xs
xsm
sm
md
lg

ค่าครองชีพ-ราคาสินค้าพุ่งน่าวิตก ปูนิ่ม ไร้น้ำยา!?

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ผ่าประเด็นร้อน

เมื่อวานนี้ (12 มีนาคม) บริษัท ปตท.จำกัด (มหาชน) และบริษัท บางจากปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) ได้ประกาศปรับขึ้นราคาขายปลีกน้ำมันกลุ่มเบนซินทุกชนิดอีกลิตรละ 60 สตางค์ ขณะที่ E85 ปรับขึ้นอีกลิตรละ 50 สตางค์ ส่วนน้ำมันดีเซลปรับขึ้นอีกลิตรละ 60 สตางค์ ทำให้ราคาจำหน่ายปลีกน้ำมันแต่ละชนิดในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล เป็นดังนี้ เบนซิน 91 ลิตรละ 41.51 บาท แก๊สโซฮอล์ 91 ลิตรละ 38.48 บาท แก๊สโซฮอล์ 95 ลิตรละ 40.23 บาท E20 ลิตรละ 37.18 บาท E85 ลิตรละ 23.98 บาท และดีเซล ลิตรละ 32.33 บาท

การปรับขึ้นราคาน้ำมันดังกล่าว เป็นการปรับขึ้นครั้งแรกในรอบเดือนมี.ค.2555 หลังจากที่ปรับขึ้นอย่างต่อเนื่องมาก่อนหน้านี้ถึง 10 ครั้ง ตั้งแต่วันที่ 5 ม.ค. จนครั้งล่าสุดวันที่ 21 ก.พ.ที่ผ่านมา โดยการปรับราคาครั้งนี้ ทำให้แก๊สโซฮอล์ 95 ขยับขึ้นทะลุลิตรละ 40.23 บาท ขณะที่ดีเซลทะลุลิตรละ 32.33 บาท

นั่นเป็นข่าวร้ายที่เกิดขึ้นแทบจะทุกสัปดาห์ หลังจากรับรู้เรื่องราวเกี่ยวกับการปรับขึ้นราคาน้ำมันคราวใด เพราะจะทำให้เป็นเรื่อง “ชาชิน” เฉยๆ นิ่งๆ คงไม่ได้ เพราะเมื่อราคาน้ำมันปรับขึ้นครั้งใด นั่นก็หมายความว่าต้องมาลุ้นว่าเมื่อไหร่ ราคารถมอเตอร์ไซค์ สองแถวหน้าปากซอยจะปรับขึ้นตามโดยอ้างเหตุผลโอดโอยเรื่องต้นทุนเพิ่ม หรือใครที่โดยสารเรือในคลอง ในแม่น้ำเจ้าพระยา รวมไปถึงจะได้เห็นหน้าตาทมึงทึงของ “เจ๊เกียว” นางสุจินดา เชิดชัย เจ้าของรถร่วม บขส.จะต้องเดินถือซองสีน้ำตาลเข้ากระทรวงคมนาคมขอปรับขึ้นค่าโดยสาร

โดยบรรดารถและเรือโดยสารดังกล่าวต่างก็ปรับขึ้นกันไปเรียบร้อยแล้วไม่ต่ำกว่า 1-2 บาท

ยัง ยังไม่พอ ไม่หนำใจ เวลานี้กรมการขนส่งทางบก กระทรวงคมนาคมและบริษัท ปตท.จำกัด (มหาชน) และผู้ประกอบการรถแท็กซี่ ได้บรรลุข้อตกลงเรียบร้อยแล้วอนุมัติให้มีการปรับราคาค่าโดยสารใหม่ โดยเริ่มใช้ในวันที่ 1 เมษายนเป็นต้นไป อย่างไรก็ตาม แม้ว่ายังไม่สรุปก็คือจะเปลี่ยนราคามิเตอร์เริ่มต้นเท่าไดจากเดิม เริ่มที่ 35 บาท จะคงไว้ที่ราคาเดิมแต่ระยะทางสั้นลง หรือเพิ่มเป็นเริ่มต้น 40 บาทหรือ 50 บาทดี

ขณะเดียวกันยังมีข่าวร้ายมากไปกว่านั้นอีกพี่น้องเอ๋ย เมื่อรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน อารักษ์ ชลธาร์นนท์ ที่เพิ่งเข้ามารับงานต่อจากคนก่อนก็ประกาศจะลอยตัวราคาก๊าซหุงต้ม ยกเลิกกองทุนน้ำมัน อ้างว่าต้องการสะท้อนต้นทุนที่แท้จริง และเพื่อรองรับการเข้าสู่ประชาคมอาเซียนในปี 2558
 

อ้อ เกือบลืมไปในวันที่ 16 มีนาคมนี้จะเริ่มปรับขึ้นราคาแก๊ซแอลพีจีในภาคขนส่ง อีกกิโลกรัมละ 75 สตางค์ และเอ็นจีวี อีกกิโลกรัมละ 50 สตางค์ โดยจะทยอยปรับขึ้นไปเรื่อยๆทุกเดือน

ถามว่าถ้ารัฐบาลประกาศลอยตัวราคาก๊าซหุงต้มซ้ำเติมเข้ามาอีก ข่าวแว่วว่าอาจจะเริ่มภายในเดือนตุลาคมนี้ด้วยซ้ำไป หลับตาเห็นภาพแล้วคงจะสยดสยองพิลึก เพราะถึงตอนนั้นยังไม่รู้ว่า ราคาข้าวราดแกง ข้าวผัดกระเพราจะมีราคาจานละเท่าไหร่กันแน่ ต่อไปเราอาจได้เห็น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ บุญทรง เตริยาภิรมย์ กับนายกรัฐมนตรียิ่งลักษณ์ ชินวัตร ไปเปิดร้านธงฟ้าขายข้าวราดแกงจานละ 25 บาทกันสองคนก็ได้

สิ่งที่เกิดขึ้นถือว่าเป็นปัญหาที่สร้างภาระให้กับชาวบ้านแทบทุกระดับ นั่นคือระดับที่มีรายได้ประจำ คงที่ แต่รายจ่ายพุ่งปรี๊ดทุกวัน ขณะเดียวกันสะท้อนให้เห็นว่ารัฐบาลชุดนี้บริหารจัดการ “ล้มเหลว” อย่างสิ้นเชิง โดยเฉพาะการบริหารจัดการเรื่องโครงสร้างพลังงาน แม้จะพยายามอ้างเรื่องราคาน้ำมันและก๊าซที่ปรับขึ้นตามตลาดโลก แต่หากต้องการช่วยดูแลความเดือดร้อนของชาวบ้านมาก่อนความเดือดร้อนของบริษัทน้ำมัน และผู้ถือหุ้นของบริษัทน้ำมัน มันก็สามารถแบ่งเบาภาระลงได้บ้าง แต่นี่กลับตรงกันข้าม

เมื่อราคาน้ำมัน โดยเฉพาะน้ำมันดีเซลเป็นต้นทุนหลักของการขนส่งและราคาสินค้า ก็ไม่ต้องแปลกใจที่เวลานี้สินค้าอุปโภคบริโภคต่างทยอยขึ้นราคากันไปถ้วนหน้า แม้ว่าบางรายการจะยังคงราคาเดิม แต่เมื่อไปดูที่ปริมาณกลับลดลง

นอกเหนือจากนี้ ปัจจัยสำคัญอย่างหนึ่งที่ทำให้ค่าครองชีพของชาวบ้านทั่วไปต้องสูงขึ้นอยู่ในเวลานี้ เป็นผลมาจากนโยบาย “ประชานิยม” ในเรื่องค่าแรงวันละ 300 บาท เงินเดือนปริญญาตรี 15,000 บาท หรือแม้แต่โครงการรับจำนำข้าว ซึ่งแม้ว่าในความเป็นจริงยังไม่ได้รับเต็มเม็ดเต็มหน่วย หรือยังมีปัญหาไม่ได้เกิดขึ้นจริง แต่นี่คือ “จิตวิทยา” ที่พ่อค้าต้องปรับราคาสินค้าไปรอรับไว้ล่วงหน้าเรียบร้อยแล้ว

ประกอบกับการบริหารของรัฐบาล และผู้นำที่ “ห่วยแตก” ไม่มีความรู้เรื่องการบริหารจัดการที่ดี วันๆรอแต่คำสั่งจากทางไกลให้หันไปทางซ้าย หันไปทางขวา คิดแต่ประโยชน์ของพวกพ้อง คิดแต่เรื่องการเมือง คิดแต่ว่าจะแก้ไขรัฐธรรมนูญให้พี่ชายของตัวเอง คือ ทักษิณ ชินวัตร ไม่ต้องรับโทษจากการกระทำผิด หรือแก้ไขรัฐธรรมนูญอย่างไรให้ได้กลับมามีอำนาจอีกครั้ง ทำให้เป็นเทวดาเหนือคนอื่น ขณะที่ความทุกข์ยากของชาวบ้านก็ช่างมัน เพราะที่ผ่านมาก็ได้โยนเศษเงินเยียวยาให้ไปแล้วกระนั้นหรือ!!
กำลังโหลดความคิดเห็น