xs
xsm
sm
md
lg

ปชป.ให้ฉายา “ปู-มิสโพยอินเตอร์” เตือนมั่วเยียวยาทำแม่ผัว-ลูกสะใภ้ตบแย่งเงิน

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

นายชวนนท์ อินทรโกมาลย์สุต โฆษกพรรคประชาธปัตย์ แถลงถึงการเดินทางไปเยือนญี่ปุ่นของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ที่ไม่ตอบคำถาม หลังจากไปกล่าวสุนทรพจน์ในการพบนักธุรกิจชั้นนำของญี่ปุ่น โดยนายชวนนท์ เรียกนายกฯว่า มิสโพยอินเตอร์เนชั่นแนล
“ชวนนท์” ตั้งฉายานายกฯ ยิ่งลักษณ์ “มิสโพยอินเตอร์เนชันแนล” หลังสุนทรพจน์นักธุรกิจยุ่นร้อยชีวิตภาษาไทย 7 นาทีไม่มีล่ามแปล ลงเวทีพร้อมส่งจูบ ฉะทำขายหน้า-เสียโอกาส เสียใจอภิสิทธิ์ปูทางไว้ให้กลับทำให้แย่ลง ฉะรัฐบาลมั่วจ่ายเงินเยียวยาม็อบ เกิดแม่ผัว-ลูกสะใภ้ตบกันแย่งเงินคนตาย สลดแรงงานหญิงรวมตัววันสตรีสากลยื่นข้อเรียกร้องรัฐบาล แต่ไม่มีใครสนใจ ต้องโยนข้อเรียกร้องเข้าทำเนียบ กังขานี่หรือจะดูแลปัญหาผู้หญิง แฉกองทุนสตรีฯ เรียกค่าหัวคิวหมื่นห้า แลกกู้เงินได้ 5 หมื่น หวั่นใช้หาเสียง-ตั้งกองกำลังรัฐบาล


วันนี้ (9 มี.ค.) ที่พรรคประชาธิปัตย์ นายชวนนท์ อินทรโกมาลย์สุต โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ ได้ตั้งฉายา น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีว่า “มิสโพยอินเตอร์เนชันแนล” จากกรณีที่หนังสือพิมพ์วอลล์สตรีท เจอร์นอล นำเสนอบทความภารกิจของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ระหว่างการกล่าวสุนทรพจน์กับนักธุรกิจญี่ปุ่นกว่า 100 รายเป็นภาษาไทยยาว 7 นาที โดยไม่มีล่ามแปล สร้างความตกตะลึงให้แก่นักลงทุนญี่ปุ่นเป็นอย่างยิ่ง โดยเห็นว่าเหตุการณ์ดังกล่าวทำลายโอกาสในการเรียกความเชื่อมั่นจากนักลงทุน ทั้งๆ ที่ก่อนหน้านี้ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎรพร้อมคณะ ได้ไปเปิดทางไว้ให้เพื่อยืนยันความเข้มแข็งของเศรษฐกิจไทย

ทั้งนี้ ได้เตือนรัฐบาลล่วงหน้าว่านักธุรกิจญี่ปุ่นติดตามสถานการณ์ในเมืองไทยอย่างใกล้ชิด และต้องการให้รัฐบาลตอบคำถามื่อสร้างความเชื่อมั่นในแผนบริหารของรัฐบาล จึงเสนอให้ปรับแผนในการปฏิบัติภารกิจให้เปิดโอกาสให้มีช่วงซักถาม แต่รัฐบาลไม่สนใจ และยังกล่าวหานายอภิสิทธิ์ว่ามีเจตนาตัดหน้ารัฐบาลด้วย ทั้งที่ไม่เป็นความจริง เพราะมีการเตรียมการตั้งแต่ปลายปี 2554 เพื่อประสานเข้าพบทั้งฝ่ายค้านและรัฐบาลญี่ปุ่น รวมทั้งบริษัทชั้นนำของญี่ปุ่นด้วย โดยนายอภิสิทธิ์มีเจตนาช่วยรัฐบาล ยืนยันว่ารัฐบาลมีแผนแก้ปัญหาน้ำในปีนี้ แต่มีหลายอย่างที่นายอภิสิทธิ์ตอบไม่ได้เพราะไม่ได้เป็นนายกรัฐมนตรี เช่น รายละเอียดเกี่ยวกับกองทุนประกันภัย และนายอภิสิทธิ์ก็เตือนนายกรัฐมนตรีให้เตรียมตอบคำถามนักลงทุนญี่ปุ่น โดยย้ำมาตลอดว่าการสื่อสารทางเดียวจะเรียกความเชื่อมั่นไม่ได้

“สิ่งที่น่าเสียใจ คือ นายอภิสิทธิ์ไปเปิดทางไว้ให้ แต่นายกรัฐมนตรีทำทุกอย่างให้เลวร้ายลงด้วยการอ่านสคริปต์เป็นภาษาไทย 7 นาที ต่อหน้านักลงทุนกว่า 100 ชีวิต โดยไม่มีการแปล ก่อนจะเดินลงจากเวทีทันที พร้อมกับรอยยิ้มและการส่งจูบ ทำให้นักธุรกิจไม่เข้าใจในสิ่งที่นายกรัฐมนตรีพูด แม้จะมีคำแปลให้ แต่ไม่ตอบคำถาม ก็คงสร้างความเชื่อมั่นไม่ได้ เพราะนักลงทุนญี่ปุ่นเคยพูดกับนายอภิสิทธิ์ว่า ถ้ารัฐบาลมั่นใจต้องกล้าตอบตำถามและสามารถให้หลักประกันได้เกี่ยวกับเรื่องกองทุนประกันภัย จึงเห็นว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์จะเดินทางไปญี่ปุ่นหรือไม่ไปประเทศไทยก็ได้เท่าเดิม เพราะถ้าไปแล้วทำแบบนี้ส่งเอกสารไปอย่างเดียวก็เหมือนกันเนื่องจากไม่มีการสื่อสารสองทาง” นายชวนนท์กล่าว

โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ยังวิจารณ์การทำงานของรัฐบาลว่า มีลักษณะมั่วในการบริหาร โดยยกตัวอย่างการจ่ายเงินเยียวยาผู้ชุมนุมทางการเมือง ซึ่งพรรคประชาธิปัตย์เตือนมาตลอดว่าควรมีหลักเกณฑ์ที่ชัดเจนว่าใครจะได้รับการเยียวยาเพื่อไม่ให้เกิดความขัดแย้ง แต่รัฐบาลก็ไม่สนใจโดยล่าสุดหลังจากที่รัฐบาลเปิดให้ลงทะเบียนก็เกิดปัญหาแม่ผัว-ลูกสะใภ้ตบตีกันที่กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ เพราะระเบียบในการเยียวยาไม่ชัดเจน เป็นการโปรยเงินให้ประชาชนไล่ฟัดกันเองเหมือนไม่ใช่คน ใช้เงินกดหัวคนไทย จึงขอเตือนว่ารัฐบาลอย่าชะล่าใจ เพราะศาลปกครองเรียกเอกสารมติ ครม.ไปพิจารณาประกอบคำขอให้ทุเลาบังคับมติ ครม.แล้ว จึงอย่าย่ามใจสร้างความเดือดร้อนให้ประชาชนด้วยการเลือกปฏิบัติ เพราะคนเหล่านี้จะลุกขึ้นมาไล่รัฐบาลที่มั่วในการบริหาร

นอกจากนี้ รัฐบาลยังมั่วเรื่องราคาพลังงาน ซึ่งล่าสุด คณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน หรือ กบง. ขึ้นราคาแอลพีจี และเอ็นจีวี โดยอ้างว่าจะมีการออกบัตรเครดิตพลังงานแต่ก็ใช้งานไม่ได้ เป็นการโยนภาระให้ประชาชน และยังเตรียมขึ้นราคาแก๊สหุงต้มเท่าภาคขนส่งตามมาด้วย โดยอ้างว่าจะมีการอุดหนุนให้เฉพาะคนจนซึ่งจะใช้ฐานข้อมูลจากผู้ใช้ไฟฟรีมาเป็นดัชนีชี้วัดความจน ทำให้ตนเข้าใจแล้วว่าทำไมรัฐบาลจึงลดการช่วยเหลือผู้ใช้ไฟจากโครงการใช้ไฟไม่เกิน 90 หน่วยได้สิทธิ์ใช้ไฟฟรี ลดลงเหลือ 50 หน่วย ทำให้คนที่มีตู้เย็นไม่มีสิทธิ์ใช้ไฟฟรี ส่งผลให้ประชาชนที่เคยได้รับประโยชน์ประมาณ 9 ล้านครัวเรือนเหลือเพียง 4.37 ล้านครัวเรือนเท่านั้น แสดงว่ารัฐบาลตั้งใจที่จะกดฐานคนจนให้ลดลงเพื่อนำมาอ้างอิงกับการอุดหนุนแก๊สหุงต้มใช่หรือไม่ โดยอยากให้ประชาชนลองพิจารณาดูว่าใครได้ประโยชน์จากการกดเส้นแบ่งคนจนให้ต่ำลงครั้งนี้ ใช่ ปตท.หรือไม่ นอกจากนี้ รัฐบาลยังมั่วในการตั้งกองทุนประกันภัยของรัฐบาลโดยกำหนดเงื่อนไขว่า ถ้าบ้านใดอยู่บนพื้นที่ฟลัดเวย์จะไม่มีการจ่ายเงิน ทั้งที่ยังไม่มีใครทราบว่าพื้นที่ใดเป็นพื้นที่แก้มลิง หรือฟลัดเวย์ ทำให้ไม่มีใครกล้าให้บริการประกันภัย ถือเป็นการมั่ว บริหาร ปกปิดความจริง ไร้ความรับผิดชอบต่อประชาชนอย่างแท้จริง

นายชวนนท์ยังกล่าวถึงงานวันสตรีสากล เมื่อวานนี้ (8 มี.ค.) ซึ่งมีการรวมตัวของแรงงานหญิงยื่นข้อเสนอต่อนายกรัฐมนตรี 6 ข้อ แต่น่าสลดใจที่ไม่มีตัวแทนรัฐบาลมารับเรื่องร้องทุกข์ ทั้งที่นายกรัฐมนตรีใช้คำว่าสุภาพสตรีนำหน้าการบริหารบ้านเมืองมาตลอด แต่กลับไม่ใส่ใจความทุกข์ยากของผู้ใช้แรงงาน โดยไม่มีแม้แต่สุนัขสักตัวออกมาต้อนรับ ทั้งๆ ที่ผู้หญิงเหล่านี้มีความทุกข์ยาก จนต้องโยนข้อเรียกร้องเข้าไปในทำเนียบรัฐบาล ตนจึงอยากตั้งคำถามว่า นี่หรือคือรัฐบาลของประชาชนที่จะคืนความสุขให้ประชาชน อ้างว่าเป็นสุภาพสตรีจะดูแลปัญหาผู้หญิง แต่นายกรัฐมนตรีใจดำมาก เพราะแม้ว่าจะอยูที่ญี่ปุ่น แต่การเคลื่อนไหวของแรงงานกลุ่มนี้มีการประสานกับรัฐบาลล่วงหน้า นายกรัฐมนตรีจึงควรส่งตัวแทนรัฐบาลไปรับข้อเสนของประชาชน แต่นายกรัฐมนตรีกลับไม่สนใจปัญหาของชาวบ้านแม้แต่น้อย

ทั้งนี้ แตกต่างจากสมัยนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เป็นนายกรัฐมนตรีโดยสิ้นเชิง เพราะในยุคนั้นหากนายอภิสิทธิ์ ไม่สามารถรับเรื่องร้องเรียนด้วยตนเองก็จะมอบหมายให้มีตัวแทนของรัฐบาลรับเรื่องร้องเรียนของประชาชนทุกครั้ง ที่น่าเสียใจคือ แรงงานหญิงเหล่านี้ยังเป็นกลุ่มคนที่เลือกพรรคเพื่อไทย ซึ่งตั้งใจมาร้องเรียนว่าไม่ได้รับค่าจ้าง 300 บาท บางส่วนตกงานจากการปิดตัวของโรงงานหลังน้ำท่วม แต่ไม่ได้รับความช่วยเหลือจากรัฐบาล หรือเป็นเพราะว่าขณะนี้ไม่ใช่ช่วงหาเสียง น.ส.ยิ่งลักษณ์จึงไม่สนใจประชาชนใช่หรือไม่ ถือเป็นการละทิ้งประชาชนอย่างชัดเจน พร้อมกันนี้นายชวนนท์ได้นำภาพถ่ายการเรียกร้องที่หน้าทำเนียบรัฐบาล ที่มีการชูป้ายข้อความ “อยากให้ลูกเกิดเป็นน้องไปป์ เพราะอยู่ดีกินดี” สะท้อนความเจ็บปวดของหญิงไทยที่ถูกนายกรัฐมนตรีหญิงทอดทิ้ง

นอกจากนี้ยังพบปัญหาเกี่ยวกับกองทุนพัฒนาสตรี โดยมีการเก็บค่าธรรมเนียมผู้เข้าสมัครที่จังหวัดสงขลา รายละ 15,000 บาทแลกกับโควต้ากู้ 5 หมื่นบาทโดยไม่ต้องคืนเงินกู้ เท่ากับเป็นการจ่ายค่าหัวคิว ซึ่งตนได้ให้ ส.ส.ในพื้นที่ตรวจสอบหาหลักฐานแล้ว และตั้งข้อสังเกตว่าการเข้าถึงกองทุนทำไมต้องสมัครเป็นสมาชิก ทั้งๆ ที่การเกิดเป็นผู้หญิงไม่จำเป็นต้องสมัคร ทำไมสตรีทุกคนจึงไม่ได้รับสิทธิเท่าเทียมกัน ซึ่งเงื่อนไขที่กำหนดในกองทุนพัฒนาสตรีอาจขัดรัฐธรรมนูญในเรื่องความเท่าเทียมกัน โดยฝ่ายกฎหมายพรรคประชาธิปัตย์จะพิจารณาต่อไป พร้อมกับตั้งคำถามถึงรัฐบาลว่า เหตุใดจึงใช้วิธีการออกเป็นระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีไม่ออกเป็น พ.ร.บ. ทั้งๆ ที่หลายฝ่ายท้วงติงว่าการออกเป็นกฎหมายจะมีความเหมาะสมมากกว่า แต่รัฐบาลต้องการหนีตรวจสอบในสภาใช่หรือไม่

อย่างไรก็ตาม เห็นว่าการตั้งกองทุนพัฒนาสตรีของรัฐบาลก็เพื่อใช้เป็นเครื่องมือหาเสียง แบ่งแยกประชาชน และตั้งกองกำลังสะสมให้รัฐบาล ตนขอท้ารัฐบาลว่าหากมีเจตนาที่จะช่วยเหลือสตรีไทยจริง ขอให้นำกฎหมายค้างสภา 2 ฉบับ ที่รัฐบาลไม่ยืนยันจนตกไปกลับเข้าสู่การพิจารณาของสภาใหม่ ซึ่งพรรคประชาธิปัตย์ยินดีให้การสนับสนุน 2 ฉบับ คือ ร่าง พ.ร.บ.กองทุนส่งเสริมและพัฒนาบทบาทคุณภาพชีวิตสตรี และร่าง พ.ร.บ.ส่งเสริมโอกาสและความเสมอภาคระหว่างเพศ มีเนื้อหาดูแลสุภาพสตรีอย่างครบถ้วน ถ้านายกรัฐมนตรีมีความจริงใจช่วยแก้ปัญหาให้ผู้หญิงต้องผลักดันเรื่องเหล่านี้
กำลังโหลดความคิดเห็น