xs
xsm
sm
md
lg

“รังสิมา” สับ “ค้อนปลอม” เอียง ยันมีสิทธิ์ถามทู้ ว.5 - พท.จวก 3 ปชป.ดูถูกเพศหญิง

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

นางสาวรังสิมา รอดรัศมี ส.ส.สมุทรสงคราม พรรคประชาธิปัตย์ ตั้งกระทู้ถามเรื่องการไปปฏิบัติภารกิจลับที่ รร.โฟร์ซีซันส์ ของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี
“รังสิมา” ลั่นสภาฯล่มตนไม่ผิด ยันมีสิทธิ์ยื่นกระทู้ถาม “ปู” ว.5 ชี้ ถ้าเจ้าตัวมาตอบก็ไม่เกิดเรื่อง ระบุ ชาวบ้านสงสัยภารกิจทับซ้อนผลประโยชน์หรือไม่ ซัด “สมศักดิ์” สุดเอียง “ผุสดี” ชี้ เรื่องบริหารไม่เกี่ยวเพศ ด้าน “ประชา” จวกคำถามไร้สมอง “หมวดเจี๊ยบ แวร์ อาร์ ยู” ฉะ “ชวนนท์-เทพไท-ศิริโชค” จัดรายการดูถูกหญิง หาโฟร์ซีซั่นส์เป็นพื้นที่ฟลัดเวย์ สับสุดถ่อย จี้ขอโทษ

วันนี้ (16 ก.พ.) ที่รัฐสภา เมื่อเวลา 14.00 น.น.ส.รังสิมา รอดรัศมี ส.ส.สมุทรสงคราม พรรคประชาธิปัตย์ ได้กล่าวถึงกรณีที่ตนได้ตั้งกระทู้ถามสดถึง น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีในเรื่องภารกิจที่โรงแรมโฟรซีซั่นส์ อันเป็นสาเหตุให้ทางสภาผู้แทนราษฎรต้องปิดการประชุมนั้น ว่า ที่สภาฯต้องล่มนั้นนั้น ไม่ใช่ความผิดของตน เพราะสิทธิที่จะยื่นกระทู้ถาม ถ้าเพียงแต่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ มาตอบปัญหาก็คงไม่เกิดขึ้น ตนเคยเสนอว่าควรให้เป็นแบบต่างประเทศด้วยซ้ำที่ต้องประชุมสภาฯ วันจันทร์ถึงวันศุกร์ นายกรัฐมนตรีควรให้เลขาฯจัดเคลียร์งาน และไม่ควรรับงานภารกิจอื่น เพื่อที่จะได้มาประชุมสภาฯ ตนอยากทราบว่า นายกรัฐมนตรีทำอย่างนี้เพื่อหนีการประชุมหรือไม่ การที่ตนยื่นกระทู้ถามนั้นเป็นข้อสงสัยของประชาชนทั่วประเทศ ที่สงสัยว่า นายกฯไปทำภารกิจลับจริงหรือไม่ และกับใครและเป็นภารกิจอะไร เพราะประชาชนสงสัยว่าจะเป็นภารกิจที่เป็นผลประโยชน์ทับซ้อนกับประเทศชาติ แต่การที่ นายกมอบหมายให้ พลเอก ยุทธศักดิ์ ศศิประภา รองนายกรัฐมนตรี เป็นผู้ตอบแทนนั้น ตนเห็นว่า พลเอก ยุทธศักดิ์ ก็เพิ่งกลับมาจากต่างประเทศแล้วจะเอาอะไรมาตอบตน ถ้าเพียงแต่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ พูดออกมาว่า การที่ไปภารกิจที่โรงแรมโฟรซีซั่นส์เป็นเรื่องส่วนตัว ตนก็จะไม่ถามต่ออีก

“ดิฉันออกมาเรียกร้องให้ นายกฯตอบคำถาม การที่ดิฉันออกมาตั้งกระทู้ถามนั้น ทุกเรื่องไม่ได้มาจากชั้น แต่มาจากฝ่ายรัฐบาลทั้งนั้น กระทั่งเรื่องโรงแรมม่านรูดเองก็มาจากรัฐบาล” นางรังสิมา กล่าว

ผู้สื่อข่าวถามต่อว่า ปัญหาที่เกิดความวุ่นวายในสภาฯ ทางพรรคฝ่ายค้านมองว่าเกิดจากอะไร และจะมีการดำเนินการใดๆ เป็นรูปธรรมหรือไม่ น.ส.รังสิมา กล่าวว่า เกิดจากการทำหน้าที่ของ นายสมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ ประธานสภาผู้แทนราษฎร ที่มีวินิจฉัยไม่เป็นกลาง มีใจเอนเอียง ประเทศชาติจะปรองดองได้ถ้าจากในสภาฯก็ต้องขึ้นอยู่กับประธานสภาฯด้วย การดำเนินการก็คงไม่ได้ยื่นถอดถอน แต่ก็คงแค่ฝากเตือนเรื่องการทำหน้าที่ ไปถึงประธานสภาฯแค่นั้น

“ฝากไปถึงประธานสภาฯ ถ้าเป็นอย่างนี้อีก ดิฉันก็จะโดนดิฉันคนไล่ลงจากบัลลังก์อีกครั้ง”

ด้าน นางผุสดี ตามไท ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า นายกรัฐมนตรีไม่ควรใช้ความเป็นผู้หญิงในเรื่องนี้ เพราะว่าตอนเข้ามาทำงานก็มีการพูดว่าให้โอกาสผู้หญิงในเรื่องของสิทธิความเท่าเทียม เสมอภาค ทีตอนนี้กลับมีคนมาปกป้อง และใช้สิทธิว่าเป็นผู้หญิง ทั้งที่เป็นเรื่องของการบริหารประเทศ ซึ่งเป็นเรื่องปกติที่นายกต้องออกมาชี้แจง ไม่ต้องให้ใครมาปกป้องใคร

เช่นเดียวกับ นางรัชฎาภรณ์ แก้วสนิท ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีนี้ว่า เรื่องนี้ต้องโทษและตำหนิ นายสมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ ประธานสภาผู้แทนราษฎร ที่ไม่เป็นกลางในการปฏิบัติหน้าที่ มีธงอยู่แล้ว โดยพยายามตัดบทว่า เป็นเรื่องส่วนตัว การตัดสินใจผิดของประธานสภาผู้แทนราษฎร ทำให้ไม่สามารถประชุมต่อไปได้ ซึ่งไม่เข้าใจว่า หลังจากพักประชุมเสร็จแล้ว เหตุใดจึงไม่ประชุมต่อ ทำไมต้องสั่งปิดประชุมด้วย

ทางฝั่งพรรคเพื่อไทย นายประชา ประสพดี ส.ส.สมุทรปราการ กล่าวว่า ความวุ่นวายที่เกิดขึ้นจากการตั้งกระทู้ถามของพรรคประชาธิปัตย์นั้น เห็นชัดเจนถึงความไม่สร้างสรรค์ในการทำหน้าที่ฝ่ายค้าน มุ่งถามแต่เรื่องส่วนตัว เรื่องสิทธิมนุษยชน ไม่เกี่ยวกับการบริหารประเทศ เรื่องเศรษฐกิจปากท้อง น่าเสียดายเวลาของรัฐสภา ที่หมดไปกับคำถามที่ไม่มีประโยชน์ ไร้สมอง จ้องสร้างความปั่นป่วนวุ่นวายในสภา ไม่เคยคิดถามเรื่องที่เป็นประโยชน์ต่อประชาชน หรือความเดือดร้อนของชาวบ้าน ครั้งหนึ่ง นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ก็เคยเดินทางไปที่มัลดีฟระหว่างที่ประเทศประสบอุทกภัยอย่างหนัก แล้วทำไมไม่ถามเรื่องนี้กันบ้าง พฤติกรรมของพรรคประชาธิปัตย์นับวันยิ่งแสดงให้เห็นว่าเป็นพวกอันธพาลมากขึ้นเรื่อยๆ จึงอยากให้พรรคประชาธิปัตย์ทบทวนท่าที ทำหน้าที่ฝ่ายค้านอย่างมีสำนึก สมกับที่ประชาชนได้เลือกตั้งเข้ามา

เช่นเดียวกับ ร.ท.หญิง สุณิสา เลิศภควัต รองโฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า รู้สึกสลดใจที่ พรรคประชาธิปัตย์ เล่นการเมืองแบบเสแสร้ง และ มีพฤติกรรม “หน้าอย่าง หลังอย่าง” เนื่องจากเวลาแถลงข่าวต่อหน้าสื่อมวลชน หรือออกโทรทัศน์ ทีมโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ มักจะทำเป็นพูดว่าตนเองเป็นสุภาพบุรุษ และอ้างว่า ไม่เคยกล่าวหานายกรัฐมนตรี ในทางเสียหายหรือในเชิงชู้สาว เกี่ยวกับกรณีเดินทางไปโรงแรมโฟร์ซีซัน แต่ลับหลัง กลับพูดจาสองแง่ สองง่าม ดูถูกความเป็นเพศหญิง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การจัดรายการของ นายชวนนท์ อินทรโกมาลย์สุต โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ นายเทพไท เสนพงศ์ ส.ส.นครศรีธรรมราช และ นายศิริโชค โสภา ส.ส.สงขลา เมื่อวันที่ 15 กพ.55 ทั้ง 3 คน ได้พูดในช่วง นาทีที่ 3 และนาทีที่ 25 ของรายการ ในทำนองว่า “ขณะนี้โรงแรมโฟร์ซีซั่นส์ ได้กลายเป็นพื้นที่รับน้ำ หรือ ฟลัดเวย์ ไปแล้ว” โดยกล่าวย้ำว่า คำพูดดังกล่าวมีความหมายในทำนองเสียหาย และเป็นความหมายที่ไม่ดี อยากทราบว่า ท่านหมายความว่าอย่างไร นอกจากนี้ ผู้ดำเนินรายการทั้ง 3 คน ยังแสดงอาการหัวเราะเยาะเย้ย เหมือนเป็นเรื่องตลกขบขัน ทั้งๆ ที่ ใครฟัง ก็ย่อมต้องเข้าใจว่า ประโยคดังกล่าว มีความหมายดูถูกศักดิ์ศรีความเป็นผู้หญิงของนายกรัฐมนตรี

ร.ท.สุนิสา กล่าวต่อว่า พฤติกรรมดังกล่าว แสดงถึงระดับความถ่อยทราม และระดับความเป็นมนุษย์ในตัวของบุคคลทั้งสาม ซึ่งแทบไม่น่าเชื่อว่า นี่คือ การแสดงออกของบุคคลระดับโฆษกพรรค ซึ่งเปรียบเสมือนตัวแทนของพรรคในการสื่อสารกับสังคมภายนอก พูดง่าย ๆ คือ ต้องพูดแทนคนทั้งพรรค ส่วนผู้ร่วมรายการอีกสองท่าน ท่านหนึ่ง ก็เคยเป็นถึงโฆษกส่วนตัวของ นายอภิสิทธิ์ ส่วนอีกท่าน ใครๆ ก็รู้จักในฐานะ วอลเปเปอร์ เพราะเห็นว่าใกล้ชิดกับ นายอภิสิทธิ์ ราวกับเงาตามตัว แต่บุคคลทั้งสามกลับไม่ให้เกียรติความเป็นโฆษกของตัวเอง โดยการพูดจา2 แง่ 2 ง่าม เพื่อให้คนเข้าใจนายกรัฐมนตรีไปในทางที่ไม่ดี อยากทราบว่า พวกท่านรู้ได้อย่างไรว่า นายกรัฐมนตรีเดินทางไปทำอะไรที่โรงแรมโฟร์ซีซั่นส์ ทั้งนี้ การทำหรือพูดอะไร เพียงเพราะสนุกปาก หรือตอบสนองราคะในใจ เพียงเพื่อเหยียบย่ำทำลายนายกรัฐมนตรี ที่เป็นเพศเดียวกับแม่ของคุณ เป็นสิ่งที่ไม่ถูกต้อง และไม่สมควรทำ เนื่องจาก ประเทศไทยได้รับการยกย่องจากองค์การสหประชาชาติ ที่ได้ร่วมลงชื่อสนับสนุนการยุติความรุนแรงกับผู้หญิงมากที่สุดในโลก คือ 3 ล้านกว่ารายชื่อ เมื่อเดือนพฤศจิกายน 2551 ในขณะที่ประเทศอื่นในอาเซียน ร่วมลงชื่อเพียง 2 แสนราย จนทำให้ประเทศไทยและองค์การยูนิเฟม แห่งสหประชาชาติ กลายเป็นหุ้นส่วนระยะยาวในการสนับสนุนการยุติความรุนแรงต่อผู้หญิง การกระทำของทีมโฆษกพรรคประชาชาธิปัตย์ครั้งนี้ เท่ากับทำลายความตั้งใจที่ดีของคนไทยกว่า 3 ล้านคน ที่สนับสนุนโครงการดังกล่าว ทั้งนี้ ความรุนแรงต่อผู้หญิง ไม่ได้หมายถึง การทำร้ายร่างกายเท่านั้น แต่รวมถึงการทำร้ายทางวาจา และจิตใจ ด้วยเช่นกัน

ร.ท.สุนิสา กล่าวว่า ขอเรียนด้วยความเคารพ ว่า แม้ทั้ง 3 ท่านจะไม่เคารพศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ของเพศหญิง ก็ไม่จำเป็นต้องประจานตัวเองออกอากาศ ทางบลูสกายชาแนล ซึ่งมีคนกล่าวว่า เป็นกระบอกเสียงของพรรคประชาธิปัตย์ และขอเรียกร้องให้ฝ่ายกฏหมายของพรรคประชาธิปัตย์ ช่วยพิจารณาว่าบุคคลทั้งสาม เข้าข่ายต้องส่งไปรับการบำบัด ตาม พ.ร.บ.คุ้มครองผู้ถูกกระทำความรุนแรงฯ ด้วยหรือไม่ เนื่องจาก พ.ร.บ.ดังกล่าว มุ่งฟื้นฟูผู้กระทำรุนแรงหรือมีทัศนคติไม่ดีต่อสตรีด้วย ทราบข่าวว่า ที่ รพ.รามาธิบดี ได้เปิดโรงซ่อมสามีที่กระทำความรุนแรง แต่ไม่แน่ใจว่า รับบำบัดจิตใจหรือค่านิยมที่ไม่ถูกต้องต่อเพศหญิงด้วยหรือไม่ ประเด็นนี้ ไม่ใช่เรื่องเล่นๆ เนื่องจากการกระทำรุนแรงต่อผู้หญิงเป็นสิ่งที่สังคมไม่ควรยอมรับ หากปล่อยไว้จะเป็นตัวอย่างไม่ดีแก่เยาวชน และถือเป็นปัญหาส่วนร่วม ไม่ใช่เรื่องส่วนตัว

“ถ้ายังเหลือความเป็นสุภาพบุรุษอยู่บ้าง ขอให้บุคคลทั้งสามขอโทษนายกรัฐมนตรี ว่า ไม่มีเจตนาเช่นนั้น แต่หากท่านคิดว่า ตัวเองทำถูกต้องแล้ว ก็ขอเรียกร้องให้ นายอภิสิทธิ์ ซึ่งใกล้ชิดกับทั้ง 3 ท่าน เป็นผู้ตักเตือนและดึงลูกพรรคของท่านออกจากหลุมดำแห่งความวิตถาร โสโครก โดยด่วน ไม่เช่นนั้น สังคมอาจเข้าใจว่า ผู้ใหญ่ในพรรคประชาธิปัตย์ สั่งการให้ทั้ง 3 ท่าน ออกมาทำเช่นนี้ ซึ่งหากเป็นอย่างนั้นจริง ก็ขออนุญาติ ส่งผ้าถุง กับตะกร้อครอบปาก หลายๆ อัน หลายๆ ขนาด เอาไปให้พวกท่านเลือกใช้เอาเอง ตามใจชอบ” ร.ท.สุนิสา กล่าว


กำลังโหลดความคิดเห็น