xs
xsm
sm
md
lg

สัญญาณอันตราย "น้ำมาก"ปูเอาอยู่

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

จากเหตุการณ์ที่ประจักษ์อยู่ตรงหน้า จากคำพูดที่ยอมรับออกมาจากปากของ นายกรัฐมนตรี ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ด้วยตัวเองที่ระบุว่า ปีนี้ปริมาณน้ำจะมีมากไม่น้อยกว่าปีที่แล้ว นั่นก็หมายความว่าคนไทยหลายจังหวัดตั้งแต่ต้นน้ำยันปลายน้ำจะต้องเดือดร้อนแสนสาหัสกันอีกรอบหรือไม่

นอกเหนือจากนี้จากการเปิดเผยของผู้เชี่ยวชาญน้ำ ไม่ว่าจะเป็น ปราโมทย์ ไม้กลัด สมิทธ ธรรมสโรช ยังออกมาเปิดเผยในทำนองว่าการเตรียมการรับมือกับปัญหาน้ำท่วมในปีนี้ยังไม่มีความพร้อม อีกทั้งการแต่งตั้งคณะกรรมการยุทธศาสตร์เพื่อวางระบบการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ(กยอ.) ก็ยังมีการเปิดเผยออกมาเป็นระยะว่ารัฐบาลไม่ได้ให้ความสำคัญกับการประชุมของคณะกรรมการชุดดังกล่าว ลักษณะจึงออกมาในแบบเสียเวลาเปล่า อีกทั้งกรรมการที่เป็นผู้เชี่ยวชาญบางคนต่างไม่เข้าร่วมประชุม เพราะเห็นว่าไม่มีประโยชน์ดังกล่าว

แม้กระทั่ง ผู้อำนวยการอุทยานสิ่งแวดล้อมนานาชาติสิรินธรอย่าง เสรี ศุภราทิตย์ ก็ยังเคยตั้งคำถามว่าถึงความพร้อมในการรับมือกับปัญหาน้ำท่วมในปีนี้

นี่ยังไม่รวมกับกรณีที่รัฐบาลรีบออกพระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินจำนวน 3.5 แสนล้านบาท โดยอ้างว่านำมาใช้จ่ายในโครงการบริหารจัดการน้ำและกำลังอยู่ระหว่างการพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญ หลังจากถูกฝ่ายค้านและวุฒิสมาชิกยื่นให้ศาลตีความเพราะเห็นว่ารัฐบาลทำผิดกฎหมาย นอกเหนือจากระบุว่ามีการเขียนแต่ตัวเลขงบประมาณเพื่อกู้เงินโดยที่ไม่มีรายละเอียดของโครงการว่านำไปทำอะไรบ้าง

ขณะเดียวกันก่อนหน้านั้นไม่นานสื่อต่างประเทศอย่าง “วอลสตรีทเจอร์นัล” ก็ได้นำเสนอรายงานในลักษณะเดียวกันคือแสดงความไม่มั่นใจว่ามาตรการที่รัฐบาลกำลังดำเนินการอยู่ไม่ว่าจะเป็นการขุดลอง คูคลอง การสร้างพนังกั้นน้ำตลอดสองฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยายาวตลอดแนว 300 กิโลเมตรจะไม่ทันการณ์ที่จะรองรับกับฤดูฝนในอีกสามสี่เดือนข้างหน้านี้

ทั้งหลายทั้งปวงดังกล่าวล้วนออกมาในลักษณะโทนเดียวกันก็คือ ไม่เชื่อว่า “ปูเอาอยู่” เพราะสิ่งที่พิสูจน์ให้เห็นตำตานำร่องไปก่อน ก็คือเหตุการณ์ “น้ำท่วมหน้าแล้ง” ที่อำเภอ เสนาและอำเภอบางบาล จังหวัดพระนครศรีอยุธยา สะท้อนให้เห็นว่าการบริหารจัดการน้ำ ยังขาดการประสานงานระหว่างหน่วยงานของรัฐบาล ผลที่ออกมายัง “ห่วยแตก” เช่นเดิม เพราะกรณีดังกล่าวที่เกิดขึ้น นายกรัฐมนตรี ยิ่งลักษณ์ ก็ยอมรับว่าการประชาสัมพันธ์แจ้งเตือนให้ประชาชนยังทำได้ไม่ดีพอ โดยเฉพาะการแจ้งข่าวยังไม่ไปถึงท้องถิ่น จนทำให้เกิดปัญหาน้ำท่วมในพื้นที่ปลูกข้าว สร้างความเสียหาย ทั้งที่เป็นฤดูแล้ง และเป็นพื้นที่รับน้ำ และสิ่งที่นายกฯทำได้ก็คือโล้งเล้งตำหนิหน่วยงานของรัฐ เพียงเพื่อแสดงให้เห็นถึงความเอาจริงเอาจัง ทั้งที่นี่คือความล้มเหลวที่ประจานตัวเอง ชัดๆ

ที่ผ่านมาเขื่อนภูมิพล และเขื่อนสิริกิตติ์ สองเขื่อนใหญ่ได้เริ่มพร่องน้ำออกมาตามคำสั่งของรัฐบาล หลังจากที่ยังมีปริมาณน้ำในเขื่อนอยู่ในระดับที่สูงคือราว 80 เปอร์เซ็นต์ของความจุเขื่อน แต่การปล่อยน้ำลงมาที่ไม่มีการประสานงานแจ้งเตือนประชาสัมพันธ์กันดีพอดังกล่าวทำให้เกิดความเดือดร้อนดังกล่าว

อย่างไรก็ดีอีกด้านหนึ่งมันก็สะท้อนให้เห็นถึงความไร้ประสิทธิภาพ เพราะนี่ขนาดยังเป็นหน้าแล้ง ไม่ใช่หน้าฝนที่ต้องมีปริมาณน้ำไหลบ่าต่อเนื่องเข้ามาสมทบเป็นจำนวนมาก ยังขาดการประสานงาน การขาดบริหารจัดการที่ดี ทุกอย่างยังเป็นเหมือนเดิม มันก็ช่วยไม่ได้ที่ทำให้ไม่มีใครมั่นใจว่า “นายกฯเอาอยู่” อย่างที่คุยเอาไว้

สิ่งที่รัฐบาล และนายกรัฐมนตรียิ่งลักษณ์ ทำอยู่ในตอนนี้ก็คือการสร้างภาพลวงตา ไม่ต่างจากการโฆษณาชวนเชื่อไปวันๆ ล่าสุดก็มีการวางโปรแกรมลงพื้นที่ในลักษณะประชุมคณะรัฐมนตรีสัญจร ในต่างจังหวัดรวมทั้งพื้นที่ที่เคยประสบภัยน้ำท่วมเมื่อปีก่อน แม้มองในแง่ดีก็คือเป็นการลงไปติดตามแก้ปัญหาถึงที่ แต่คำถามก็คือที่ผ่านมาหลังเกิดเหตุรัฐบาลได้มีการเยียวยาพี่น้องได้ทั่วถึงแล้วหรือยัง อีกทั้งในปีนี้ได้มีรายละเอียดโครงการรับมืออย่างรัดกุมเพียงพอแล้วหรือยัง

เพราะข่าวที่ออกมาล้วนออกมาในทางตรงกันข้ามทั้งสิ้น โดยเฉพาะข้อมูลที่ออกมาจากปากของผู้เชี่ยวชาญเรื่องน้ำ ทั้งที่อยู่ร่วมในคณะกรรมการบริหารจัดการน้ำที่รัฐบาลแต่งตั้งขึ้นดังกล่าวที่ระบุตรงกันว่า ยังไม่เป็นโล้เป็นพาย ไม่มีการวางแผนเตรียมการรับมือกันอย่างจริงจัง นอกจากนี้การแก้ไขปัญหาของรัฐบาลชุดนี้ยังมุ่งไปในเรื่อง “การเมือง” เป็นหลักเสียอีก เพราะอย่างที่รับรู้กันอยู่ก็คือกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ที่กำกับดูแลกรมชลประทานอยู่ในโควตาของพรรคร่วมรัฐบาลอีกพรรค ขณะที่พื้นที่ปลายน้ำอย่างกรุงเทพมหานครก็อยู่ภายใต้การบริหารของอีกพรรคหนึ่ง ทำให้เกิดภาพการปัดแข้งปัดขา ไม่ร่วมมือกัน มีให้เห็นตลอด

สิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นอุปสรรคสำคัญที่จะทำให้เตรียมการรับมือกับปัญหาน้ำท่วมในปีนี้ล้มเหลวเหมือนเดิม เพราะแม้แต่นายกรัฐมนตรี ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ก็ยังระบุยอมรับเองว่าน้ำจะมามากในปริมาณไม่ต่างจากปีที่แล้ว แต่ขณะเดียวกันเมื่อพิจารณาจากผลการทำงานของหน่วยงานที่รับผิดชอบโดยตรงทำให้น่ากังวล ประกอบกับตัวผู้นำที่พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าพึ่งพาไม่ได้ทั้งในยามวิกฤติหรือยามปกติ เพราะทุกอย่างที่เห็นในวันนี้ล้วนแล้วแต่เป็นการ “จัดฉาก” เป็นการโฆษณาชวนเชื่อเพื่อสร้างภาพลักษณ์ทางการเมืองเท่านั้น ในความเป็นจริงกลับ “กลวงโบ๋” ไม่มีอะไรเป็นชิ้นเป็นอัน
กำลังโหลดความคิดเห็น