xs
xsm
sm
md
lg

“เทพไท” จี้ “ปู” สั่งลูกพรรคหยุดเคลื่อนไหว หากจริงใจไม่คิดแก้ ม.112

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

เทพไท เสนพงศ์
อดีตโฆษกมาร์คเรียกร้องนายกฯ ปรับ “นลินี” พ้น ครม. แนะให้ไปเคลียร์ตัวเองก่อน หวั่นทุรังทำมะกันออกมาตรการตอบโต้พาประเทศเสียหาย เตรียมจี้กระทู้ถามในสภา ดักคอ “ปู” อย่าชิ่งหนีโยนม้าใช้ตอบอีก แนะ “ยิ่งลักษณ์” สั่งลูกพรรคห้ามเคลื่อนไหวหากจริงใจไม่แก้ ม.112 ระบุหวั่นรัฐบาลแหย่ขาบีบให้ปฏิวัติเพื่อเปลี่ยนแปลงการเมือง

วันนี้ (22 ม.ค.) นายเทพไท เสนพงศ์ ส.ส.นครศรีธีรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ แถลงข่าวเรียกร้องให้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ปรับนางนลินี ทวีสิน ออกจากตำแหน่ง รมต.ประจำสำนักนายกฯ เพื่อให้ไปแก้ข้อกล่าวหาให้จบสิ้นก่อน โดยเว้นตำแหน่งดังกล่าวไว้ และหากนางนลินีสามารถชี้แจงข้อกล่าวหาได้ และเห็นว่ายังมีความจำเป็นก็สามารถตั้งเข้ามาใหม่ และไม่กระทบต่อคณะรัฐมนตรี เพราะตำแหน่งดังกล่าวมีถึง 2 คนแล้ว และหากขาดไป 1 คนก็ไม่น่ามีปัญหายังสามารถทำงานได้ ตนเห็นว่ามี 3 คนก็ดูว่ามากเกินกว่างานที่จะทำ จึงอยากให้นายกฯรักษาหน้าตาของประเทศมากกกว่าหน้าตา ครม.

ส่วนที่มีบางฝ่ายออกมาเรียกร้องว่ารัฐบาลไทยไม่ควรเอาใจสหรัฐฯ นั้น ถึงแม้จะไม่เอาใจสหรัฐฯ แต่ต้องยอมรับว่าทั่วโลกให้การยอมรับว่าสหรัฐฯ มีบทบาทอย่างยิ่ง โดยเฉพาะกับประเทศไทย ดูได้จากคำเตือนการก่อการร้ายในไทยที่สหรัฐฯ ออกมากล่าวเตือนเป็นประเทศแรก จากนั้นหลายประเทศต่างก็ประกาศเตือนออกมาเป็นระลอก และหลังจากที่มีการนำรายชื่อขึ้นทูลเกล้าฯ ปรากฏว่าทางสหรัฐฯ ได้ออกแถลงยืนยันการขึ้นบัญชีดำนางนลินีทันที แสดงว่าสหรัฐฯ เอาจริงกับเรื่องนี้ ดังนั้น ถ้ารัฐบาลยังดึงดันก็เกรงว่าสหรัฐฯ จะออกมาตรการตอบโต้และประเทศอื่นๆ จะติดตามมาอีก จะสร้างความเสียหายให้ประเทศไทยอย่างมาก

“ผมเชื่อว่าการปรับ ครม.ครั้งนี้ น.ส.ยิ่งลักษณ์คงไม่มีความสามารถที่จะปรับ ครม.ด้วยตัวเองได้ แม้แต่วาดรูปปูก็ยังวาดไม่ครบขา การปรับ ครม.ครั้งนี้มีความพยายามที่จะปรับใน 3 กลุ่ม คือ กลุ่มกากี่นั้ง กลุ่มเสี่ยวเอ้อ และกลุ่มเฉาฉุ่ย แต่ก็ปรับได้แค่ 2 กลุ่ม โดยกลุ่มที่ยังไม่ได้ถูกปรับคือกลุ่มเฉาฉุ่ย ดังนั้นหากจะปรับนางนลินีออก รวมถึงเอากลุ่มเฉาฉุ่ยออกไปก็จะครบสมบูรณ์ทั้ง 3 กลุ่มเลย”

นายเทพไทยังได้กล่าวถึงสถานการณ์ทางการเมืองหลังการปรับ ครม.โดยเฉพาะการปรับให้ พล.อ.อ.สุกำพล สุวรรณทัต เป็น รมว.กลาโหม แม้จะดูท่าทีจากผู้นำเหล่าทัพที่ออกมาอย่างเป็นมิตรไมตรี แต่เบื้องลึกเชื่อว่ายังไม่ลงรอยกัน และเห็นได้จากท่าทีของ พล.อ.อ.สุกำพลที่พูดถึงการแก้ไข พ.ร.บ.กลาโหมว่า ถ้าพูดกันรู้เรื่องไม่จำเป็นต้องแก้ ตนคิดว่าเป็นการข่มขู่ผู้นำเหล่าทัพ และแทงกั๊กจุดยืนในการแก้ไข พ.ร.บ.กลาโหม โดยเฉพาะ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกฯ ที่ออกมาบอกว่าจะไม่เข้าไปก้าวก่าย แต่ท่าทีของนายประชา ประสพดี ส.ส.สมุทรปราการ ในฐานะรองประธานกรรมาธิการกฎหมายยุติธรรม และสิทธิมนุษยชน ประกาศชัดเจนว่าจะเดินหน้าต่อในเรื่องนี้ ถือเป็นการแบ่งหน้ากันเล่นหรือไม่ ดังนั้นถ้ามีความจริงใจ น.ส.ยิ่งลักษณ์ต้องแสดงภาวะผู้นำออกมาห้ามปรามและปิดปากลูกพรรค เพื่อให้พูดไปในทางเดียวกัน หากจะไม่แก้ ก็ต้องบอกว่าไม่แก้ และจะต้องไม่มีคนของพรรคออกมาเคลื่อนไหวต่อไป อีกทั้งควรถอนเรื่องดังกล่าวออกจากการพิจารณาของคณะกรรมการธิการกฎหมายด้วย

ส่วนกรณีการเคลื่อนไหวของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯที่ขณะนี้อยู่ที่หลวงพระบาง ประเทศลาวนั้น นายเทพไทกล่าวว่า เป็นการเคลื่อนไหวทางการเมืองที่กำลังท้าทายกลุ่มต่อต้าน โดยประเมินว่าขุมกำลังของตนเองและมวลชนที่สนับสนุนระบอบทักษิณกำลังเข้มแข็ง เหนียวแน่น ขณะที่กลุ่มต่อต้านมีกำลังอ่อนล้าไม่เป็นเอกภาพ จึงย่ามใจเคลื่อนไหวในประเทศที่อยู่ใกล้ประเทศไทย และพยายามรุกล้ำเขตแดนไทยตลอดเวลา เพื่อส่งสัญญาณให้มวลชนของตัวเองรับรู้ว่าอีกไม่นานจะได้กลับมาเมืองไทย แต่ถ้าดูสัญญาณจากกลุ่มต่อต้าน พ.ต.ท.ทักษิณ จะเห็นว่า แม้จะอ่อนล้าแต่ถ้า พ.ต.ท.ทักษิณยังเป็นตัวปัญหา การปลุกกระแสต่อต้านก็ไม่ใช่เรื่องยาก โดยดูท่าทีจากการออกมาให้สัมภาษณ์ของประธานมูลนิธิโรงเรียนเตรียมทหารที่เรียกร้องให้กองทัพดำเนินการอย่างใดอย่างหนึ่งต่อกลุ่มที่ต้องให้แก้มาตรา 112 หรือท่าทีของนายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำกลุ่มพันธมิตรฯ ที่ประกาศชัดเจนว่าทางกลุ่มพร้อมที่จะสนับสนุนกองทัพเพื่อยึดอำนาจและปฏิวัติประชาชนโดยประชาชนขึ้นมา ซึ่งสถานการณ์เช่นนี้ไม่เป็นผลดีต่อระบอบประชาธิปไตย จึงอยากเรียกร้องให้ทุกฝ่ายเคารพหลักการประชาธิปไตย โดยเฉพาะอย่างยิ่งฝ่ายที่สร้างเงื่อนไขให้เกิดความขัดแย้งในสังคมก็ต้องละเว้นเงื่อนไขและกลุ่มที่ต่อต้านก็ต้องเคลื่อนไหวในกรอบของกฎหมาย

นายเทพไทยังกล่าวถึงข้อกล่าวหาที่พรรคเพื่อไทยกล่าวหาว่าพรรคประชาธิปัตย์รุมอัดกรณีการตั้งนางนลินีเพื่อหวังล้มรัฐบาลว่า ตนขอเรียนว่ากรณีของนางนลินีคนเดียวไม่ใช่เป้าที่พรรคประชาธิปัตย์จะล้มรัฐบาล แต่ถือเป็นจุดด่างของการเมืองไทยในยุคนี้ เราต้องการเตือนสติและให้เห็นว่าผลประโยชน์ของประเทศชาติอยู่เหนือผลประโยชน์คนคนเดียวและจะเป็นเรื่องหนึ่งที่จะตั้งเป็นกระทู้สดในสภา แต่ น.ส.ยิ่งลักษณ์จะมาตอบด้วยตัวเองหรือไม่

“ถ้า น.ส.ยิ่งลักษณ์ให้สัญญากับประชาชนว่าเป็นผู้จัด ครม.ด้วยตัวเอง ก็ต้องกล้ามาชี้แจงในสภาฯ มาไม่ควรให้ม้าใช้ อย่าง ร.ต.อ.เฉลิม หรือนายณัฐวุฒิ มาตอบแทน ส่วนที่พรรคเพื่อไทยย้ำว่าจะไม่แก้ไขประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 ก็ต้องให้ ส.ส.พรรคเพื่อไทยทุกคนหยุดเคลื่อนไหวในเชิงสนับสนุน ไม่ว่าทางตรงหรือทางอ้อม ไม่ว่าบนดินหรือใต้ดินโดยเฉพาะ ส.ส.ที่แฝงตัวในกลุ่มคนเสื่อแดง และกลุ่มนิติราษฎร์”

เมื่อถามว่าพรรคเพื่อไทยไม่พยายามหยุดการเคลื่อนไหวของกลุ่มนิติราษฎร์ ที่ต้องแก้ไขมาตรา 112 นายเทพไทกล่าวว่า ก็เป็นเรื่องของฝ่ายที่สนับสนุนที่ต้องการให้แก้ โดยเฉพาะกลุ่มของ พ.ต.ท.ทักษิณ เมื่อรู้ว่ามีหลุมหรืออันตรายอยู่ข้างหน้าก็จะเดินเข้าไปชนอีก ก็เป็นเรื่องที่ห้ามไม่ได้ แสดงว่าพยายามสร้างเงื่อนไขให้มีการปฏิวัติ ทั้งที่รู้ว่าเป็นสิ่งละเอียดอ่อนต่อการเปลี่ยนแปลงก็ยังแหย่เข้าไป แสดงว่าต้องการหาเรื่องที่จะให้มีเหตุการณ์แบบนี้ และเชื่อมั่นว่าพลังมวลชนที่สนับสนุนสามารถที่จะต้านปฏิวัติได้ หากมีการปะทะกันขึ้นก็หลีกเหลี่ยงไม่ได้ที่ประเทศจะต้องมีการสูญเสียเกิดขึ้น

เมื่อถามว่าพรรคประชาธิปัตย์เชื่อว่าจะมีการปฏิวัติขึ้นในรัฐบาลนี้หรือไม่ นายเทพไทกล่าวว่าเงื่อนไขทั้งหมดอยู่ที่รัฐบาลฝ่ายเดียวว่าจะเดินเข้าไปในวังวนอุบาทว์นี้หรือไม่ ถ้าอยู่เฉยๆ ไม่ไปแตะต้อง 3 เรือง คือ รัฐธรรมนูญ, ประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 และ พ.ร.บ. กลาโหม ทุกอย่างก็เรียบร้อย กระบวนการในระบอบประชาธิปไตยก็จะเดินหน้าไปได้ แม้รัฐบาลจะประกาศว่าไม่เข้าไปเกี่ยวข้องแต่ในทางปฎิบัติ มีการเข้าไปยุ่งเกี่ยว ดังนั้น สังคมต้องจับตามองว่าปากกว่าตาขยิบแบบนี้เขาต้องการอะไร ฝ่ายที่ออกมาประกาศว่าหากมีการก้าวล่วงในเรื่องอะไรบ้างอาจจะทำการปฏิวัติได้ และถ้ามีการก้าวล้ำเข้าไปรัฐบาลก็จ้องรับผิดชอบ

“พรรคประชาธิปัตย์ยืนยันว่า เราไม่เห็นด้วยกับการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองที่นอกกรอบประชาธิปไตย ทุกฝ่ายจึงไม่ควรทำให้เรื่องต่างๆ ไปสู่ทางตัน เพราะการปฏิวัติรัฐประหาร ไม่ใช่ทางออกของประเทศ และไม่ใช่คำตอบของประเทศไทยในขณะนี้” นายเทพไทกล่าว
กำลังโหลดความคิดเห็น