xs
xsm
sm
md
lg

พท.อ้างแก้ รธน.ไม่มีวาระแฝง โวย “เอกยุทธ” ดูหมิ่นสตรีไม่เจริญ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

จิรายุ ห่วงทรัพย์ (แฟ้มภาพ)
พท.ย้ำคำเดิม แก้ รธน.ไม่มีวาระแอบแฝง อ้างกลุ่มคนหน้าเดิมยังจ้องล้มรัฐบาล โว โพลเพื่อไทย ระบุ ประชาชนพอใจผลงานรัฐบาล 4 ด้าน เผย คนกรุงเทพฯ ส่งข้อมูลทุจริตของ กทม.เข้ามาอื้อ เฉ่ง “เอกยุทธ” ชอบดูหมิ่นสตรี เตือนไม่เจริญ

นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ รองโฆษกพรรคเพื่อไทย แถลงถึงการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ว่า การแก้รัฐธรรมนูญครั้งนี้ จะทำไปพร้อมๆ กับการขับเคลื่อนประเทศไทยและการแก้ปัญหาเศรษฐกิจ สังคม และอุทกภัย อย่างเป็นระบบ ซึ่งเชื่อว่าใน 4 ปีนี้ประเทศไทยจะน่าอยู่ขึ้นมา เราประกาศชัดเจนว่าไม่มีวาระแอบแฝง ไม่มีแก้ไข ประมวลกฎหมายอาญา ม.112 และการแก้รัฐธรรมนูญก็ทำอย่างโปร่งใส ต่างจากตอนรัฐบาล นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ที่แก้ ม.93-98 เรื่องการแบ่งเขตเลือกตั้ง อยากถามว่า ตอนนั้นให้ประชาชนแก้หรือไม่ และประชาชนได้ประโยชน์อะไรจากการแก้รัฐธรรมนูญเพียงแค่นั้น หรือเป็นเพราะจะเป็นประโยชน์ต่อพรรคการเมืองที่เตรียมตัวเลือกตั้ง โดยหวังว่าจะชนะการเลือกตั้งเมื่อ 3 ก.ค.2554 เท่านั้น แต่ครั้งนี้เป็นการแก้ตามครรลองคลองธรรม โดยแก้ ม.291 ก่อนเพื่อเปิดทางให้มีการตั้งสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ (ส.ส.ร.) ขอเรียกร้องให้พรรคฝ่ายค้านเคารพมติของมหาชนบ้าง เรามาแข่งขันกันด้วยนโยบายดีกว่า อย่าแข่งขันกันด้วยน้ำลาย และโคลน เผื่อจะมีโอกาสชนะการเลือกตั้งแบบสวยงามบ้าง

นายจิรายุ ยังกล่าวถึงข่าวที่ว่ายังมีขบวนการล้มรัฐบาล ที่แอบอยู่หลังม่านว่า เท่าที่พูดคุยกันในคณะที่ปรึกษาและฝ่ายความมั่งคงได้เก็บหลักฐานและประกบดูพฤติกรรมของคนเหล่านี้อยู่ ซึ่งเป็นคนกลุ่มคนหน้าเดิมและขอบอกว่าวันนี้ไม่เหมือนวันวานที่ท่านจะทำอะไรตามใจชอบ อำนาจเป็นของปวงชนชาวไทยในรูปแบบเลือกตั้ง หากเกิดการปฏิวัติอีกตนเชื่อว่าประชาชนคงไม่ยอม สิ่งที่เรากังวลคือเขาจะปฏิวัติไม่สำเร็จ เมื่อไม่สำเร็จจะเกิดกลียุค จะมีการต่อสู้กันสองฝ่าย สุดท้ายประเทศบอบช้ำจึงไม่อยากให้มีการปฏิวัติเกิดขึ้นในประเทศไทยแล้ว

นายจิรายุ กล่าวว่า เหตุการณ์ที่ผ่านมาในช่วง 6 เดือนก็ไม่เห็นว่าจะมีการปฏิวัติด้วยเรื่องอะไร ถ้าปฏิวัติต้องอ้างเหตุที่ชัดเจน แต่วันนี้ไม่เหตุผลอะไร ทุกคนจะเริ่มหันหน้าเข้าหากันเพื่อความปรองดองและการพัฒนาประเทศ เมื่อการปรองดองเข้าที่เข้าทาง การทำนโยบายต่างๆของรัฐบาลก็จะขับเคลื่อนได้เร็วขึ้นโดยมองผลประโยชน์ของชาติเป็นที่ตั้ง และขอฝากไปยังพรรคการเมืองบางพรรคว่าประเทศบอบช้ำมามาแล้ว ขอให้หายใจลึกๆและหันมาทำนโยบายดีดีแข่งขันกันซัก 2-3 ปี จะเกิดประโยชน์กับประชาชนและประชาชนมากกว่า

ด้าน ร.ท.หญิง สุณิสา เลิศภควัต รองโฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวเสริมว่า พรรคเพื่อไทยได้ทำการสำรวจความคิดเห็นของประชาชน กลุ่มตัวอย่าง 3,680 คน ในพื้นที่ กทม.จังหวัดภาคเหนือ ภาคกลาง และภาคใต้ ในหัวข้อ “ความพึงพอใจของประชาชนต่อการทำงานของรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี” พบว่าประชาชนพึงพอใจมากที่สุด มี 4 ด้าน คือ 1.ผลงานด้านการปราบปรามยาเสพติดประชาชนทั่วไปพึงพอใจ 2.ความพอใจในผลงานเรื่องความปรองดอง 3.ผลงานด้านความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ และ 4.ผลงานด้านการแก้ปัญหาน้ำท่วม

นายจิรายุ กล่าวเพิ่มเติมว่า พรรคขอขอบคุณข้าราชการ กทม.ที่รักความยุติธรรม ได้ส่งข้อมูลไม่ชอบมาพากลของผู้บริหาร กทม.บางคน ในเรื่องการจัดซื้อจัดจ้าง และการใช้อำนาจหน้าที่อันอาจจะเอื้อประโยชน์ให้กับพวกพ้องของตนเอง เช่น ให้บริษัทพรรคพวกประมูลงาน โดยเฉพาะประเภทจัดทำบริษัท"คู่เทียบ"เข้ามาประมูลงานของ กทม.เพราะจากการสอบข้อมูลเบื้องต้นอาจโยงใยไปยังพรรคพวกของผู้บริหารระดับสูงของ กทม.บางคน และสามารถส่งข้อมูลเพิ่มเติมมาได้ ที่สำนักงานปราบโกง (ส.ป.ก.401) ตู้ ปณ.401 พรรคเพื่อไทย

รองโฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า สำหรับข้อร้องเรียนที่พรรคได้รับนั้นส่วนใหญ่เป็นการไม่ได้รับความเป็นธรรมจากสำนักงานเขต เช่นปัญหาการเรียกเก็บเงินในการขออนุญาตต่างๆ ถึง ร้อยละ 78 การเรียกเก็บสินบนจากการขออนุญาตก่อสร้างร้อยละ 64 การร้องเรียนเรื่องการละเว้นไม่จับกุมแผงค้าและเรียกสินบนในที่สาธารณะร้อยละ 53 การจัดสรรงบประมาณที่ไม่เป็นธรรม ร้อยละ 44 นอกจากนั้น เรียกร้องให้รัฐบาลโดยเฉพาะกระทรวงมหาดไทยดำเนินการขั้นเด็ดขาดกับ กทม.เสียที เพราะประชาชนที่ถูกน้ำท่วมร้องมายังพรรคเพื่อไทยจำนวนมากว่าเงิน 5,000 บาท ป่านนี้ยังไม่ได้รับทั้งๆที่รัฐบาลได้อนุมัติเงินไปแล้ว

นายจิรายุ กล่าวถึงกรณีที่ นายเอกยุทธ อัญชันบุตร ผู้ก่อตั้งเว็บไซต์ไทยอินไซเดอร์ เรียกร้องให้รัฐบาลหาคนที่ทำร้ายตนเองในวันที่เห็น น.ส.ยิ่งลักษณ์ ที่โรงแรมโฟร์ซีซั่นส์ ว่า โดยส่วนตัวเห็นว่า นายเอกยุทธ แมนมาก เพราะที่ผ่านมา ด่าสตรีชาวเหนือไปเรียบร้อยแล้ว และครั้งนี้รุกรานมาถึงนายกรัฐมนตรี ตนไปโรงแรมบ่อยกินกาแฟบ้าง งานแต่งงานบ้าง ถือว่าเป็นเรื่องปกติ จะตื่นเต้นอะไรหนักหนา คนอย่างนายกรัฐมนตรีไปโรงแรมตื่นเต้นตรงไหน ไปงานแต่งงาน งานประชุม นายเอกยุทธ เข้าใจว่า โรงแรมเป็นโรงแรมม่านรูดหรือชั่วคราวค้างคืนหรืออย่างไร จึงเปรียบเทียบโรงแรมเป็นอย่างนั้น สังคมไทยยอมรับว่าโรงแรม 5 ดาว และพยายามพูดให้สังคมเข้าใจในทิศทางที่ตัวเองต้องการ

“คู่ชกที่เหมาะสมกับคุณเอกยุทธ คือ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี จึงขอเรียกร้องคุณเอกยุทธ ว่า พอเสียทีคนทะเลาะกับสุภาพสตรี ไม่ค่อยเจริญ ผมไม่ใช่คนกลัวภริยา แต่เคารพภรรยา ไปดูหมิ่นสุภาพสตรีมันไม่มีประโยชน์ พอเกิดขึ้นมา ส.ส.บางคนก็พูดคุยเรื่องนี้ บางคนโมโหแทนนายกรัฐมนตรี และยุให้ฟ้องแต่เสียงส่วนใหญ่บอกเสียราคา เพราะคุณเอกยุทธไม่มีราคาควรค่ากับการจ้างทนายแจ้งความฟ้องหมิ่นประมาท”
กำลังโหลดความคิดเห็น