขณะนั้นเห็นว่านายดิสทัต มีคุณสมบัติครบถ้วนลงสมัคร ซึ่งเป็นการพิจารณาของผอ.กต.เขต ไม่ใช่การพิจารณาของ กกต.กลาง แต่ภายหลังมีการยื่นเรื่องร้องเรียนมายังกกต. จึงทำให้ต้องตั้งคณะกรรมการไต่สวนขึ้นมาพิจารณา และเห็นว่าน่ามีชื่ออยู่ในทะเบียนบ้านไม่เกิน 5 ปีในจ.นครสวรรค์
ผู้สื่อข่าวถามว่า กกต.ได้พิจารณาในประเด็นที่นายดิสทัต สวมสิทธิบัตรประชาชนของนายดิสทัต คำประกอบ หรือไม่ นายประพันธ์ กล่าวว่า กกต.ไม่ได้ดูในประเด็นดังกล่าว เพียงแต่สอบสวนว่า มีคนที่ชื่อนายดิสทัต แต่มีเลขประจำตัวประชาชน 2 หมายเลขเท่านั้น อีกทั้ง เป็นการสอบสวน เนื่องจากเป็นกรณีเกี่ยวกับการให้ใบแดง
"ไม่ใช่กกต.อยากให้ใบแดงกับนายดิสทัต แต่ที่บอกว่า มีการพาดพิงถึงพรรคเพื่อไทยว่า อาจมีการรับรองการส่งผู้สมัครโดยไม่ชอบ ก็ไม่ใช่ เพราะกกต.ยังไม่ได้มีการพิจารณาเกี่ยวกับพรรค ว่ากระทำการถูกต้องหรือไม่ แต่เราพิจารณาในประเด็นเดียวคือ การถูกเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งเท่านั้น"
นายประพันธ์ กล่าวด้วยว่า ในชั้นการสอบสวน มีการชี้แจงกันว่าเมื่อปี 2526 ได้มีการปรับปรุงทะเบียนบ้านใหม่ ซึ่งอาจทำให้มีบัตรประจำตัวประชาชน 2 ใบ ที่หมายเลขไม่ตรงกันได้ ซึ่งเรื่องดังกล่าว เป็นหน้าที่ของสำนักทะเบียนกลาง และสำนักทะเบียนท้องถิ่น ที่จะต้องตรวจสอบ ว่ากรณีดังกล่าวเกิดจากอะไร แต่กรณีของนายดิสทัตนั้น กกต.ได้ดูจากเลขบัตรประชาชนแล้ว พบว่า อาจมีปัญหาจึงต้องไปต่อสู้กันในชั้นศาลฎีกา ต่อไป
