เกาะกระแส
โดย...ก้อนกรวด
00 ทำท่าไม่หวานหมูเสียแล้วพี่น้องเอ๋ย หลังจาก “เหลี่ยมจัด” ส่งให้ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตรให้ตำแหน่งนายกฯนั่งหัวโต๊ะใช้มติครม.ล้วงเงินภาษี 2 พันล้านบาทมาตบรางวัลลูกน้องที่ออกมาเสี่ยงตายเพื่อตัวเอง เพราะล่าสุดเริ่มมีแรงต้านเข้ามามากขึ้นเรื่อยๆ โดยเฉพาะจะรวมหัวกันไปฟ้องศาลปกครองให้ระงับคำสั่งที่มิชอบดังกล่าว เพราะนอกจากไม่มีกม.รองรับแล้ว ศาลยังไม่ได้ตัดสินหรือวินิจฉัยเลยว่าเหตุที่เกิดขึ้นในการชุมนุมมีเจ้าหน้าที่ทำเกินกว่าเหตุ หรือว่าม็อบทำร้ายเจ้าหน้าที่เกินกว่าเหตุหรือไม่ นั่นคือยังไม่รู้ว่าใครกันแน่ที่ทำผิด ยังไม่มีการชี้ขาดออกมา แต่รัฐบาลดันจะรีบจ่ายเงินมาเยียวยาเสียแล้ว
00 อีกทั้งหากว่าไปแล้วรัฐบาลชุดนี้ก็ถือว่า “มีส่วนได้เสีย” กับการชุมนุมดังกล่าว เพราะเป็นพวกเดียวกัน มีการสนับสนุนซึ่งกันและกันอย่างชัดเจน ดังนั้นถือว่าเป็นกระทำที่ “ขัดกันแห่งผลประโยชน์” อีกทั้งการเยียวยาดังกล่าวยังไม่เป็นธรรม ไม่ทั่วถึง เพราะเหตุการณ์ชุมนุมทางการเมืองอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็น 14 ตุลาฯ16 เหตุการณ์ 6 ตุลาฯ19 เหตุการณ์ พฤษภาฯปี 35 เหตุการณ์ มัสยิดกรือเซะ ตากใบ ก็ไม่ครอบคลุมไปถึง ทั้งที่เป็นการชุมนุมทางการเมืองที่มีความหมายลึกซึ้งมากกว่าเสียอีก และพวกเขาเหล่านั้นยังถือว่า “เป็นเหยื่อ” ยิ่งกว่า เพียงแต่ว่า “ไม่ใช่เป็นลูกน้องทักษิณ” เท่านั้น ที่น่าเจ็บใจก็คือเอาเงินชาวบ้านมาตบรางวัล ไม่ใช่ควักเงินตัวเอง มิน่าถึงได้จ่ายไม่อั้น !!
00 หันมาพิจารณาในสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นในทางตรงกันข้ามบ้าง เรื่อ “ราคาน้ำมัน” ที่กำลังปรับขึ้นมาพรวดพราดของกลุ่ม ปตท.ล่าสุดได้ขึ้นราคาน้ำมันมาอยู่ที่ราคาใหม่แล้ว โดยเฉพาะเวลานี้น้ำมันดีเซลทะลุ 30 บาทมาอยู่ที่ 30.49 บาทต่อลิตร และมีโอกาสที่จะพุ่งสูงขึ้นไปแบบไร้การควบคุม และจากการคาดการณ์ของผู้เชี่ยวชาญมีโอกาสที่ดีเซลจะพุ่งไปถึงลิตรละ 35 บาท ที่แน่หลังวันที่ 16 ม.ค.จะถึงลิตรละ 31 บาทโอพระเจ้า !!
00 จากการให้สัมภาษณ์ของ พิชัย นริพทะพันธุ์ รมว.พลังงาน บอกว่าโครงสร้างราคาพลังงานจะปล่อยให้ “ลอยตัว” ตามราคาตลาดโลก ความหมายชัดเจนก็คือจะไม่มีการตรึงราคาอีกต่อไป ชัดหรือยังละพี่น้องคนไทย 15 ล้านเสียง ต่อไปเงินกองทุนน้ำมันที่เคยหยุดเก็บไปพักหนึ่ง เพื่อให้ราคาน้ำมันลดลงมาแบบฮวบฮาบเมื่อปีก่อน ต่อไปก็จะเก็บเข้ามาเหมือนเดิม โดยจะเริ่มตั้งแต่วันที่ 16 ม.ค.นี้เป็นต้นไป โดยดีเซลจะเก็บ 60 สตางค์ ส่วนเบนซิน 91 และ 95 จะเก็บในราคาลิตรละ 1 บาท ซึ่งที่ผ่านมาบริษัทน้ำมันไม่ต้องกันเงินดังกล่าวส่งเข้ากองทุนฯ ขายได้เท่าไหร่กำไรเท่าไหร่ก็เข้ากระเป๋าลูกเดียว เรียกได้ว่ารวยกัน “พุงปลิ้น” ไปรอบหนึ่งแล้ว โดยเฉพาะพวกที่ถือหุ้นใน ปตท.อย่างไรก็ดีเมื่อเก็บเงินเข้ากองทุนอีกรอบต่อไปเชื่อว่าราคาน้ำมันมีแต่ปรับราคาขึ้นไป ไม่มีทางลดลง อ้อ เกือบลืมไปพี่น้อง “แท็กซี่เสื้อแดง” ทั้งหลาย “ก๊าซเอ็นจีวี” ขึ้นราคาอีกกิโลกรัมละ 50 ส.ต.ทุกเดือนจนครบล็อตแรก 2 บาทเสียก่อน เริ่มวันที่ 16 ม.ค.นี้เป็นต้นไป แม้ว่าจะบอกว่ามีคูปองมีบัตรเครดิตพลังงานช่วยเหลือ แต่เชื่อเถอะมัน “มั่ว” เพราะนี่คือรายการ “หลอกต้ม” กันกลางแดด
00 เคยนึกเฉลียวใจหรือเปล่า หากเป็นเรื่อง “ประชานิยม” แจก “เงินหลวง” เพื่อซื้อใจแล้วเทไม่อั้น แต่พอเรื่อง “กำไร” ของ ปตท. แล้วทำไมคนในรัฐบาลนี้ถึงไม่ยอมขัดขวาง แถมรัฐบาลโดยกระทรวงการคลังของ ธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล “ถือหุ้นใหญ่” ทำไมไม่ใช้อำนาจยับยั้งหรือใช้มาตรการอื่นๆที่เหมาะสมมาอุดหนุน ทำไมคนอย่าง “เสี่ยพิชัย” ถึงได้ใจดำ “ยอมหัก” กับพี่น้องแท็กซี่ อีกทั้งรู้กันอยู่แล้วว่าถ้าราคาน้ำมันดีเซลราคาเกินลิตรละ 30 บาทมันจะส่งผลต่อต้นทุนราคาสินค้า ทำไมคนพวกนี้ถึงได้กล้านัก เป็นเพราะ “เจ้าของ” ที่เป็นผู้ถือหุ้นในปตท.สั่งกำชับมา “ไม่ให้ขาดทุนกำไร” หรือเปล่า และคนๆนั้น “หน้าเหลี่ยมๆ” หรือเปล่า หือ พิชัย ถึงได้กระเหี้ยนกระหือรือนัก !!
00 เป็นเป้าสายตาทันทีเมื่อ นายกฯนกแก้ว พร้อมด้วยบรรดารัฐมนตรีบางคนหารือลับกันที่บ้านพิษณุโลกวานนี้(ศุกร์ที่13ม.ค.) ก็จะไม่ให้สนใจได้อย่างไรนอกจากทำเป็นลับๆล่อๆแล้วพวกที่เข้าไปล้วนอยู่ในข่าวถูกปรับ ถูกโยกสลับเก้าอี้รมต.หากมีการปรับในช่วงฉลองตรุษจีนนี้ทั้งสิ้น ไม่ว่า ยงยุทธ วิชัยดิษฐ์ พล.ต.อ.โกวิท วัฒนะ ปลอดประสพ สุรัสวดี พิชัย นริพทะพันธุ์ หรือแม้แต่ วรวัจน์ เอื้ออภิญญกุล งี้ ขอให้โชคดีก็แล้วกัน แต่ถึงอย่างไรปรับหรือไม่ปรับก็งั้นๆ เพราะคนที่สมควรออกไปก่อนก็คือตัว ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นั่นแหละ ปรับออกคนเดียวจบ !!