ประธานอนุฯ เยียวยา เผย ที่ประชุมแบ่งจ่าย 4 กลุ่ม พบผู้ประกอบการโดนเผา,แดงติดคุก ยังต้องสอบนำเกณฑ์ร่วมประเมินอีกนาน แต่ฐานข้อมูลเจ็บ,ตาย เริ่มนิ่งแล้ว คาดจ่ายตามมติครม. จ่อนัดถกส่งปคอป.ต่อสัปดาห์หน้า
วันนี้ (14 ก.พ.) ที่ทำเนียบรัฐบาล เมื่อเวลา 11.30 น. นายธงทอง จันทรางศุ ปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานคณะอนุกรรมการด้านการเยียวยาทางแพ่งและการฟื้นฟูด้วยวิธีการอื่น แถลงผลการประชุมว่า วันนี้ได้มีการหารือ ว่าควรมีการจำแนกผู้ได้รับผลกระทบออกเป็น 4 กลุ่ม โดยมี 2 กลุ่มที่ต้องทำงานต่อไปในเชิงลึก และเก็บรายละเอียดต่างๆมาวิเคราะห์ ตรวจสอบ อีกมาก ซึ่งได้แก่ กรณี ที่ 1. ผู้ประกอบการ ทั้งรายย่อย และรายใหญ่ การได้รับผลกระทบในการทำมาหากินในแต่ละท่าน แต่ละกลุ่ม อาจมีความซับซ้อน รายละเอียดที่แตกต่างกัน ซึ่งต้องใช้เวลาอีกสักพัก
นายธงทอง กล่าวว่า ส่วนกรณีที่ 2.คือผู้ที่มีผลกระทบในเชิงเสรีภาพ จับกุม ขัง หรือถูกดำเนินคดี โดยหลักแล้วต้องมีการดำเนินการทางคดีเกี่ยวข้องอยู่ ซึ่งในส่วนนี้ต้องดูแลด้วยความรอบคอบว่า ผลทางคดีเป็นอย่างไร พฤติกรรมตัวผู้ได้รับผลกระทบมีความเกี่ยวขัองในเชิงคดีมากน้อยเพียงไร การฟ้องร้อง มีความถูกต้อง หนักแน่นมั่นคงในทางพยานหลักฐานแค่ไหน ซึ่งในส่วนนี้ยังต้องติดตามรายละเอียดต่อไปเพื่อนำมาประมวลวางหลักเกณฑ์ต่อไป นี้คือ 2 กลุ่มแรกที่งานต้องใช้เวลา
นายธงทอง กล่าวว่า แต่คนอีกสองกลุ่ม ที่ต้องพูดถึงในวันนี้คือ โดยเฉพาะเจาะจง คือกลุ่มผู้เสียชีวิต และกลุ่มผู้ได้รับบาดเจ็บ ตั้งแต่บาดเจ็บเล็กน้อยไปจนถึงทุพพลภาพ พิการ ซึ่งน่าจะมีฐานข้อมูลที่นิ่งพอสมควรแล้ว ซึ่งเกณฑ์การจ่ายกรณีการจ่ายชดเชยเยียวยา ซึ่งมีกรอบตัวเลขจาก ปคอป. ที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไปแล้ว โดยอนุกรรมการชุดนี้ไม่ได้เป็นผู้กำหนดตัวเลข
“แต่เรามีรายละเอียดตัวเลขที่ต้องมาดู ในการวางแนวทางไว้ ในการออกประกาศให้ผู้มาใช้สิทธิ์ยื่นคำร้อง มาแจ้งความจำนงค์ได้ เพราะกลัวว่าตกหล่นได้ ที่มีการประมวลรายชื่อเอาไว้ อาจไม่ครบ มีข้อมูลบางส่วน ที่ท่านรู้และประสงค์จะใช้สิทธิ์ ก็มาร้องบอกได้ หลักเกณฑ์แรก คือ ถ้าผู้มาร้องขอใช้สิทธิ์รายใด ไม่มีข้อครอบคลุมสงสัย ไม่มีข้อกังขา ว่ามีคดี เรื่องราวที่ทำความผิด ในส่วนนั้นเราก็สามารถดำเนินการจ่ายเงินชดเชยเยียวยาได้ โดยที่เข้าหลักเกณฑ์ แต่ถ้ารายใด มีที่กังขา ก็ต้องมีการตรวจสอบต่อไปว่าการกระทำ หรือพฤติการณ์แห่งกรณีนั้นมีอะไรเกี่ยวข้องบ้าง ก็ต้องตรวจสอบอย่างรอบคอบต่อไป ถ้ารายใดไม่มีข้อกังขา ก็จ่าย แต่รายใดมีข้อกังขา สงสัยอยู่ ไม่ได้แปลว่าไม่จ่าย หรือจ่าย แต่ขอดูรายละเอียดเป็นรายกรณีไป เป็นเฉพาะราย เพื่อให้เกิดความสบายใจสำหรับผู้ที่เกี่ยวข้อง “ นายธงทอง กล่าว
นายธงทอง กล่าวต่อว่า ส่วนกรณีที่ว่าจะจ่ายใคร และจ่ายอย่างไร ต้องมีการเทียบเคียงกฎหมายหลายฉบับด้วยกัน เราพูดกันว่า เงินเยียวยาจำนวนนี้ไม่ใช่เงินมรดก จึงไม่ได้เปิดประมวลกฎหมายแพ่งพาณิชย์ดูว่า ใครเป็นทายาท แต่ดูสาระสำคัญว่า ความตาย บาดเจ็บ ที่เกิดขึ้นนั้น มีผลกระทบ ต่อใครบ้าง คนที่อยู่ในอุปการะเลี้ยงดู ฐานะใกล้ชิดดูแลซึ่งกันและกันอยู่ บางคนอาจมีฐานะเป็นญาติกัน ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ แต่ไม่เจอกันมา 5 - 10 ปีแล้ว ต่างคนต่างอยู่ พี่น้องไม่ได้ติดต่อไปมาหาสู่กัน การเยียวยาไม่ได้มีความมุ่งหมายที่จะดูแลเยียวยาในฐานะมรดก อย่างกฎหมายแพ่งพาณิชย์เช่นว่านั้น ตรงกันข้ามบางคนไม่มีฐานะเป็นญาติสืบสายโลหิตเลย แต่อยู่ในความอุปการะเลี้ยงดู หรือเป็นคนเลี้ยงดูผู้ตาย คนเจ็บมา โดยฐานะความสัมพันธ์พิเศษมาก็แล้วแต่ ในสังคมไทย เราอาจจะต้องดูแลผู้ได้รับผลกระทบเช่นว่านั้น ในฐานะที่เป็นผู้ได้รับผลกระทบจริงๆ โดยแท้จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในบ้านเรา
นายธงทอง กล่าวต่อว่า ประการที่สามต้องสร้างความชัดเจนในถ้อยคำที่ปรากฎในมติ ครม. ซึ่งเป็นไปตามข้อเสนอ คปอป. ที่ต้องนิยามให้ชัดเจนว่า อะไรคือ ทุพพลภาพ ต้องไปเทียบเคียงดูในกฎหมายประกันสังคมและกฎหมายที่เกี่ยวข้องดูว่า เขานิยามว่าอะไร และเราเอาสิ่งนั้นมาเป็นเกณฑ์ คำว่า บาดเจ็บสาหัส ไม่มีปัญหา แต่มีบาดเจ็บเล็กน้อย กับบาดเจ็บไม่สาหัส จะแบ่งพรหมแดนกันอย่างไร ซึ่งเราต้องไปตรวจสอบดูว่า การปฎิบัติของส่วนราชการที่ยึดถือกันมาจะใช้ได้หรือไม่ ทั้งนี้ในวันจันทร์หน้าจะมีการประชุมอีกครั้งหนึ่งของอนุกรรมการชุดนี้ เพื่อสรุปในประเด็นผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บ ทุพลภาพ และส่งรายงานการประชุมต่อ คปอป. ส่วนกรณีผู้ประกอบการ และผู้มีสถานะทางคดี ผู้สูญเสียอิสรภาพ อาจต้องรออีกหลายอย่าง สุดท้ายแล้วศาลตัดสินว่าอย่างไร ก็มีความหมายสัมพันธ์เหมือนกัน
ผู้สื่อข่าวถามว่า ในส่วนผู้ที่ไม่มีข้อกังขาจะเปิดให้รับเงินเยียวยาได้เมื่อไหร่ นายธงทอง กล่าวว่า ตนคงตอบเป็นวันที่ไม่ได้ แต่คณะอนุกรรมการน่าจะทำงานเรื่องนี้เสร็จในวันจันทร์ที่ 20 ก.พ.นี้ และจะส่งรายงานไปให้ปคอป. โดยปคอป.จะมีการนัดประชุมหรือเดินหน้าอย่างไรคงต้องรอฟังความเห็นของ ปคอป.
เมื่อถามว่า ในวันจันทร์ที่ 20 ก.พ.จะได้ข้อสรุปเรื่องใดบ้าง นายธงทอง กล่าวว่า เฉพาะ 2 ส่วนที่เกี่ยวกับกรณีผู้เสียชีวิตและผู้ที่ได้รับบาดเจ็บทุพพลภาพโดยเป็นข้อสรุปของอนุกรรมการ ซึ่งเมื่อทำงานเสร็จจะส่งให้กับปคอป. เมื่อถามต่อว่า ขณะนี้มียอดสรุปจาก 2,000 ราย เพิ่มเป็นเท่าไหร่ นายธงทอง กล่าวว่า ในที่ประชุมวันนี้ไม่ได้ทบทวนเรื่องของตัวเลข ซึ่งตัวเลขคงอยู่ที่ประมาณเดิม ยังไม่มีข้อมูลอะไรที่ผิดแปลกไปกว่าเดิม และตัวเลขผู้เสียชีวิตประมาณ 90 รายบวกลบประมานนี้ ส่วนผู้บาดเจ็บประมาณ 2,000 รายบวกลบ แต่จะมีดีกรีความแตกต่างกันไป
“ขณะนี้ตัวสำคัญที่เราทำงานคือเรื่องหลักเกณฑ์เพื่อให้เกิดความแม่นยำถูกต้อง และอิงกับกฎหมายหรือระเบียบที่เกี่ยวข้อง ว่าคำว่าทุพลภาพเราก็ไม่อยากสร้างคำว่าทุพลภาพขึ้นมาเอง ถ้ามีอิงได้ว่าตามระเบียบกฎหมายนี้ใช้คำนี้มาก็น่าจะเป็นหลักที่โยงยึดกันได้” นายธงทอง กล่าว
เมื่อถามว่า กรณีผู้ประกอบการจะได้ข้อสรุปเมื่อไหร่ นายธงทอง กล่าวว่า ยังไม่ทราบ เมื่อถามว่า เรื่องข้อกังขาเช่นกรณีอะไรบ้าง นายธงทอง กล่าวว่า ตัวอย่างที่เห็นได้ชัด เช่น มีคดีอยู่หรือไม่ ก็ต้องไปว่ากัน เมื่อถามว่า ได้คุยถึงรูปแบบการจ่ายเงินเยียวยาหรือยัง นายธงทอง กล่าวว่า ยังไม่มีการพูดคุยกัน
เมื่อถามว่า กรณีของผู้ที่มีคดีติดตัวต้องรอให้คดีจบลงก่อนหรือไม่ นายธงทอง กล่าวว่า ยังไม่พูดกันถึงขนาดนั้น แต่จะดูรายละเอียด ว่าความเป็นไปในรูปคดีรูปเรื่องเป็นอย่างไร พยานหลักฐานมีเพียงใดแค่ไหน การดำเนินคดีมีความคืบหน้าถึงไหนแล้ว ทั้งนี้ ในกรณีที่ไม่มีข้อกังขาก็คงจะจ่ายได้ทันทีหรือจ่ายได้ในโอกาสแรกที่ทำได้ แต่ถ้ามีข้อกังขาหรือข้อกังวลสงสัยอยู่ คงต้องมีคณะทำงานชุดย่อยลงไปในรายละเอียดแต่ละเรื่อง เพราะแต่ละเรื่องพูดไม่เหมือนกัน จะตอบว่าจ่ายหรือไม่จ่ายก็คงไม่ได้ในทางหนึ่งทางใด เพราะไม่ได้แปลว่าจะจ่ายหรือไม่จ่าย จึงต้องพูดถึงข้อเท็จจริงเป็นรายเรื่องไป
เมื่อถามว่า ลักษณะเกณฑ์การจ่ายเงิน ต้องดูที่รายชื่อหรือให้ประชาชนสามารถเดินเข้ามาแจ้งได้เลย แล้วมาพิสูจน์ว่าใครเป็นผู้เสียหายจากการชุมนุม นายธงทอง กล่าวว่า เราคงประกาศเป็นการแจ้งต่อสาธารณะว่าท่านใดประสงค์จะใช้สิทธิ์ ก็กรุณามาติดต่อกับหน่วยราชการที่เกี่ยวข้อง โดยหลักก็มีสำนักงานและหน่วยงานที่กระจายอยู่ทั่วทั้งประเทศ คือกระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ แต่จะเป็นกรมใดหน่วยใดในกระทรวงก็จะมีการพูดให้ชัดเจนอีกทีหนึ่ง และต้องนำหลักฐานเอกสารใดมาประกอบเรื่องราวบ้าง ก็จะมีการพูดในการออกประกาศชี้แจงในส่วนนั้น แต่เราเกรงว่าถ้าเราเป็นฝ่ายที่ไปติดต่อเองกับส่วนราชการ หากหลุดไป ขาดไป เกินไป ก็จะไม่ตรงกับข้อเท็จจริง จึงข้อให้ผู้ที่อยู่ในฐานะที่ได้รับผลกระทบ และเป็นผู้ได้รับสิทธิ์มาติดต่อกับทางราชการก็จะแม่นยำตรงกว่า
เมื่อถามว่า จะเข้าไปดูในส่วนของผู้ที่ได้รับผลกระทบจริงๆ แต่อาจตกหล่นในเรื่องการรับข่าวสารหรือไม่ นายธงทอง กล่าวว่า ตนคิดว่าสื่อมวลชนทั้งหลายคงช่วยตนได้ ส่วนกรณีผู้ที่เคยได้รับเงินเยียวยาชดเชยมาแล้วจากระบบราชการในหน่วยงานใด ตามระบบต่างๆก็จะนำจำนวนนั้นมาหักในการจ่ายเงินในครั้งนี้
เมื่อถามว่า กรณีนี้ครอบคลุมถึงชาวต่างประเทศด้วยหรือไม่ นายธงทอง กล่าวว่า มติครม.ไม่ได้มีการจำแนก ซึ่งก็รวมด้วย และก็มีการรวมทั้งเจ้าหน้าที่ของรัฐด้วย เมื่อถามว่า กรณีที่ภรรยาเป็นชาวลาวและสามีคนไทยเสียชีวิตจะได้รับในส่วนนี้หรือไม่ นายธงทอง กล่าวว่า กรรมการยังไม่ได้พูดถึงรายกรณี แต่พูดถึงการสร้างหลักเกณฑ์ ต้องขอบคุณที่มีการพูดถึงรายกรณีและในวันจันทร์นี้จะมีการพูดในรายละเอียดที่ซับซ้อนเหล่านี้กับกรรมการให้ชัดเจน
เมื่อถามว่า หากมีการพิจารณาเป็นรายกรณี จะทำให้ผู้ที่ได้รับเงินเยียวยาได้รับเงินช้าหรือไม่ นายธงทอง กล่าวว่า ตนคิดว่าคนส่วนมากไม่อยู่ในข้อกังขา ก็น่าจะจ่ายได้หรือการพิจารณารายกรณีก็ไม่น่าจะเริ่มช้า เมื่อถามต่อว่า หลักเกณฑ์ต่างๆต้องออกเป็นระเบียบปคอป.เพิ่มเติมหรือไม่ นายธงทอง กล่าวว่า สิ่งที่อนุกรรมการคิดคงเสนอต่อปคอป. ส่วนปคอป.จะดำเนินการโดยวิธีการที่เป็นมติหรือยกร่างเป็นระเบียบอย่างไรก็แล้วแต่ความเห็นของปคอป. อย่างไรก็ตามการเยียวยาหลายๆเหตุการณ์ที่ผ่านมาทำด้วยมติของครม.ซึ่งเรื่องนี้ก็มีมติของครม.แล้วในชั้นแรก ตรงนี้จะเป็นการทำงานในรายละเอียดภาคการปฎิบัติแล้วแต่ปคอป.จะสั่งการเป็นอย่างไร