“ประยุทธ์” สั่งทัพภาค 3 เพิ่มมาตรการแก้หมอกควัน แต่รับชาวบ้านเมินร่วมมือต้องเร่งแจง พร้อมประสานเพื่อนบ้านเคลียร์พวกเผาแล้ว พร้อมสั่งสอบคลิปฉาวทหารข่มขืนสาวมุสลิมชายแดนใต้ ยันจับยัดคุกแล้ว ลั่นจ่อลงโทษ ผบ.หน่วยด้วย รับขอโทษมีสิ่งบกพร่อง เผยผลสอบยิงชาวบ้านคืบ 60%
วันนี้ (6 มี.ค.) พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก ให้สัมภาษณ์ถึงการดูแลปัญหาเรื่องหมอกควันในภาคเหนือ ว่า พื้นที่ดังกล่าวอยู่ในความรับผิดชอบของกองทัพภาคที่ 3 โดยมี กอ.รมน.ภาค ทำงานร่วมกับในส่วนของจังหวัด ทั้งนี้ ตนได้สั่งกำชับให้กองทัพภาคที่ 3 เพิ่มมาตรการต่างๆ พร้อมทั้งให้ความร่วมมือกับส่วนราชการเพื่อแก้ไขปัญหาให้เสร็จโดยเร็ว โดยเฉพาะอย่างยิ่ง พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และ สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถทรงเป็นห่วง แต่ปัญหาก็คือประชาชนไม่ให้ความร่วมมือ โดยเฉพาะในเรื่องของการเตรียมการเพาะปลูก ดังนั้น จึงต้องพยายามทำความเข้าใจ ซึ่งหากมีการละเมิดเผาป่าก็จะต้องมีการดำเนินคดีไม่เช่นนั้นก็จะเป็นอยู่อย่างนี้ และอีกประการหนึ่งควันไฟส่วนหนึ่งมาจากประเทศเพื่อนบ้านเป็นจำนวนมาก
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า กองทัพบกได้ประสานงานไปยังผู้ช่วยทูตประเทศเพื่อนบ้านให้ช่วยกันดูแลเรื่องนี้เพราะมีผลกระทบทั้ง 3 ประเทศ และส่งผลกระทบต่อคุณภาพชีวิตของประชาชนโดยรวม การท่องเที่ยวก็มีปัญหา การขนส่งทางอากาศยานก็ทำไม่ได้ ซึ่งประชาชนที่อยู่ตามป่าเขาในพื้นที่สูงๆ เขาไม่ทราบถึงปัญหาเราก็จะต้องมีการแก้ไขปัญหาให้ได้ และสิ่งสำคัญเจ้าหน้าที่ไม่พอเพียง และอากาศยานของเราก็มีอยู่อย่างจำกัด เพราะจุดไฟครั้งหนึ่งเป็น 100 จุด กองทัพขอความร่วมมือไปยังประชาชนให้ร่วมมือกันในการแก้ไขปัญหา ทั้งนี้ ตนไม่อยากไปตำหนิสิ่งใดที่มีผลกระทบต่อประเทศ ทุกคนจะต้องร่วมกันรับผิดชอบการอยู่ร่วมกันต้องถอยทีถอยอาศัยว่าทำอย่างไรไม่ให้ไปละเมิดสิทธิผู้อื่น เราจะต้องกลับมาทบทวนในการมีส่วนร่วมของภาคประชาชนกับเจ้าหน้าที่ในการแก้ไขปัญหาให้กับประเทศชาติ
ผู้บัญชาการทหารบก ยังให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่มีการเผยแพร่คลิปกำลังพลภาคใต้กำลังกระทำชำเราหญิงมุสลิมในพื้นที่ภาคใต้ ว่า เรามีมาตรการในการคัดเลือกบุคคล เพื่อที่จะลงไปปฏิบัติหน้าที่ในพื้นที่แต่ต้องเข้าใจ เมื่อเข้าไปอยู่ในพื้นที่แล้วมีความใกล้ชิด และสิ่งสำคัญต้องไปดูสาเหตุว่าเกิดจากอะไร ตนก็ให้สอบสวนไปก่อน แต่สิ่งที่ผิดแน่นอนก็คือกำลังพล ซึ่งเขาไม่ควรไปยุ่ง ทั้งนี้ ให้ตรวจสอบไปถึงผู้เสียหายว่ามีประวัติความเป็นมาอย่างไร เพื่อให้ความเป็นธรรมทั้งสองฝ่าย ในส่วนทหารเองขณะนี้ได้ดำเนินการขั้นสูงสุด คือ จับขัง ตีตรวน ไปแล้ว ซึ่งต่อไปเป็นเรื่องของคดีอาญา ก็ถือเป็นบทเรียน แต่ขอว่าอย่านำเรื่องนี้ไปขยาย จนทำให้ใหญ่โตว่าเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นบ่อยครั้ง เรื่องที่เกิดขึ้นระหว่างคนสองเพศมีหลายเหตุผลด้วยกัน และเราต้องให้เกียรติฝ่ายหญิง และจะพูดอะไรไม่ได้ เพราะจะทำให้ผู้หญิง เสียหาย ผู้ชายก็ต้องรับผิดชอบ เพราะเป็นคนไปยุ่งเกี่ยว และทำให้เรื่องเกิดขึ้น
“เรื่องที่เกิดขึ้นทุกเรื่องในภาคใต้ กองทัพบกไม่เคยนิ่งนอนใจ และนำบทเรียนต่างๆ มาแก้ไข ทั้งนี้ ไม่ว่าจะเกิดคดีความในเรื่องใด ผู้บังคับบัญชาก็ต้องรับผิดชอบ ซึ่งผมจะลงโทษผู้บังคับหน่วยว่าไม่ได้กวดขัน เข้มงวดกำลังพลเท่าที่ควร แต่ต้องเห็นใจเพราะคนมีเยอะ กองพันหนึ่งมีคน 800 คน มาจากร้อยพ่อพันแม่ และไปทำภารกิจที่มีความเครียดและกดดัน เพราะฉะนั้น หน้าที่ของเราคือขจัดคนไม่ดี และแยกออกมา พร้อมทั้งลงโทษ ก็อยากจะขอโทษแทนในส่วนของกองทัพบก และ กอ.รมน.อะไรที่เกิดขึ้นและบกพร่อง ผมในฐานะเป็นผู้ปฏิบัติก็ต้องรับผิดชอบด้วยในเรื่องนี้ และต้องแก้ไขปัญหาให้ได้โดยเร็ว” ผบ.ทบ.กล่าว
ส่วนความคืบหน้ากรณีที่ทหารพรานยิงผู้ต้องสงสัยเป็นผู้ก่อเหตุการณ์ความไม่สงบเสียชีวิต 4 รายนั้น พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ขณะนี้ผลการสอบสวนคืบหน้าไป 60% จะผิด หรือ ถูก อย่างไร ในฐานะเจ้าหน้าที่เราต้องรับผิดชอบ เยียวยา และ ลงโทษ สิ่งต่างๆ ที่เกิดขึ้นไม่ได้ปกปิด ซึ่งนโยบายของกองทัพบกต้องชัดเจนว่าต้องโปร่งใส มีประสิทธิภาพ จะอ้างเรื่องพวกพ้อง ผลประโยชน์ไมได้ เพราะชีวิตผู้ใต้บังคับบัญชาทุกคนมีความหมายต่อครอบครัวของเขา เราเป็นผู้บังคับบัญชาจะนำลูกน้องมาเป็นหลักประกันเพื่อให้ได้ผลประโยชน์คงไม่ได้ ถ้าใครทำแบบนั้นก็เลว เป็นผู้บังคับบัญชาที่เลวสำหรับเหตุการณ์ระเบิดที่บริเวณท่าเรือบาตา-กาลังกูโบร์ อ.ตากใบ จ.นราธิวาส นั้น เป็นเรื่องที่เขาต้องปรับกลยุทธ์ ยุทธวิธี ในการตอบโต้ การต่อสู้ก็ต้องมีการสูญเสีย ต้องเห็นใจกัน เมื่อมีการปรับมาตรการให้เข้มข้นขึ้นก็จะเกิดผลกระทบต่อประชาชน ขณะเดียวกัน ก็ต้องมีความปลอดภัยซึ่งถือเป็นเรื่องยาก
“แต่เราก็พยายามอย่างเต็มที่ ปัดความรับผิดชอบไม่ได้ เพราะแต่ละพื้นที่แบ่งความรับผิดชอบชัดเจน แต่เจ้าหน้าที่ตำรวจรับผิดชอบในเขตตัวเมือง ทหารจะอยู่ในวงรอบชั้นกลาง ชั้นนอก แต่บางครั้งก็มีจุดบกพร่องเพราะเขตเมืองแออัด คนมาก ทุกอย่างยังปกติ แม้จะมีกฎหมายที่หลายฝ่ายมองว่าละเมิดสิทธิมนุษยชน แต่กฎหมายนั้นไม่ได้ทำให้คนบริสุทธ์เดือดร้อน เพื่อป้องปรามคนที่ทำไม่ดี ก็ต้องขอความเป็นธรรมด้วย เพราะคนในพื้นที่ไม่ได้เดือดร้อน ก็มีอยู่ไม่กี่พวกเท่านั้นที่เดือดร้อน ซึ่งกฎหมายไม่ได้ผิด แต่ผิดที่ผู้นำไปใช้มากกว่า ถ้าใครใช้ไม่ถูกก็ต้องลงโทษไป แต่เมื่อมีเหตุการณ์เปลี่ยนแปลงแล้วจะไปแก้ไขกฎหมาย ผมคิดว่ามันไม่ถูกต้อง แต่สามารถปรับปรุงได้” ผบ.ทบ.กล่าว
เมื่อถามว่า มีสมาชิกวุฒิสภาต้องการให้ยกเลิก พ.ร.ก.บริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ขอร้อง และ ขอความกรุณาไห้เจ้าหน้าที่ได้ทำงาน เพราะการต่อสู้กับผู้ก่อเหตุรุนแรงไม่ใช่โจรธรรมดา คนพวกนี้มีการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมตลอดเวลา ถ้าใช้กฎหมายปกติก็เป็นเรื่องที่ทำงานได้ยาก ทั้งการทำงานด้านการข่าว ขณะนี้กฎหมายดังกล่าวที่เราใช้อยู่ คือการเข้าไปจับกุมเพื่อสอบสวน และ ขยายผล ซึ่งกฎหมายทั้งสองฉบับเอาไว้ช่วยคนดี และป้องกันเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น มีไว้เพื่อหาข่าว สอบสวนและหาข้อมูล รวมถึงการสาวไปถึงเครือข่ายที่โยงใย ซี่งที่ผ่านมาเราก็ได้มามากมายและพยายามจับกุมด้วยกฎหมายปกติ การมีกฎอัยการศึกสามารถจับกุมได้เลย ส่วน พรก.บริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน ต้องขอหมายจากศาล วันนี้ จะให้บอกว่าสถานการณ์ดีหรือเลวนั้น ต้องให้ความเป็นธรรมกับเจ้าหน้าที่ที่บาดเจ็บ เสียชีวิต ไปมาก ลูกเมียก็เดือดร้อน ส่วนที่มีการกล่าวหาว่านำทหารลงไปจำนวนมากไปรบกับโจรแล้วสู้เขาไม่ได้ ขอให้ทำความเข้าใจเสียใหม่ ว่า ไม่ได้เอาทหารไปรบกับใคร แต่ป้องกันไม่ให้ประชาชนได้รับผลกระทบ