อธิบดีกรมชลประทาน เผย กยน.สั่งดูน้ำในเขื่อนกำหนดระดับความสูงเหลือแค่ 45% หวังรองรับน้ำช่วงมรสุม เชื่อ ไม่กระทบภาคเกษตรกรรม พร้อมดูเส้นทางน้ำไหล รับนายกฯ สั่งลอกคูคลองระบายน้ำให้มีประสิทธิภาพ ด้าน ส.ว.เพชรบุรี ถาม “กิตติรัตน์” ศึกษาสร้างแก่งเสือเต้นดีแล้วหรือไม่ สับดูถูกเอ็นจีโอยันช่วยชาวบ้านตลอด สวนรัฐดีแต่จ่ายตังค์
วันนี้ (13 ก.พ.) ที่ จ.อุตรดิตถ์ นายชลิต ดำรงศักดิ์ อธิบดีกรมชลประทาน ให้สัมภาษณ์ถึงการบริหารจัดการแก้ไขปัญหาน้ำในปีนี้ ว่า ทางกรมชลประทานได้รับมอบหมายงานจากคณะกรรมการยุทธศาสตร์เพื่อวางระบบบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ หรือ กยน.ให้เข้ามาดูเรื่องการบริหารจัดการน้ำในเขื่อน โดยแต่ละหน่วยงานจะรวบรวมข้อมูลและนำเสนอกลับเข้า กยน.ซึ่งการบริหารจัดการน้ำในเขื่อนครั้งนี้ ถือว่าเป็นการกำหนดระดับความสูงของน้ำในเขื่อนต่ำกว่าที่เคยตั้งไว้เดิมจาก 60 เหลือ 45 เพื่อให้เขื่อนมีพื้นที่มากขึ้นพร้อมรองรับน้ำ ทั้งนี้ ขึ้นอยู่กับช่วงฤดูกาลด้วย
นายชลิต กล่าวว่า อย่างไรก็ตาม การปรับระดับน้ำในเขื่อน จะไม่ส่งผลกระทบกับภาคการเกษตร เพราะน้ำที่ระบายออกมาส่วนหนึ่ง เราคำนึงถึงการนำไปใช้ด้านการเกษตร พร้อมกันนี้ เราได้ดูเส้นทางการไหลของน้ำทั้งหมดที่มีอยู่ โดย น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ให้ความสำคัญกับการขุดลอก คู คลอง เพื่อให้การระบายน้ำมีประสิทธิภาพ และทำให้น้ำไหลไปสู่ปลายน้ำได้อย่างสะดวก ซึ่งในส่วนของประตูระบายน้ำจุฬาลงกรณ์ ก็ได้มีการติดตั้งเครื่องสูบน้ำเพิ่มแล้ว
ขณะที่รัฐสภา น.ส.สุมล สุตะวิริยะวัฒน์ ส.ว.เพชบุรี กล่าวว่า จากการติดตามข่าวจากสื่อมวลชนได้รับทราบคำพูดของ นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ที่ประกาศจะสร้างเขื่อนแก่งเสือเต้นให้ได้ ส่วนตัวไม่อยากขัด หรือคัดค้าน แต่เมื่อฟัง นายกฤช อาทิตย์แก้ว ส.ว.กำแพงเพชร ซึ่งอยู่ในพื้นที่ ให้ข้อมูลระบุว่า การสร้างเขื่อนเป็นการลงทุนที่ไม่คุ้มกับการลงทุนมหาศาล เพราะจะแก้ปัญหาน้ำท่วมไม่ได้ ตนจึงอยากถาม นายกิตติรัตน์ ว่า ได้ศึกษาข้อดีข้อเสียของโครงแล้วดีแล้วหรือยัง หากยังก็อย่าเพิ่งไปประกาศเช่นนั้น นอกจากนี้ ยังมีการกล่าวดูถูกองค์กรพัฒนาเอกชน (เอ็นจีโอ) ว่า ในช่วงที่น้ำท่วมไม่ไปช่วยประชาชน พอจะสร้างเขื่อนก็ออกมาต่อต้าน ตนเห็นว่าไม่ควรกล่าวเช่นนั้นเพราะเท่าที่เห็นในช่วงน้ำท่วมตนยังเห็นเอ็นจีโอออกมาช่วยประชาชน การช่วยเหลือของรัฐบาลตนเห็นแต่มีการจ่ายเงินช่วยไม่เห็นออกมาช่วยประชาชน ฝากไปถึงรองนายกรัฐมนตรีว่าก่อนจะกล่าวว่าใครควรมีข้อมูลหรือทำการศึกษาก่อนที่จะกล่าวว่าการสร้างเขื่อนแก้ไขปัญหาได้จริงหรือไม่
วันนี้ (13 ก.พ.) ที่ จ.อุตรดิตถ์ นายชลิต ดำรงศักดิ์ อธิบดีกรมชลประทาน ให้สัมภาษณ์ถึงการบริหารจัดการแก้ไขปัญหาน้ำในปีนี้ ว่า ทางกรมชลประทานได้รับมอบหมายงานจากคณะกรรมการยุทธศาสตร์เพื่อวางระบบบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ หรือ กยน.ให้เข้ามาดูเรื่องการบริหารจัดการน้ำในเขื่อน โดยแต่ละหน่วยงานจะรวบรวมข้อมูลและนำเสนอกลับเข้า กยน.ซึ่งการบริหารจัดการน้ำในเขื่อนครั้งนี้ ถือว่าเป็นการกำหนดระดับความสูงของน้ำในเขื่อนต่ำกว่าที่เคยตั้งไว้เดิมจาก 60 เหลือ 45 เพื่อให้เขื่อนมีพื้นที่มากขึ้นพร้อมรองรับน้ำ ทั้งนี้ ขึ้นอยู่กับช่วงฤดูกาลด้วย
นายชลิต กล่าวว่า อย่างไรก็ตาม การปรับระดับน้ำในเขื่อน จะไม่ส่งผลกระทบกับภาคการเกษตร เพราะน้ำที่ระบายออกมาส่วนหนึ่ง เราคำนึงถึงการนำไปใช้ด้านการเกษตร พร้อมกันนี้ เราได้ดูเส้นทางการไหลของน้ำทั้งหมดที่มีอยู่ โดย น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ให้ความสำคัญกับการขุดลอก คู คลอง เพื่อให้การระบายน้ำมีประสิทธิภาพ และทำให้น้ำไหลไปสู่ปลายน้ำได้อย่างสะดวก ซึ่งในส่วนของประตูระบายน้ำจุฬาลงกรณ์ ก็ได้มีการติดตั้งเครื่องสูบน้ำเพิ่มแล้ว
ขณะที่รัฐสภา น.ส.สุมล สุตะวิริยะวัฒน์ ส.ว.เพชบุรี กล่าวว่า จากการติดตามข่าวจากสื่อมวลชนได้รับทราบคำพูดของ นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ที่ประกาศจะสร้างเขื่อนแก่งเสือเต้นให้ได้ ส่วนตัวไม่อยากขัด หรือคัดค้าน แต่เมื่อฟัง นายกฤช อาทิตย์แก้ว ส.ว.กำแพงเพชร ซึ่งอยู่ในพื้นที่ ให้ข้อมูลระบุว่า การสร้างเขื่อนเป็นการลงทุนที่ไม่คุ้มกับการลงทุนมหาศาล เพราะจะแก้ปัญหาน้ำท่วมไม่ได้ ตนจึงอยากถาม นายกิตติรัตน์ ว่า ได้ศึกษาข้อดีข้อเสียของโครงแล้วดีแล้วหรือยัง หากยังก็อย่าเพิ่งไปประกาศเช่นนั้น นอกจากนี้ ยังมีการกล่าวดูถูกองค์กรพัฒนาเอกชน (เอ็นจีโอ) ว่า ในช่วงที่น้ำท่วมไม่ไปช่วยประชาชน พอจะสร้างเขื่อนก็ออกมาต่อต้าน ตนเห็นว่าไม่ควรกล่าวเช่นนั้นเพราะเท่าที่เห็นในช่วงน้ำท่วมตนยังเห็นเอ็นจีโอออกมาช่วยประชาชน การช่วยเหลือของรัฐบาลตนเห็นแต่มีการจ่ายเงินช่วยไม่เห็นออกมาช่วยประชาชน ฝากไปถึงรองนายกรัฐมนตรีว่าก่อนจะกล่าวว่าใครควรมีข้อมูลหรือทำการศึกษาก่อนที่จะกล่าวว่าการสร้างเขื่อนแก้ไขปัญหาได้จริงหรือไม่
