รายงานการเมือง
มติของ 3 ผู้ตรวจการแผ่นดินที่ออกมาแบบประนีประนอม เกรงใจและเป็นใจฝ่ายบริหาร ไม่ฟันธงให้ชัดในประเด็นด้านจริยธรรม ทั้งๆ ที่ เนื้อหาก็ชัดเจนอยู่ว่า
ปู โฟร์ซีซั่นส์-ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี มีความบกพร่องด้านจริยธรรมในการแต่งตั้ง นลินี ทวีสิน เพื่อนซี้ “มูกาเบ” ประธานาธิบดีซิมบับเวที่สังหารหมู่ประชาชนไปเกือบ 3 แสนคน จนถูกทางการสหรัฐอเมริกาแซงก์ชั่นไม่ให้ทำธุรกรรมทางการเงินกับสหรัฐฯ และ ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ผู้ต้องหาคดีก่อการร้ายเจ้าของวาทกรรม “เผาเลยครับพี่น้อง ผมรับผิดชอบเอง”
วันนี้เมื่อ “ผู้ตรวจการแผ่นดิน” ไม่ลงดาบให้ด่าวดิ้นสิ้นชีพทางการเมือง ก็เป็นบุญอักโขแล้วที่เขาเมตตาปรานี กำหนดจริยธรรมแบบผ่อนผันเป็นพิเศษให้กับนายกฯ หญิงคนแรกของไทย ได้มีโอกาสกลับเนื้อกลับตัว ควานหาต่อมจริยธรรมให้เจอ ด้วยการแก้ไขข้อผิดพลาดที่ย่ำยีเกียรติภูมิของชาติ ด้วยการแต่งตั้งบุคคลที่มีตำหนิมาเป็นรัฐมนตรี
แต่เชื่อว่า ความพยายามของผู้ตรวจการแผ่นดินคงจะไร้ผล เพราะดูแล้วยิ่งลักษณ์อยู่ในสถานะที่ไม่ไหวจะเคลียร์ ใบหน้าหนาเกินฟุต ต่อมจริยธรรมลึกเกินกระตุก ไอ้ที่หวังว่าภายใน 30 วันจะมีการทบทวนเปลี่ยนแปลงรัฐมนตรีระดับดาราการเมืองอย่าง ณัฐวุฒิ หรือผู้มีผลประโยชน์ต่างตอบแทนในแอฟริกากับ นักโทษชายทักษิณ อย่าง นลินี คงจะได้แต่ฝันค้าง รอเก้อ ซะมากกว่า
เต็มที ยิ่งลักษณ์ ภายใต้การชักใยของพี่ชายนักโทษ พ.ต.ท.ทักษิณ ชิน วัตร คงทำตามเสียงกระซิบจากดูไบที่ตอกย้ำว่า “เดินหน้าไปน้อง เราบกพร่องโดยสุจริต ไม่เคยมอบหมายให้ใครตอบเรื่องจริยธรรม”
เพราะฉะนั้น จดหมายน้อยที่ต้องรายงานต่อผู้ตรวจการแผ่นดินตามวันเวลาที่กำหนด นอกจากไม่มีอะไรในกอไผ่แล้ว ยังน่าจะเป็นการท้าทายองค์กรตรวจสอบอย่างผู้ตรวจการแผ่นดิน ที่ไม่ได้มีกระบวนการสรรหายึดโยงกับประชาชนด้วยซ้ำไป
ก็ผู้ตรวจการแผ่นดินแบไต๋ให้เห็นโต้งๆ ว่า เต็มที่ก็แค่เตือนทำรายงานถึง ครม.และรัฐสภา
ถามท่านผู้ตรวจการแผ่นดินทั้ง 3 คนหน่อยว่า ครม.มันคนของใครถ้าไม่ใช่ "คนรักแม้ว"
ส่วนรัฐสภาก็อยู่ภายใต้อุ้งมือนักโทษไม่ต่างกัน ดูได้จากเสียงสนับสนุนในร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญฉบับคนเมา ที่ยกมือกันสลอน จนนักโทษชายทึกทักนึกเอาว่าคนไทย 66 ล้านคนสนับสนุนการแก้ไขรัฐธรรมนูญ
วิธีคิดสร้างความปรองดองบนหลักการที่ผู้ชนะกินรวบที่ถ่ายทอดจากพี่ชายมาสู่โคลนนิ่งน้องสาว มีหรือจะให้คุณค่ากับองค์กรตรวจสอบอย่างผู้ตรวจการแผ่นดิน เพราะการชี้แจงก็ยังไม่คิดย่างกรายไปด้วยตัวเอง เพราะสำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดินมันไม่เร้าใจเท่ากับไปฉลองภารกิจลับรับวันวาเลนไทน์ ท่ามกลางกลิ่นอบอวลของดอกกุหลาบงาม!
ร้ฐธรรมนูญปี 50 ฉบับประชามติ มีเจตนาอันแรงกล้าที่จะปิดจุดอ่อนนักการเมืองไทยที่แร้นแค้นด้านจริยธรรมมาตั้งแต่ยุคนักโทษเป็นนายกฯ ทำให้คนไทยจำนวนไม่น้อยโหยหาระบบคุณธรรมให้คืนสู่สังคมไทยอีกครา แน่ก็มิอาจคาดหวังได้จากต่อมสำนึกด้านดีของนักการเมือง จึงต้องเขียนบังคับเป็นตัวบทไว้ในรัฐธรรมนูญให้ผู้ตรวจการแผ่นดินเป็นผู้ทำหน้าที่ตรวจแถวจริยธรรมนักการเมือง
ซึ่งแน่นอนว่าผู้ร่างรัฐธรรมนูญในขณะนั้นย่อมคาดหวังให้ ผู้ตรวจการแผ่นดินวางบทบาทประดุจไม้บรรทัด ชี้วัดจริยธรรมอย่างตรงไปตรงมาไม่เอนเอียงบิดเบี้ยว และคงไม่เห็นด้วยกับ “จริยธรรมผ่อนผัน” ที่ผู้ตรวจการแผ่นดินกำลังปฏิบัติอยู่ในขณะนี้
เพราะสำหรับคนที่มีสำนึกดีย่อมมีความละอายควบคู่ไปด้วย แต่คุณสมบัติเหล่านี้ไม่ปรากฏอยู่ในรัฐบาลชุดนี้ตั้งแต่หัวแถวยันลูกกะจ๊อก ดังนั้นใครที่คิดว่าไม่ต้องถึงขั้นถอดถอน ถ้าไม่ทำแค่ประจานก็เจ็บอายจนแทบจะสู้หน้าประชาชีไม่ได้นั้น ต้องกลับไปคิดใหม่
เพราะเชื่อว่าคนอย่างยิ่งลักษณ์ก็คงปล่อยเรื่องนี้ให้ผ่านไปก้บสายลม สร้างกระแสผ่านสื่อในอุ้งเท้าตัวเองให้คนในสังคมเข้าใจว่า เป็นเรื่องจิ๊บจ๊อย เหมือนที่โฆษณาชวนเชื่อกันอยู่ในทีวีแดงตลอดเกือบเดือนที่ผ่านมา
แม้ว่าจะรู้สึกขัดอกขัดใจต่อคำวินิจฉัยของผู้ตรวจการแผ่นดิน ที่เปิดโอกาสให้ผู้ก่อการร้ายเผาบ้านเผาเมืองกลับไปทบทวนจริยธรรม แต่ก็ยังเห็นว่าเป็นโอกาสดีที่ผู้ตรวจการแผ่นดินจะได้มองโลกจากความเป็นจริงว่า
“โจรไม่เคยรู้จักคุณธรรม และจริยธรรมไม่เคยมีความหมายในหมู่โจร”
อย่างน้อยบทเรียนคราวนี้จะทำให้ผู้ตรวจการแผ่นดินได้ใช้ “ไม้แข็ง” จัดการคดีอื่นที่ยังค้างอยู่ให้เด็ดขาด ไม่ใช่ใช้หัก “จริยธรรมผ่อนผัน” กับคนที่ไร้จริยธรรม
เส้นทางการเมืองของ “ปู โฟร์ซีซั่นส์” อาจตกหล่มจนต้องวิบัติจากกรณีกำหนดนโยบายบ้านหลังแรกเอื้อประโยชน์ให้บริษัทแอสซีแอสเสท หรือ ตายหยังเขียดเพราะสำลักความสุขจากชั้น 7 โฟร์ซีซั่นส์ ที่ยังคลุมเครือให้ความกระจ่างกับสังคมไม่ได้ เพราะเขาฟันธงกันไปทั้งแระเทศแล้วว่า ว. 5 คราวนี้ ไม่ชู้สาวก็ผลประโยชน์ทับซ้อน หรืออาจจะทั้งสองอย่างในคราวเดียวกัน กลายเป็นผลประโยชน์ทับท้องก็มิอาจรู้ได้
และคนที่คงนั่งไม่ติดนอนไม่หลับมากที่สุดในขณะนี้ น่าจะหนีไม่พ้น “คางคกตู่” จตุพร พรหมพันธุ์ น้องรักของนักโทษ ที่ร้องเพลงรอเตรียมตัวเป็นอำมาตย์อาจต้องกินแห้ว
ก็คุณสมบัติเดียวกับณัฐวุฒิ เด๊ะๆ
ผู้ตรวจการแผ่นดินก็เตือนแล้ว หากยังตั้ง ครม.คางคกพิษซ้ำเต้นเผาเมือง มีหวัง “ปูนิ่ม” คงถูกคางคกพ่นยางพิษจนตกจากเก้าอี้ก็คราวนี้แหละ
ไม่เชื่อก็ตั้ง จตุพร พรหมพันธุ์ เป็นรัฐมนตรีวันนี้เลย!
มติของ 3 ผู้ตรวจการแผ่นดินที่ออกมาแบบประนีประนอม เกรงใจและเป็นใจฝ่ายบริหาร ไม่ฟันธงให้ชัดในประเด็นด้านจริยธรรม ทั้งๆ ที่ เนื้อหาก็ชัดเจนอยู่ว่า
ปู โฟร์ซีซั่นส์-ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี มีความบกพร่องด้านจริยธรรมในการแต่งตั้ง นลินี ทวีสิน เพื่อนซี้ “มูกาเบ” ประธานาธิบดีซิมบับเวที่สังหารหมู่ประชาชนไปเกือบ 3 แสนคน จนถูกทางการสหรัฐอเมริกาแซงก์ชั่นไม่ให้ทำธุรกรรมทางการเงินกับสหรัฐฯ และ ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ผู้ต้องหาคดีก่อการร้ายเจ้าของวาทกรรม “เผาเลยครับพี่น้อง ผมรับผิดชอบเอง”
วันนี้เมื่อ “ผู้ตรวจการแผ่นดิน” ไม่ลงดาบให้ด่าวดิ้นสิ้นชีพทางการเมือง ก็เป็นบุญอักโขแล้วที่เขาเมตตาปรานี กำหนดจริยธรรมแบบผ่อนผันเป็นพิเศษให้กับนายกฯ หญิงคนแรกของไทย ได้มีโอกาสกลับเนื้อกลับตัว ควานหาต่อมจริยธรรมให้เจอ ด้วยการแก้ไขข้อผิดพลาดที่ย่ำยีเกียรติภูมิของชาติ ด้วยการแต่งตั้งบุคคลที่มีตำหนิมาเป็นรัฐมนตรี
แต่เชื่อว่า ความพยายามของผู้ตรวจการแผ่นดินคงจะไร้ผล เพราะดูแล้วยิ่งลักษณ์อยู่ในสถานะที่ไม่ไหวจะเคลียร์ ใบหน้าหนาเกินฟุต ต่อมจริยธรรมลึกเกินกระตุก ไอ้ที่หวังว่าภายใน 30 วันจะมีการทบทวนเปลี่ยนแปลงรัฐมนตรีระดับดาราการเมืองอย่าง ณัฐวุฒิ หรือผู้มีผลประโยชน์ต่างตอบแทนในแอฟริกากับ นักโทษชายทักษิณ อย่าง นลินี คงจะได้แต่ฝันค้าง รอเก้อ ซะมากกว่า
เต็มที ยิ่งลักษณ์ ภายใต้การชักใยของพี่ชายนักโทษ พ.ต.ท.ทักษิณ ชิน วัตร คงทำตามเสียงกระซิบจากดูไบที่ตอกย้ำว่า “เดินหน้าไปน้อง เราบกพร่องโดยสุจริต ไม่เคยมอบหมายให้ใครตอบเรื่องจริยธรรม”
เพราะฉะนั้น จดหมายน้อยที่ต้องรายงานต่อผู้ตรวจการแผ่นดินตามวันเวลาที่กำหนด นอกจากไม่มีอะไรในกอไผ่แล้ว ยังน่าจะเป็นการท้าทายองค์กรตรวจสอบอย่างผู้ตรวจการแผ่นดิน ที่ไม่ได้มีกระบวนการสรรหายึดโยงกับประชาชนด้วยซ้ำไป
ก็ผู้ตรวจการแผ่นดินแบไต๋ให้เห็นโต้งๆ ว่า เต็มที่ก็แค่เตือนทำรายงานถึง ครม.และรัฐสภา
ถามท่านผู้ตรวจการแผ่นดินทั้ง 3 คนหน่อยว่า ครม.มันคนของใครถ้าไม่ใช่ "คนรักแม้ว"
ส่วนรัฐสภาก็อยู่ภายใต้อุ้งมือนักโทษไม่ต่างกัน ดูได้จากเสียงสนับสนุนในร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญฉบับคนเมา ที่ยกมือกันสลอน จนนักโทษชายทึกทักนึกเอาว่าคนไทย 66 ล้านคนสนับสนุนการแก้ไขรัฐธรรมนูญ
วิธีคิดสร้างความปรองดองบนหลักการที่ผู้ชนะกินรวบที่ถ่ายทอดจากพี่ชายมาสู่โคลนนิ่งน้องสาว มีหรือจะให้คุณค่ากับองค์กรตรวจสอบอย่างผู้ตรวจการแผ่นดิน เพราะการชี้แจงก็ยังไม่คิดย่างกรายไปด้วยตัวเอง เพราะสำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดินมันไม่เร้าใจเท่ากับไปฉลองภารกิจลับรับวันวาเลนไทน์ ท่ามกลางกลิ่นอบอวลของดอกกุหลาบงาม!
ร้ฐธรรมนูญปี 50 ฉบับประชามติ มีเจตนาอันแรงกล้าที่จะปิดจุดอ่อนนักการเมืองไทยที่แร้นแค้นด้านจริยธรรมมาตั้งแต่ยุคนักโทษเป็นนายกฯ ทำให้คนไทยจำนวนไม่น้อยโหยหาระบบคุณธรรมให้คืนสู่สังคมไทยอีกครา แน่ก็มิอาจคาดหวังได้จากต่อมสำนึกด้านดีของนักการเมือง จึงต้องเขียนบังคับเป็นตัวบทไว้ในรัฐธรรมนูญให้ผู้ตรวจการแผ่นดินเป็นผู้ทำหน้าที่ตรวจแถวจริยธรรมนักการเมือง
ซึ่งแน่นอนว่าผู้ร่างรัฐธรรมนูญในขณะนั้นย่อมคาดหวังให้ ผู้ตรวจการแผ่นดินวางบทบาทประดุจไม้บรรทัด ชี้วัดจริยธรรมอย่างตรงไปตรงมาไม่เอนเอียงบิดเบี้ยว และคงไม่เห็นด้วยกับ “จริยธรรมผ่อนผัน” ที่ผู้ตรวจการแผ่นดินกำลังปฏิบัติอยู่ในขณะนี้
เพราะสำหรับคนที่มีสำนึกดีย่อมมีความละอายควบคู่ไปด้วย แต่คุณสมบัติเหล่านี้ไม่ปรากฏอยู่ในรัฐบาลชุดนี้ตั้งแต่หัวแถวยันลูกกะจ๊อก ดังนั้นใครที่คิดว่าไม่ต้องถึงขั้นถอดถอน ถ้าไม่ทำแค่ประจานก็เจ็บอายจนแทบจะสู้หน้าประชาชีไม่ได้นั้น ต้องกลับไปคิดใหม่
เพราะเชื่อว่าคนอย่างยิ่งลักษณ์ก็คงปล่อยเรื่องนี้ให้ผ่านไปก้บสายลม สร้างกระแสผ่านสื่อในอุ้งเท้าตัวเองให้คนในสังคมเข้าใจว่า เป็นเรื่องจิ๊บจ๊อย เหมือนที่โฆษณาชวนเชื่อกันอยู่ในทีวีแดงตลอดเกือบเดือนที่ผ่านมา
แม้ว่าจะรู้สึกขัดอกขัดใจต่อคำวินิจฉัยของผู้ตรวจการแผ่นดิน ที่เปิดโอกาสให้ผู้ก่อการร้ายเผาบ้านเผาเมืองกลับไปทบทวนจริยธรรม แต่ก็ยังเห็นว่าเป็นโอกาสดีที่ผู้ตรวจการแผ่นดินจะได้มองโลกจากความเป็นจริงว่า
“โจรไม่เคยรู้จักคุณธรรม และจริยธรรมไม่เคยมีความหมายในหมู่โจร”
อย่างน้อยบทเรียนคราวนี้จะทำให้ผู้ตรวจการแผ่นดินได้ใช้ “ไม้แข็ง” จัดการคดีอื่นที่ยังค้างอยู่ให้เด็ดขาด ไม่ใช่ใช้หัก “จริยธรรมผ่อนผัน” กับคนที่ไร้จริยธรรม
เส้นทางการเมืองของ “ปู โฟร์ซีซั่นส์” อาจตกหล่มจนต้องวิบัติจากกรณีกำหนดนโยบายบ้านหลังแรกเอื้อประโยชน์ให้บริษัทแอสซีแอสเสท หรือ ตายหยังเขียดเพราะสำลักความสุขจากชั้น 7 โฟร์ซีซั่นส์ ที่ยังคลุมเครือให้ความกระจ่างกับสังคมไม่ได้ เพราะเขาฟันธงกันไปทั้งแระเทศแล้วว่า ว. 5 คราวนี้ ไม่ชู้สาวก็ผลประโยชน์ทับซ้อน หรืออาจจะทั้งสองอย่างในคราวเดียวกัน กลายเป็นผลประโยชน์ทับท้องก็มิอาจรู้ได้
และคนที่คงนั่งไม่ติดนอนไม่หลับมากที่สุดในขณะนี้ น่าจะหนีไม่พ้น “คางคกตู่” จตุพร พรหมพันธุ์ น้องรักของนักโทษ ที่ร้องเพลงรอเตรียมตัวเป็นอำมาตย์อาจต้องกินแห้ว
ก็คุณสมบัติเดียวกับณัฐวุฒิ เด๊ะๆ
ผู้ตรวจการแผ่นดินก็เตือนแล้ว หากยังตั้ง ครม.คางคกพิษซ้ำเต้นเผาเมือง มีหวัง “ปูนิ่ม” คงถูกคางคกพ่นยางพิษจนตกจากเก้าอี้ก็คราวนี้แหละ
ไม่เชื่อก็ตั้ง จตุพร พรหมพันธุ์ เป็นรัฐมนตรีวันนี้เลย!