xs
xsm
sm
md
lg

ใช่ ปฏิรูปต้องมาจากประชาชนไม่ใช่นักการเมืองสามานย์!!

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ผ่าประเด็นร้อน

เรียกได้ว่าเกินความคาดหมาย เพราะมีทั้งพี่น้องที่เป็นพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยรวมไปถึงคนไทยที่ตื่นตัวรู้ทันการเมืองเข้าร่วมเสวนาและร่วมแสดงความคิดเห็นตามนัดหมายเมื่อวันเสาร์ที่ 10 มีนาคมที่ผ่านมา ที่เวทีลีลาส สวนลุมพินี กันอย่างล้นหลาม ทำให้อดนึกบรรยากาศเก่าในช่วงปี 2548-49 ได้เป็นอย่างดี เพราะในช่วงนั้นเป็นการเคลื่อนไหวของพี่น้องคนไทย จากรายการเมืองไทยรายสัปดาห์ที่ขยับขยายมาจากเวทีในหอประชุมเล็กมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์

นับจากวันนั้นเป็นต้นมาทำให้เกิดการจุดประกายแตกแขนงขยายวงออกไปเรื่อยๆ ทำให้ชาวบ้านเกิดความตื่นตัว รู้เท่าทันนักการเมือง จนเวลานี้มีจำนวนไม่น้อยที่ “ล้ำหน้า” มองพวกนักการเมืองทั้งในและนอกสภาเป็นตัวตลก น่ารังเกียจ ไร้ค่าเกินกว่าจะไปกล่าวถึงโดยตรงเสียด้วยซ้ำ

นั่นเป็นพัฒนาการของชาวบ้านในรอบ 5-6 ปีที่ผ่านมาต่อเนื่องมาจนถึงปัจจุบัน และคนพวกนี้แหละจะเป็นหนามตำใจนักการเมืองไทย ไม่ว่าจะเป็นพรรคการเมืองไหนล้วนแล้วแต่ไม่ชอบ พยายามกีดกันออกนอกวงอยู่ตลอดเวลา หลังจากถูกตราหน้าว่า “เลวพอกัน”

ผลจากการหารือร่วมกันและการสะท้อนผ่านทางการตอบแบบสอบถามเสียงส่วนใหญ่ต่างต้องการเห็นการปฏิรูปการเมืองครั้งใหญ่ ไม่ใช่แก้ไขรัฐธรรมนูญหรือการรื้อทิ้งรัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบัน เพื่อประโยชน์ของนักการเมือง โดยนักการเมืองเท่านั้น เพราะมันไม่มีประโยชน์ เพราะตราบใดที่โครงสร้างทางการเมืองยังเป็นอยู่แบบเดิม มันก็เป็นแค่การแบ่งปันอำนาจ หรือการเปลี่ยนผ่านอำนาจกันเองในหมู่พวกนักการเมือง ที่ไม่ต่างจากบริษัทการเมืองที่บริหารโดยกลุ่มทุนสามานย์ ขณะที่ประชาชนที่เป็นเจ้าของอำนาจอธิปไตยไม่ใช่เป็นคนควบคุมนักการเมืองอย่างแท้จริง

เพราะกลไกทุกอย่างถูกควบคุมโดยนักการเมืองอย่างเบ็ดเสร็จ หากยกตัวอย่างให้เห็นภาพ เช่น บอกว่า มีการแบ่งแยกการใช้อำนาจเป็นสามฝ่ายคือฝ่ายบริหาร นิติบัญญัติ และตุลาการ กลายเป็นว่าเวลานี้ฝ่ายบริหารและนิติบัญญัติเป็นพวกเดียวกัน หรือหากกล่าวให้ตรงเป้าไปอีกก็คือเวลานี้ฝ่ายนิติบัญญัติเป็น “ลูกน้อง” ของฝ่ายบริหาร หรือหัวหน้าพรรคการเมือง หรือนายทุนพรรค ไม่เชื่อก็ลองดูสภาพของประธานสภาผู้แทนราษฎรก็ได้ ว่ามีศักดิ์ศรีเหลืออยู่บ้างหรือไม่ มีฝ่ายค้านก็เหมือนไม่มี

ขณะที่ฝ่ายตุลาการที่ยังพอพึ่งพิงได้บ้างก็กำลังถูกคุกคามแทรกแซงเจาะทะลุทะลวงเข้ามาทุกวัน ซึ่งเป้าหมายของการแก้ไขรัฐธรรมนูญคราวนี้ก็มุ่งไปที่ศาลยุติธรรม รวมไปถึงศาลและองค์กรอิสระตามรัฐธรรมนูญ ซึ่งถ้าทำได้สำเร็จ (เชื่อว่าสำเร็จแน่นอนหากยังใช้ระบบเสียงข้างมากแบบนี้) จะทำให้การตรวจสอบฝ่าบริหาร นักการเมืองทำไม่ได้เลย ทุกอย่างจะถูกชี้นำโดยนักการเมือง ที่ขับดันโดยทุนสามานย์

ขณะเดียวกัน เวลานี้ก็ต้องมองข้าม ทักษิณ ชินวัตร มองไปให้ไกลกว่านั้น แม้ว่าเขายังเป็นปัญหาสำคัญของบ้านเมือง แต่ก็ถือว่าเป็นนักการเมืองที่ไร้ค่าคนหนึ่ง และที่ผ่านมาคนไทยจำนวนไม่น้อยรู้ทันเขา มองออกได้อย่างทะลุปรุโปร่งว่าต้องการสิ่งใด ซึ่งตัวเขาก็ไม่ต่างจากนักการเมืองที่มีอยู่กลาดเกลื่อนในสภา ที่น่ารังเกียจ

การประชุมปรึกษาหารือของพี่น้องทั้งที่เป็นพันธมิตรฯหรือไม่ก็ตามเมื่อวันเสาร์ที่ 10 มีนาคมที่ผ่านมาถือว่ากำลังก้าวผ่าน ทักษิณ และนักการเมืองที่มีอยู่ เพราะสิ่งที่พวกเขาต้องการอย่างมุ่งมั่นแรงกล้าก็คือการ “ปฏิรูป” การเมืองครั้งใหญ่ ไม่ใช่ถกเถียงกันเฉพาะการแก้ไขรัฐธรรมนูญเพื่อแก้ปัญหาให้กับ ทักษิณ และนักการเมืองที่น่ารังเกียจดาษดื่นเท่านั้น ทั้งที่หากจะว่าไปแล้วรัฐธรรมนูญไม่มีความผิดอะไร หรือถ้าผิดก็น้อยนิด เมื่อเทียบกับนักการเมือง

ที่ผ่านมาชาวบ้านอดทนกับคนพวกนี้มามากพอแล้ว ทนเห็นการปู้ยี่ปู้ยำอยู่ต่อหน้า แต่ก็นิ่งเฉย เมื่อตื่นตัวขึ้นมาแล้วก็ถึงเวลาที่ต้องมีการเปลี่ยนกันขนานใหญ่ และการชุมนุมคราวต่อไปก็จะต้องมีความหมายเพื่อการปฏิรูปทั้งระบบเท่านั้น คิดแต่เรื่องใหญ่ทั้งระบบที่ประชาชนมีส่วนร่วม และควบคุมนักการเมืองกระจอกพวกนี้ไม่ให้กระดิก ในทางตรงกันข้ามต้องมีการเปิดโอกาสให้คนดีหรือส่งเสริมคนดีเข้ามามากขึ้น การตรวจสอบต้องเข้มข้นอย่างเป็นจริงเป็นจัง

การเคลื่อนไหวตื่นตัวร่วมกันของพี่น้องพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยคราวนี้ถือว่าเป็นนิมิตหมายที่ดี เมื่อพิจารณาจากจำนวนคนที่เข้าร่วมจำนวนมากเกินความคาดหมาย เพราะนี่แค่นำร่อง โหมโรงเบาๆ ก่อนจะดำเนินการในขั้นตอนต่อไปเร็วๆนี้ ซึ่งนับจากนี้ไปรับรองว่าจะต้องเข้มข้นขึ้นเรื่อยๆ อย่างน้อยการมาตรการในการควบคุมนักการเมือง ที่อยู่ภายใต้ทุนสามานย์ก็คงนั่งไม่เป็นสุข เพราะคนรู้ทันนับวันจะขยายวงกว้างและที่สำคัญพวกเขาจะไม่ยอมนิ่งเฉยยอมให้ “พวกสามานย์” ฉุดกระชากไปตามอำเภอใจอีกต่อไปแล้ว

ดังนั้น ด้วยฉันทามติที่ประกาศตรงกันว่า “ต้องการปฏิรูปครั้งใหญ่” มันก็พอมองเห็นอนาคตข้างหน้ารำไรแล้ว อนาคตที่มีความหวังมากขึ้นกว่าเดิม แม้ว่าอาจจะไม่สำเร็จในเร็ววันแบบพลิกฝ่ามือก็ตาม แต่นี่คือความตื่นตัวที่มีความหมายก็แล้วกัน!!
กำลังโหลดความคิดเห็น