ผู้นำฝ่ายค้าน หยัน “ปู” เสียโอกาสไม่ใช้เวทีญี่ป่นสร้างปฏิสัมพันธ์นักลงทุนยุ่น แนะเร่งบริหารจัดการน้ำ อย่าดีแต่พูด ชี้รัฐไม่ควรตั้งกองทุนรับประกันภัยความเสียหายเกิน 2.5 ล้านล้านทั้งหมด แนะแค่รับช่วงประกันภัยต่อ หวั่นเกิดความเสี่ยงต่อ รบ.
วันนี้ (9 มี.ค.)นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร กล่าวถึงการปฏิบัติภารกิจที่ประเทศญี่ปุ่นของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ว่าจะเรียกความเชื่อมั่นได้หรือไม่คงต้องถามนักลงทุน ซึ่งตนคิดว่าการไปอธิบายหลายเรื่องเป็นประโยชน์ แต่ก็มีเสียงสะท้อนว่าไม่มีเวทีสื่อสารสองทาง ทำให้เสียโอกาสชี้แจงในบางเรื่อง อย่างไรก็ตาม สิ่งสำคัญที่สุดสำหรับความเชื่อมั่นของการทำงานต่อจากนี้ 2 เดือน ถ้าสามารถดำเนินการตามแผนได้อย่างเป็นรูปธรรมก็จะเป็นคำตอบได้อย่างดีที่สุดสำหรับนักลงทุน ซึ่งรัฐบาลต้องเร่งปฏิบัติตามแผน ไม่ใช่แค่พุดอย่างเดียว เพราะปัญหาอยู่ที่การปฏิบัติให้เห็นผลเป็นรูปธรรมอย่างแท้จริงจึงจะเกิดความเชื่อมั่น
ส่วนกรณีที่หนังสือพิมพ์วอลล์สตรีท เจอร์นัล เสนอปัญหานายกฯ กล่าวสุนทรพจน์เป็นภาษาไทย โดยไม่มีล่ามแปลนั้น นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า รูปแบบมีข้อจำกัด เพราะนักลงทุนคงรู้สึกว่าอยากจะมีปฏิสัมพันธ์ ซึ่งเป็นสิ่งหนึ่งที่ตนเคยเตือนล่วงหน้าแล้ว เพราะกังวลว่าหากไม่เปิดโอกาสให้ซักถาม ก็จะเกิดปัญหาได้ หากนายกฯ ไม่ตอบเองก็มอบหมายให้รองนายกฯ มาทำหน้าที่จะเป็นประโยชน์มากกว่า แต่เมื่อมีปัญหาเรื่องไม่มีการแปลภาษาเข้ามาด้วยก็คงกระทบบ้าง แต่เมื่อเหตุการณ์ผ่านไปแล้ว หัวใจสำคัญคือการเร่งทำตามแผนเพื่อเรียกความเชื่อมั่นให้เร็วที่สุด ส่วนการวิจารณ์ของวอลล์สตรีท เจอร์นัล ที่พาดพิงภาวะผู้นำของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ด้วยนั้น ตนเห็นว่าน่าจะให้ผู้จัดเป็นคนตอบว่าเหตุใดจึงเลือกรูปแบบอย่างนี้ สำหรับงานไทยไนท์ ที่รัฐบาลจัด ตนเคยพูดว่าไม่ใช่เรื่องการเรียกความเชื่อมั่น เพราะเป็นการประชาสัมพันธ์ประเทศในภาพกว้าง ซึ่งความจริงคนญี่ปุ่นรู้จักประเทศไทยดีอยู่แล้ว แต่สิ่งที่น่าเสียดายคือรัฐบาลยังไม่ได้ตอบคำถามที่ประธานเจโทรได้ตั้งคำถามไว้หลายเรื่อง ซึ่งตนย้ำหลายครั้งแล้วว่ารัฐบาลไม่ควรพูดเฉพาะสิ่งที่อยากพูดเท่านั้น แต่ต้องตอบข้อสงสัยของนักลงทุนญี่ปุ่นที่มีความกังวลด้วย เพราะว่าสิ่งที่รัฐบาลเตรียมไปอาจจะไม่ตรงกับสิ่งที่นักลงทุนสงสัย
นายอภิสิทธิ์กล่าวถึงมติ ครม.เกี่ยวกับการตั้งกองทุนประกันภัย ที่ระบุว่าถ้าเสียหายเกิน 3 แสนล้านหรือเสียหายหมด 2.5 ล้านล้านบาท รัฐบาลจะรับผิดชอบทั้งหมด โดยที่บริษัทประกันภัยไม่ต้องเข้ามารับภาระเลยว่า เมื่อทำรูปแบบอย่างนี้เท่ากับว่ารัฐเป็นผู้รับประกันเองทั้งหมด ทั้งนี้ต้องรอดูว่าจะมีคนเข้าร่วมมากน้อยเพียงใด แต่ต้องยอมรับว่าความเสี่ยงที่เหลือภาครัฐรับเต็มๆ ทั้งนี้ ตนเห็นว่ารูปแบบที่ควรทำน่าจะเป็นการแบ่งเบาภาระระหว่างรัฐกับบริษัทประกันภัย โดยกองทุนนี้น่าจะเป็นรูปแบบการประกันภัยต่อ เหมือนในต่างประเทศ แต่ไม่ทราบว่าเหตุใดจึงกลายเป็นว่ารัฐบาลเข้าไปทำเอง กลายเป็นว่าความเสี่ยงที่เหลือมาที่ภาครัฐทั้งหมด ซึ่งตนเข้าใจว่ารัฐบาลคงมองง่ายๆ ว่าความเสียหายสูงสุดไม่น่าจะมากกว่าปีที่แล้ว จึงกำหนดแนวทางเช่นนี้ ซึ่งเฉพาะตัวกองทุนรัฐบาลก็คงมั่นใจว่าจะรองรับความเสียหายได้เท่ากับปีที่แล้ว แต่ความจริงแล้วยังต้องดูรายละเอียดข้อเท็จจริง ความเสียหายว่าจะเป็นอย่างไรด้วย
“ใจผมถ้ามีโอกาสบริหารตรงนี้ ก็คงทำคล้ายกับต่างประเทศมากกว่า ที่ประกันภัยต่อและมีสูตรคำนวณ ในการแบ่งเบาภาระความเสียหายว่าจะแบ่งอย่าไรระหว่างรัฐกับเอกชน” นายอภิสิทธิ์กล่าว
ผู้สื่อข่าวถามว่า นายพยุงศักดิ์ ชาติสุทธิผล ประธานสภาอุตสาหกรรมในฐานะประธานกองทุนประกันภัย ระบุว่าการเริ่มต้นกองทุนประกันภัยต้องรออีก 2 อาทิตย์เพื่อรอให้นายกฯว่างมาเปิดงาน จึงจะเปิดให้ลงทะเบียนได้ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ไม่ทราบ แต่เห็นว่าควรจะเดินหน้าได้เลย อย่าผูกกับเรื่องการเมืองมากเกินไป เพราะเป็นงานที่ให้บริการกับประชาชน และตนไม่เชื่อว่าจะต้องรอให้นายกฯมาเปิดงานได้ด้วยตัวเองจึงจะเรียกความเชื่อมั่นได้ เพราะกำหนดการทุกอย่างกำหนดไว้หมดแล้ว นายกฯจะมาหรือไม่ก็ต้องเดินตามนี้
ขณะที่ นายกรณ์ จาติกวณิช รองหัวหน้าพรรค โพสต์ในเฟซบุ๊กส่วนตัวหัวข้อ (รัฐบาล) ไทยประกันภัย (ไม่) จำกัด มีถ้อยคำว่า “ทีมเศรษฐกิจของพรรคประชาธิปัตย์ตกใจกับมติ ครม.เมื่อวันอังคารเรื่องเกี่ยวกับ พ.ร.ก.กองทุนประกัยน้ำท่วม 5 หมื่นล้านบาท ว่ารัฐบาลขอใช้เงิน 5 หมื่นล้านตั้งกองทุนขึ้นมา เพื่อแบ่งเบาความเสี่ยงให้บริษัทประกันที่ยังแหยงอยู่ และกองทุนนี่ช่วยภาระเบี้ยประกันให้ผู้ประกอบการด้วย ก็ดีครับ และเราก็ได้สนับสนุนการตรา พ.ร.ก.นี้โดยดี แต่มติ ครม.เมื่อวันอังคารนี้กลับบอกเพิ่มเติมว่า นอกจากกองทุนนี้จะไปซื้อประกันเพื่อว่าถ้ามูลค่าเสียหายไม่เกิน 3 แสนล้าน กองทุนก็จะรับผิดชอบได้ แต่ที่น่าตกใจคือ ถ้าเสียหายมากกวานี้ หรือเสียหายหมด 2.5 ล้านล้านบาท รัฐบาลจะรับผิดชอบเอง แทนที่ควรต้องให้บริษัทประกันรับผิดชอบ
“งงครับ รัฐบาลไทยเอาภาษีประชาชนไปรับความเสี่ยงแทนบริษัทประกันทั่วโลกทำไม อาศัยเพียงมติ ครม.ทำได้หรือครับ และถ้าเกิดเสียหายจริง ทำไมประชาชนต้องมาอุ้มบริษัทประกันด้วย ผมเคยเป็นกรรมการบริษัทประกัน ชื่อไทยประกันครับ แต่ไม่เคยนึกว่าจะมีวันที่รัฐบาลโดยเงินประชาชนจะทำให้ไทยต้องมาเป็นผู้ประกันเสียเอง”