00 แม้ว่ายังไม่เห็นภาพชัดอย่างเป็นทางการว่า รธน.ที่กำลังจะรื้อกันอยู่จะมีหน้าตาเป็นอย่างไร แต่ยิ่งนานวันเข้ามันก็เริ่มเห็นเค้าลาง เห็นรูปเห็นร่างได้ชัดขึ้นเรื่อยๆ โดยเฉพาะเมื่อได้เห็นสัญญาณทางไกลจาก ทักษิณ ชินวัตร ที่เป็น “เจ้าของ” รัฐบาลและพรรคเพื่อไทยกำหนดว่าจะให้ทิศทางไปทางไหน ซึ่งจากการให้สัมภาษณ์ผ่านสื่อล่าสุด ก็สอดคล้องกับที่ให้ “น้องสาว” ตัวเองคือ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ท่องจำเอาไว้ก่อนหน้านี้คือ “ไม่แตะสถาบันพระมหากษัตริย์” นั่นคือคงไว้ในหมวด 1 และหมวด 2 แต่ในส่วนสำคัญหลักก็คือ “องค์กรอิสระ” รับรองไม่เอาไว้แน่ ต้องเข้าไป “รื้อใหญ่”
00 แน่นอนว่าเที่ยวนี้ “เสี่ยเหลี่ยมจัด” ต้องการหวังผลสำเร็จที่รออยู่ตรงหน้า โดยในเบื้องต้นจะไม่ยอม “หัก” ในประเด็นอ่อนไหวก่อให้เกิดความเสี่ยง ทำให้ความฝันพังทลายก่อนเวลา ซึ่งนาทีนี้รู้ว่าประเด็นสถาบันพระมหากษัตริย์นั้นสามารถสร้าง “อารมณ์ร่วม” ของชาวบ้านยากเกินกว่าที่ฝ่าออกไปได้ และที่สำคัญเกรงว่าจะบานปลายจนพังจึงต้องรีบสั่งเบรกกะทันหันจึงยัง “ไม่กล้าแตะของร้อน” แต่ความหมายก็คือหยุดเอาไว้(ชั่วคราว)ก่อน แต่สำหรับสัญญาณที่ชัดเจนออกมาก็คือ “รื้อศาลและองค์กรอิสระ” แน่นอน
00 มันก็เหมือนกับที่ วัฒนา เมืองสุข ที่เป็นผู้ประสานงานการแก้ไขนอกสภาหลุดปากออกมานั่นแหละ เพราะที่ผ่านมาทั้งองค์กรอิสระ เช่น ปปช.และศาลต่างๆล้วนแล้วแต่ทำให้ ทักษิณ ต้องมีชะตากรรมอย่างเช่นที่เป็นอยู่ จากการตัดสินความผิดจากคดีทุจริต และที่สำคัญเขายังเข้าไปแทรกแซงไม่สำเร็จนั่นแหละ
00 สำหรับวิธีการก็ไม่มีอะไรซับซ้อนให้ยึดโยงกับประชาชน ฟังแล้วดูดี “โคตรประชาธิปไตย” อิบอ๋าย นั่นคือต้องผ่านการเลือกตั้ง หรือไม่ก็ต้อง “ผ่านสภารับรอง” นั่นคือทุกอย่างจะตัดสินกันที่การเลือกตั้ง ใช้เสียงข้างมากตัดสิน ดีไม่ดีต่อไปการชี้ขาดพิพากษาความผิดแต่ละคดีสำคัญอาจใช้การ “โหวตลงมติ” ก็ได้ทำเป็นเล่นไป การให้สัมภาษณ์ของ ทักษิณ ก็หลุดมาคำหนึ่งนั่นคือจะให้ศาลทุกประเภท เช่น ศาลปกครอง ศาล รธน. ปปช.หรือแม้แต่ ประธานศาลฎีกาจะให้ “สภารับรอง” อย่างนี้ไม่เรียกว่าแทรกแซงแล้ว แต่เรียกว่า “ยึดครอง” แล้ว แม้วเอ๋ย
00 เห็นข่าว นายกฯปูนิ่ม สั่งให้บรรดารมต.ประเมินผลงานในรอบ 7 เดือน การทำงานรวมทั้งวางแผนการใช้งบประมาณในปีหน้า ฟังแล้วอยากจะหัวเราะให้ฟันร่วง เพราะถ้าให้ทบทวนก็ต้องทบทวนการทำงานในฐานะนายกฯของตัวเธอเองนั่นแหละว่ามีอะไรที่เป็นชิ้นเป็นอันบ้าง ดังนั้นคนที่ต้องทบทวนและพิจารณาตัวเองเป็นคนแรกก็คือ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เพราะไม่ใช่ล้มเหลว แต่อย่างนี้เขาเรียก “ทำงานไม่เป็น” ต่างหาก !!
00 คาดว่าในวันนี้(6 มี.ค.) หากไม่สะดุดล้มหัวฟาดฟื้นเสียก่อน ก็คงไม่มีอะไรมาขัดขวางไม่ให้ ยงยุทธ วิชัยดิษฐ์ ในฐานะประธานคณะกรรมการเยียวยาชงเรื่องให้ครม.อนุมัติเงินกว่า 2พันล้านบาทเพื่อเยียวยาให้พวกแดงเผาเมืองเป็นบำเหน็จรางวัล “ซื้อใจมวลชน” เอาไว้ล่วงหน้าสำหรับรองรับการแก้ไขรธน.ที่กำลังจะเข้มข้นขึ้นเรื่อยๆ แต่อาจจะไม่หมูนัก เพราะในวันเดียวกันฝ่าย ปชป.ที่มี สาธิต ปิตุเตชะ จะไปยื่นร้องศาลปกครองคัดคัดเช่นเดียวกัน ก็ว่ากันไป เดี๋ยวก็รู้หมู่หรือจ่า !!
00 แน่นอนว่าเที่ยวนี้ “เสี่ยเหลี่ยมจัด” ต้องการหวังผลสำเร็จที่รออยู่ตรงหน้า โดยในเบื้องต้นจะไม่ยอม “หัก” ในประเด็นอ่อนไหวก่อให้เกิดความเสี่ยง ทำให้ความฝันพังทลายก่อนเวลา ซึ่งนาทีนี้รู้ว่าประเด็นสถาบันพระมหากษัตริย์นั้นสามารถสร้าง “อารมณ์ร่วม” ของชาวบ้านยากเกินกว่าที่ฝ่าออกไปได้ และที่สำคัญเกรงว่าจะบานปลายจนพังจึงต้องรีบสั่งเบรกกะทันหันจึงยัง “ไม่กล้าแตะของร้อน” แต่ความหมายก็คือหยุดเอาไว้(ชั่วคราว)ก่อน แต่สำหรับสัญญาณที่ชัดเจนออกมาก็คือ “รื้อศาลและองค์กรอิสระ” แน่นอน
00 มันก็เหมือนกับที่ วัฒนา เมืองสุข ที่เป็นผู้ประสานงานการแก้ไขนอกสภาหลุดปากออกมานั่นแหละ เพราะที่ผ่านมาทั้งองค์กรอิสระ เช่น ปปช.และศาลต่างๆล้วนแล้วแต่ทำให้ ทักษิณ ต้องมีชะตากรรมอย่างเช่นที่เป็นอยู่ จากการตัดสินความผิดจากคดีทุจริต และที่สำคัญเขายังเข้าไปแทรกแซงไม่สำเร็จนั่นแหละ
00 สำหรับวิธีการก็ไม่มีอะไรซับซ้อนให้ยึดโยงกับประชาชน ฟังแล้วดูดี “โคตรประชาธิปไตย” อิบอ๋าย นั่นคือต้องผ่านการเลือกตั้ง หรือไม่ก็ต้อง “ผ่านสภารับรอง” นั่นคือทุกอย่างจะตัดสินกันที่การเลือกตั้ง ใช้เสียงข้างมากตัดสิน ดีไม่ดีต่อไปการชี้ขาดพิพากษาความผิดแต่ละคดีสำคัญอาจใช้การ “โหวตลงมติ” ก็ได้ทำเป็นเล่นไป การให้สัมภาษณ์ของ ทักษิณ ก็หลุดมาคำหนึ่งนั่นคือจะให้ศาลทุกประเภท เช่น ศาลปกครอง ศาล รธน. ปปช.หรือแม้แต่ ประธานศาลฎีกาจะให้ “สภารับรอง” อย่างนี้ไม่เรียกว่าแทรกแซงแล้ว แต่เรียกว่า “ยึดครอง” แล้ว แม้วเอ๋ย
00 เห็นข่าว นายกฯปูนิ่ม สั่งให้บรรดารมต.ประเมินผลงานในรอบ 7 เดือน การทำงานรวมทั้งวางแผนการใช้งบประมาณในปีหน้า ฟังแล้วอยากจะหัวเราะให้ฟันร่วง เพราะถ้าให้ทบทวนก็ต้องทบทวนการทำงานในฐานะนายกฯของตัวเธอเองนั่นแหละว่ามีอะไรที่เป็นชิ้นเป็นอันบ้าง ดังนั้นคนที่ต้องทบทวนและพิจารณาตัวเองเป็นคนแรกก็คือ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เพราะไม่ใช่ล้มเหลว แต่อย่างนี้เขาเรียก “ทำงานไม่เป็น” ต่างหาก !!
00 คาดว่าในวันนี้(6 มี.ค.) หากไม่สะดุดล้มหัวฟาดฟื้นเสียก่อน ก็คงไม่มีอะไรมาขัดขวางไม่ให้ ยงยุทธ วิชัยดิษฐ์ ในฐานะประธานคณะกรรมการเยียวยาชงเรื่องให้ครม.อนุมัติเงินกว่า 2พันล้านบาทเพื่อเยียวยาให้พวกแดงเผาเมืองเป็นบำเหน็จรางวัล “ซื้อใจมวลชน” เอาไว้ล่วงหน้าสำหรับรองรับการแก้ไขรธน.ที่กำลังจะเข้มข้นขึ้นเรื่อยๆ แต่อาจจะไม่หมูนัก เพราะในวันเดียวกันฝ่าย ปชป.ที่มี สาธิต ปิตุเตชะ จะไปยื่นร้องศาลปกครองคัดคัดเช่นเดียวกัน ก็ว่ากันไป เดี๋ยวก็รู้หมู่หรือจ่า !!
