ปชป.เฉ่งรัฐบาลทุศีล ล่าสุดปล่อย “เฉลิม” ทำรัฐสภาเป็น “รัฐสผับ”

โฆษก ปชป.ฉะรัฐบาลทุศีล ผิดศีล 5 เกือบทุกข้อ ล่าสุด “เฉลิม” ห้าวทำรัฐสภาเป็น “รัฐสผับ” จี้ “ยิ่งลักษณ์” แจงให้ชัด ว.5 อะไรกับบิ๊กแสนสิริ เพราะจากการต่อจิ๊กซอว์ภาพชัดทุจริตเชิงนโยบายเหมือนยุค “ทักษิณ” ซื้อที่ดินรัชดาฯ พร้อมแฉโครงการรับจำนำมันสำปะหลัง เปิดช่องนักการเมือง-พ่อค้าฟันกำไร

นายชวนนท์ อินทรโกมาลย์สุต โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ นำคลิปเหตุการณ์ความวุ่นวายในการประชุมสภาผุ้แทนราษฎรเมื่อคืนวันที่ 24 ก.พ. ระหว่างการพิจารณาร่าง พ.ร.บ.แก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ 2550 ในช่วงที่ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี ลุกขึ้นประท้วงนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ และผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร มาร่วมเปิดระหว่างการแถลงข่าว ซึ่งถูกระบุว่ามีอาการเมาสุรา พร้อมกล่าวว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นเรื่องน่าละอายมาก นอกจากจะตอกย้ำว่ารัฐบาลมีพฤติกรรมข่มขู่แล้ว ยังผิดศีลทุกข้อเกือบทุกคน

นายชวนนท์กล่าวว่า การที่นายกฯใช้ความเป็นผู้หญิงมาปกป้องการตรวจสอบของฝ่ายค้าน แต่กลับไม่มีพฤติกรรมในการปกป้อง น.ส.รังสิมา รอดรัศมี ส.ส.สมุทรสงคราม พรรคประชาธิปัตย์ ตนจึงตั้งข้อสงสัยว่าสรุปแล้วนายกฯ สนับสนุนให้คนของตัวเองมีพฤติกรรมที่ผิดศีลหรือไม่ เพราะเริ่มจากนายกฯ ที่ยังไม่สามารถพ้นมลทินจากภารกิจ ว.5 โรงแรมโฟร์ซีซั่นส์ได้ จึงมีคนตั้งคำถามกับนายกฯ มากมาย ในศีลข้อ 3 คือ ข้อ กาเมฯ ซึ่งนายกฯ ไม่สามารถพิสูจน์ให้สังคมคลายสงสัยได้เช่นกัน

นอกจากนี้ นายกฯ ยังอาจทำผิดศีลข้อสอง คือ อทินนาฯ เรื่องการทุจริตแสวงหาผลประโยชน์ หรือใช้อำนาจทางการเมืองโดยเฉพาะผลประโยชน์ทับซ้อนเกี่ยวกับผังเมือง ที่มีการพูดคุยกับนายเศรษฐา ทวีสิน ผู้บริหารเครือแสนสิริ เช่นเดียวกับรัฐมนตรีและ ส.ส.ในพรรคเพื่อไทยหลายคนที่มีพฤติกรรมคล้ายกันในการผิดศีลข้อสอง เรื่องการทุจริตถุงยังชีพ และโกงของบริจาคน้ำท่วม

นายชวนนท์กล่าวว่า ดังนั้น พฤติกรรมของ ร.ต.อ.เฉลิม คงไม่ต้องบอกว่าผิดศีลข้อไหน เพราะจากพฤติกรรมเปลี่ยนรัฐสภามาเป็นรัฐสผับ ก็คือการผิดศีลข้อหาเรื่องสุราเมรัย และมากไปกว่านั้น คือ นายกฯ และสมาชิกพรรคเพื่อไทยเกือบทั้งพรรคอาจจะผิดศีลข้อหนึ่ง เรื่องการห้ามฆ่าสัตว์ เพราะได้เข้ามาสู่อำนาจด้วยการใช้ชีวิตคนที่ศรัทธา หลวมตัวมาชุมนุมจนต้องเสียชีวิต เพื่อให้พวกท่านเข้าสู่อำนาจใช่หรือไม่

“ที่กล่าวมาทั้งหมดผมอยากบอกว่ารัฐบาลชุดนี้เป็นรัฐบาลที่ทุศีล ไม่สามารถรักษาศีลได้ทั้งหมด แค่ศีล 5 ง่ายๆ ก็ทำผิดครบเกือบทุกข้อแล้ว แต่สิ่งที่สำคัญในเรื่องการอภิปรายรัฐธรรมนูญ คือนายกฯ ไม่ได้ให้ความสำคัญสภา ซึ่งนายอภิสิทธิ์ได้อภิปรายสรุปเตือนไป 3 ข้อว่าการแก้รัฐธรรมนูญไม่ควรแตะเรื่องสถาบันพระมหากษัตริย์ การล้มล้างองค์กรอิสระ และการปรองดอง ซึ่งรัฐบาลตอบไม่ได้ ผมจึงไม่รู้ว่า ร.ต.อ.เฉลิมเครียดที่ตอบไม่ได้จึงต้องไประบายที่ขวดไวน์หรือไม่”

โฆษกพรรคประชาธิปัตย์กล่าวว่า นอกจากนี้ตนอยากชี้ถึงเหตุผลภารกิจ ว.5 ผิดศีลแน่นอน เพราะขณะนี้กรมธนารักษ์เลื่อนประกาศประเมินราคาที่ดินใหม่ออกไป 6 เดือน จึงอยากถามว่าอธิบดีกรมธนารักษ์ ใช้อำนาจอะไรในการเลื่อนการประเมินราคาครั้งนี้ เพราะตามระเบียบคณะกรรมการกำหนดราคาประเมินทุนทรัพย์ ไม่มีการให้อำนาจกรมธนารักษ์เลื่อนประกาศประเมินราคาที่ดินออกไป ซึ่งตามระเบียบจะต้องมีการประกาศราคาประเมินที่ดินใหม่ทุก 4 ปี

นอกจากนี้ หากย้อนหลังไปจะพบว่าในปี 46 ซึ่งเป็นปีที่เกี่ยวข้องกับการประมูลที่ดินรัชดา ซึ่งจะมีการประกาศราคาประเมินที่ดินใหม่ในวันที่ 1 ม.ค.47 และเห็นได้ว่ารัฐบาลในสมัยนั้นประกาศให้วันที่ 31 ธ.ค.46 เป็นวันทำงาน โดยการดำเนินการดังกล่าวทำให้การซื้อขายที่ดินรัชดาสามารถประหยัดค่าใช้จ่ายไปได้ถึง 133.5 ล้านบาท และมาวันนี้ก็เกิดเหตุการณ์คล้ายๆ กันในการเลื่อนการประกาศการประเมินราคาที่ดินใหม่

อย่างไรก็ตาม จากข้อมูลเบื้องต้นสอดคล้องกับการที่นายยงยุทธ วิชัยดิษฐ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.มหาดไทย ยอมรับบอกว่าการเลื่อนประกาศประเมินราคาที่ดินออกไป เพราะต้องรอแผนจาก กยน. ซึ่งเป็นแผนครอบคลุมการใช้ที่ดินทั้งประเทศ โดยคนที่ทราบรายละเอียดเกี่ยวกับแผนอย่างดี คือ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ซึ่งวันนั้นที่โรงแรมโฟร์ชีซั่นส์ น.ส.ยิ่งลักษณ์ คุยกับนายเศรษฐา เจ้าพ่ออสังหาริมทรัพย์ ซึ่งทุกคนคงคาดเดาได้ว่าเขาจะคุยกันเรื่องอะไร เพราะหนึ่งมีแผน กยน. อีกคนหนึ่งมีเงินซื้อที่ดิน

“ดังนั้น น.ส.ยิ่งลักษณ์ต้องชี้แจงให้ได้ว่าไปคุยอะไรกัน เพราะนี่คือจิ๊กซอว์ต่อภาพในการที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ปฏิบัติภารกิจ ว.5 จึงขอร้องไม่ต้องใช้กระโปรงในความเป็นผู้หญิงมาปกป้องตัวเอง”

นายชวนนท์กล่าวอีกว่า รัฐบาลล้มเหลวในโครงการนโยบายจำนำมันสำปะหลัง เพราะมันสำปะหลังจะมีผลผลิตที่ดีในเดือน ต.ค. แต่รัฐบาลกลับมารับจำนำในเดือน ก.พ. ซึ่งเป็นช่วงที่ผลผลิตน้อยลง โดยเฉพาะในเดือน พ.ค. ที่รัฐบาลประกาศรับจำนำในราคากิโลกรัมละ 2.90 บาท แต่มีผู้เข้าร่วมโครงการเพียง 3.1 เปอร์เซ็นต์เท่านั้น จึงเท่ากับว่าเป็นการประกาศโครงการรับจำนำโดยที่ไม่มีมันสำปะหลังเหลืออีกแล้ว

นอกจากนี้ยังเกิดปัญหาลานมันที่รัฐบาลกำหนดให้มีจำนวนน้อยเกินไป เช่น ลานมัน จ.นครราชสีมา ที่ผลิตมันได้มากที่สุดในประเทศไทย คือ 24 เปอร์เซ็นต์ของมันสำปะหลังทั้งประเทศ แต่มีโรงแป้งเข้าร่วมโครงการเพียง 2 โครงการ รับจำนำได้เพียง 2,565 ตัน จากทั้งหมด 5-7 ล้านตัน ทำให้เกษตรกรส่วนใหญ่ของประเทศไม่ได้รับประโยชน์จากโครงการรับจำนำมันสำปะหลัง ทั้งนี้ ดูเหมือนว่ารัฐบาลจะสร้างโครงการดังกล่าวมาเพื่อใช้การตลาดนำการแก้ปัญหาของเกษตรกร เพราะอีกมุมหนึ่งเป็นช่องทางหากินของพ่อค้าคนกลางที่จะนำมันสำปะหลังของประเทศเพื่อนบ้านที่ราคาต่ำกว่า 1.80 บาทต่อกิโลกรัมมาสวมสิทธิ์ในโครงการ

“นี่คือแผนการของผู้ที่คิดชั่วกับบ้านเมือง เอาความเดือดร้อนของเกษตรกรมาเป็นโอกาสในการสร้างกำไรให้ พ่อค้าคนกลาง นักการเมือง พรรคพวกเพื่อนฝูงหากินบนความเดือดร้อนของเกษตรกร”