“แม้ว” ย่ามใจ รุกออกนิรโทษฯ ล้างผิดก่อนเข้าไทยปลายปี!!

ผ่าประเด็นร้อน

อาจเป็นเพราะมั่นใจเกินร้อยหลังได้เห็นเสียงสนับสนุนในสภาที่โหวตรับรองร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญมาตรา 291 เพื่อนำไปสู่การ “รื้อ” ครั้งใหญ่ได้ตามใจชอบ เพราะคราวนั้นมีเสียงถึง 399 เสียง ถือว่า “ขาดลอย” ทำให้มานั่งคิดด้วยความกระหยิ่มยิ้มย่องว่านับจากนี้ไปคงจะทำอะไรก็ได้ หากจะแก้ไข ร่างใหม่ เปลี่ยนแปลงกฎหมายอย่างไรก็ได้ ไม่มีอุปสรรคอีกต่อไปแล้ว

เพราะถ้าบอกว่าเสียงในสภาเปรียบเหมือนตัวแทนของประชาชน ตามระบอบประชาธิปไตย ก็ต้องใช้เสียงข้างมากตัดสินก็ถือว่ามาถูกทางแล้ว

เมื่อทุกอย่างมั่นใจเกินร้อย มันก็ช่วยไม่ได้ที่จะต้องเดินเกมสำคัญช็อตต่อไปทันทีเมื่อโอกาสเปิด

หลายคนอาจยังคิดว่า ทักษิณ ชินวัตร น่าจะใช้ช่องทางจากการแก้ไข(ฉีกทิ้ง) รัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบันแล้วร่างขึ้นใหม่ โดยมีสาระสำคัญในหมวดบทเฉพาะกาลลบล้างความผิดจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นก่อนการรัฐประหาร 19 กันยายน 2549 ซึ่งแม้ว่ามันก็เป็นไปได้สูงเหมือนกัน แต่ขณะเดียวกันก็ต้องยอมรับความจริงว่า ต้องใช้เวลา “นานหลายเดือน” ซึ่งยิ่งนานก็ยิ่งเสี่ยง ยังไม่รู้ว่าเกิดขึ้นอะไรขึ้นระหว่างที่มีการแก้ไข เพราะเมื่อเข้าไปสู่สาระสำคัญในประเด็นอ่อนไหว ก็จะมีความเคลื่อนไหวของแต่ละกลุ่มออกมาเข้มข้นขึ้นเรื่อยๆ

ประกอบกับผลงานของรัฐบาล ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร น้องสาวตัวเองที่แสดงให้เห็นว่า “ปูนิ่ม” มากขึ้นทุกวัน ไม่ได้มีความหวังในการแก้ปัญหาปากท้องได้เลย เพราะล่าสุดจากผลสำรวจที่สะท้อนออกมาจาก “อีสานโพลล์” ชาวบ้านก็เริ่มเช็งขึ้นทุกวัน ขนาดในพื้นที่ภาคอีสานที่พี่น้องเสื้อแดงอยู่กันเต็มทุกพื้นที่ผลออกมายัง “คาบเส้น” เกือบสอบตก

ข้าวของแพงขึ้นทุกวัน ล่าสุด มติของคณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน (กบง.) ก็มีมติให้เพิ่มเงินในการจัดเก็บเข้ากองทุนน้ำมันขึ้นอีก โดยเฉพาะในส่วนของน้ำมันเบนซินที่เพิ่มขึ้นอีกลิตรละ 1 บาท ส่วนแก๊ซแอลพีจีก็ปรับขึ้นราคาภาคขนส่งอีก 75 สตางค์ต่อกิโลกรัม และก๊าซเอ็นจีวีอีกกิโลกรัมละ 50 สตางค์ หมายความว่าราคาน้ำมันเบนซินก็จะมีราคาเพิ่มขึ้นอีกลิตรละ 1 บาท สนุกกันใหญ่ละทีนี้พี่น้องชาวไทย

เรื่องแบบนี้แหละที่บอกว่ามันเสี่ยงหากปล่อยเอาไว้นาน เพราะอย่างที่รู้กันว่าเรื่องปัญหาปากท้องนี่แหละเรื่องใหญ่ ขณะที่รัฐธรรมนูญไม่ว่าจะประชาธิปไตยจ๋าแค่ไหนนั้นมันเอาเข้าจริงแล้วมัน “กินแทนข้าว” ไม่ได้ ถ้าคนยังหิว อดมื้อกินมื้อ ถึงจะรักปานจะฉีกก้นดมอย่างไรมันก็ไม่ไหวเหมือนกัน

หากพิจารณาตามตารางเวลาแก้ไขรัฐธรรมนูญถึงจะรวบรัดเร่งอย่างไรก็ต้องใช้เวลา 180 วันหรือ 6 เดือนตามกรอบที่กำหนดเอาไว้ตอนรับหลักการวาระแรกเมื่อวันก่อน มันยังช้าและไม่ทันใจ

แม้ว่าตามกรอบเวลามันจะตรงกับที่ ทักษิณ ชินวัตร ไปโม้เอาไว้กับสื่อต่างประเทศล่าสุดว่าจะกลับไทยปลายปี ซึ่งนับตามระยะเวลาก็ใกล้เคียงกันพอดี แต่ในความเป็นจริงหากทำให้สังคมจับได้ว่าฉีกรัฐธรรมนูญแล้วร่างขึ้นใหม่เพื่อรองรับคนเพียงคนเดียว และคนคนนั้นคือ ทักษิณ ด้วยแล้วรับรองว่าเละแน่นอน

ดังนั้นน่าจะมีทางออกใหม่ที่ดีกว่านี้สำหรับทักษิณ ซึ่งหากพิจารณาจากคำพูดของคนที่รับงาน “ขาประจำ” อย่าง รองนายกรัฐมนตรี ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ที่แย้มออกมาแล้วว่าทักษิณจะกลับไทยปลายนี้ แต่เมื่อถามว่าจะใช้วิธีออกพระราชบัญญัตินิรโทษฯ (ปรองดอง) หรือไม่เขาก็ไม่ยอมตอบ ทำท่าทางปล่อยให้เป็นปริศนา ไม่รับไม่ปฏิเสธ

เมื่อพิจารณาถึงความเป็นไปได้ มันก็ต้องมาทางนี้อยู่แล้ว ด้วยการเสนอออกเป็นพระราชบัญญัตินิรโทษฯ อ้างว่าให้ครอบคลุมทุกฝ่าย แต่เป้าหมายที่ซ่อนอยู่ก็คือ ทักษิณ ชินวัตร เป็นหลัก เหมือนกับก่อนหน้านี้ที่ออกมามติคณะรัฐมนตรีจ่ายเงินเยียวยาให้กับผู้ที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ทางการเมือง แต่เป้าหมายแท้จริงก็ต้องใช้เงินหลวงมาบำเหน็จซื้อใจคนเสื้อแดงนั่นแหละ ซึ่งวิธีการออกกฎหมายนิรโทษฯ ก็ยังใช้เวลาไม่นาน เพียงแค่เสียงข้างมากในสภาก็ผ่านได้แล้ว อีกทั้งไม่ต้องมีการทำประชามติ ประชาพิจารณ์ให้เสียเวลา รวบรัดตัดความแค่ไม่กี่สัปดาห์ก็เรียบร้อย

หากนับจากเสียงสนับสนุนที่รับหลักการแก้ไขรัฐธรรมนูญวาระแรกไปด้วยเสียงเกือบสี่ร้อยเสียง มันก็ย่อมมั่นใจได้เต็มเปี่ยม เกิดความย่ามใจทำอะไรก็ได้ อย่าว่าแต่เสนอร่างพระราชบัญญัตินิรโทษฯ ให้ ทักษิณ ชินวัตร เลย เสนอให้ “เรียกวัวเป็นควาย”ยังได้เลย เพราะทุกอย่างเบ็ดเสร็จเด็ดขาดอยู่แล้ว

อย่างไรก็ดี บางครั้งคนอย่างทักษิณมีข้อดีอยู่อย่างหนึ่ง คือ เป็นคนขี้โม้ คิดเร็วทำเร็ว ไม่ได้ซับซ้อนอะไรมาก เพียงแต่ว่าที่ผ่านมาที่สามารถสร้างความนิยมได้ก็เป็นเพราะเขาเข้าใจนิสัยคนไทยว่าขาดสิ่งใดและชอบแบบไหน ขณะฝ่ายตรงข้ามมัวแต่คิดเล็กคิดน้อย ทำตัวคิดมากทางวิชาการบางครั้งก็เพ้อเจ้อน่ารำคาญ ดังนั้นถ้าพิจารณาจากความเป็นไปได้ และนิสัยของเขารับรองว่าต้องการให้รวบรัดจบเร็ว นั่นคือ ออกเป็นพระราชบัญญัตินิรโทษฯ โดยอำพรางช่วยทุกกลุ่ม เพราะถ้าขืนรอนานไปมันเสี่ยง เสี่ยงจากความล้มเหลวของรัฐบาลน้องสาวตัวเองที่ประจานออกมาให้เห็นเรื่อยๆ!!