“จตุพร-พวก” ทิ้งปริศนา!! เผยสมัย “เพื่อไทย” เป็นรัฐบาล หอบเงิน 25 ล้านเปิด หจก.5 แห่งรวดในช่วงเวลาไล่เลี่ยกัน โดยใช้ที่ตั้งเลขที่เดียวกัน และเปิดดำเนินการเพียงช่วงเวลาสั้นๆ โดยไม่ได้แจ้งผลประกอบการต่อกรมพัฒนาธุรกิจการค้า แถมเลิกกิจการพร้อมกันวันที่ 24 ธันวาคม 2547
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (5 ก.พ.) เมื่อเวลา 20.00 น. สำนักข่าวอิศรา ได้เปิดเผยประวัติการทำธุรกิจของนายจตุพร พรหมพันธุ์ หลังจากก่อนหน้านี้ได้แฉถึงความไม่ชอบมาพากลของนายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ในการตั้งบริษัทรับทำพีอาร์ให้บริษัท ปตท.จนเป็นที่ฮือฮามาแล้ว ซึ่งจนถึงขณะนี้ยังไม่มีคำตอบว่าที่ได้พีอาร์ของ ปตท.จำนวนมาก เป็นเพราะตัวรัฐมนตรี หรือความสามารถของบริษัท
ทั้งนี้ จากการตรวจสอบพบว่า หลังจากที่นายณัฐวุฒิก่อตั้งบริษัท ไทย คอนซัลแตนท์ แอนด์ พับบลิค รีเลชั่น จำกัด ไม่ถึงปีถัดมา นายจตุพร พรหมพันธุ์ ก็ทำธุรกิจเช่นกัน หากแต่ธุรกิจของนายจตุพรลงทุนร่วมกับนายสถาพร มณีรัตน์ ส.ส.ลำพูน พรรคเพื่อไทย และนายฐาปนา จินดากาญจน์ โดยในช่วงเดือนกุมภาพันธ์-มีนาคม 2545 นายจตุพรกับพวกจดทะเบียนห้างหุ้นส่วนจำกัด 5 แห่งรวด รวมเงินลงทุน 25 ล้านบาท (เฉพาะนายจตุพร 8.6 ล้านบาท) ได้แก่
1. หจก.สยามเชนจ์ พอยท์ จดทะเบียนวันที่ 18 กุมภาพันธ์ 2545 ทุน 5 ล้านบาท รับเหมาก่อสร้าง ถมดิน ขุดดิน ปรับหน้าดิน มีหุ้นส่วน 3 คน
- นายจตุพร 1,600,000 บาท บาท
- นายฐาปนา จินดากาญจน์ 1,600,000 บาท
- นายสถาพร มณีรัตน์ 1,800,000 บาท
2. หจก.วิชั่น แอนด์ ซีนะรี จดทะเบียนวันที่ 22 กุมภาพันธ์ 2545 ทุน 5 ล้านบาท ประกอบกิจการรับเหมาก่อสร้าง ผลิตสื่อโฆษณา หุ้นส่วน 2 คน
- นายจตุพร 4,000,000 บาท
- นายสถาพร มณีรัตน์ 1,000,000 บาท
3. หจก.ศรีหมวดเก้า จดทะเบียนวันที่ 22 กุมภาพันธ์ 2545 ทุน 5 ล้านบาท ประกอบธุรกิจขุดถ่านหิน ขุดขนแร่ต่างๆ หุ้นส่วน 2 คน
- นายจตุพร 1,000,000 บาท
- นายสถาพร มณีรัตน์ 4,000,000 บาท
4. หจก.บุตรตะวัน จดวันที่ 22 กุมภาพันธ์ 2545 ทุน 5 ล้านบาท ประกอบกิจการ 2 ข้อ ถมดิน ขุดปรับหน้าดิน ขายซื้อที่ดินทั้งหมด และ ประกอบกิจการขนถ่ายขุดถ่านหิน แร่ต่างๆ ทำเหมืองแร่ทั้งหมด มีหุ้นส่วน 2 คน
- นายจตุพร 1,000,000 บาท
- นายฐาปนา จินดากาญจน์ 4,000,000 บาท
5. หจก.ศรีสมุย ลองสเตย์ จดทะเบียนวันที่ 12 มีนาคม 2545 ทุน 5 ล้านบาท แจ้งข้อมูลต่อกรมพัฒนาธุรกิจการค้า มีวัตถุประสงค์ 3 ข้อ ประกอบธุรกิจบริการให้คำปรึกษาแก่ชาวไทยและต่างชาติเพื่อเป็นสมาชิกประกอบธุรกิจท่องเที่ยวพำนักระยะยาว ประกอบกิจการอำนวยความสะดวกในการจองที่พัก โรงแรม ในโครงการที่พักระยะยาว และประกอบกิจการให้คำปรึกษาแก่ผู้ประกอบการธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ในการพัฒนาโครงการพัฒนาโครงการหมู่บ้าน หุ้นส่วน 2 คน
- นายจตุพร 1,000,000 บาท
- นายสถาพร มณีรัตน์ 4,000,000 บาท
สิ่งที่น่าสังเกต คือ กิจการของนายจตุพรกับพวก ทั้ง 5 แห่งมีที่ตั้งเลขที่เดียวกัน เลขที่ 69/12 อาคารอัลฟ่าบิลดิ้ง ชั้น 12 โซนเอ ถนนวิภาวดีรังสิต สามเสนใน พญาไท กรุงเทพฯ และจดทะเบียนก่อตั้งในช่วงเวลาไล่เลี่ยกัน ในสมัยพรรคไทยรักไทยเป็นรัฐบาล นอกจากนี้ทั้ง5 แห่งยังเปิดดำเนินการเพียงสั้นๆ โดยไม่ได้แจ้งผลประกอบการต่อกรมพัฒนาธุรกิจการค้า และแจ้งเลิกกิจการพร้อมกันวันที่ 24 ธันวาคม 2547
อย่างไรก็ตาม น่าสังเกตว่าทรัพย์สินของนายจตุพรและนายสถาพร ที่แจ้งต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ในช่วงเวลาถัดมา มีจำนวนไม่มากนัก
ตอนตำแหน่งระบบบัญชีรายชื่อ วันที่ 22 มกราคม 2551 นายจตุพรแจ้งทรัพย์สิน 8,050,892.2 บาท แบ่งเป็น เงินฝาก 5 บัญชี 2,599,939.46 บาท, โรงเรือนและสิ่งปลูกสร้าง บ้านเลขที่ 99/92 หมู่ 4 แขวงคลองถนน เขตสายใหม่ กรุงเทพฯ 2,700,000 บาท , รถยนต์ 2 คัน ทะเบียน สอ.2535 กรุงเทพมหานคร 1,750,800 บาท คันที่ 2 ทะเบียน ชศ 2535 กรุงเทพมหานคร มูลค่า 999,312 บาท รวมมูลค่า 2,750,122 บาท ไม่มีทรัพย์สินอื่น
หนี้สิน เงินกู้จากธนาคารและสถาบันการเงินอื่น 2,750,112 บาท (หนี้สินมีจำนวนเท่ากับมูลค่ารถยนต์)
บุตรที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะ (นอกสมรส) 1 คน เพศหญิง (ขณะอายุ 8 ปี ที่อยู่แจ้งว่า 31/1 หมู่ที่ 77 ซอยริมคลองบางกอกน้อย แขวงศิราราช เขตบางกอกน้อย กรุงเทพฯ) มีเงินฝาก ธนาคารออมสิน 1 บัญชี 840.96 บาท เบ็ดเสร็จมีทรัพย์สินมากกว่าหนี้สิน 5,300,780.2 บาท
ขณะที่ นายสถาพร มณีรัตน์ ตอนรับตำแหน่ง ส.ส.ลำพูน พรรคเพื่อไทย วันที่ 22 มกราคม 2551 แจ้งมีทรัพย์สิน 714,592,59 บาท ประกอบด้วย เงินฝาก 384,592.59 บาท ที่ดิน 2 แปลง (อ.ป่าซาง จ.ลำพูน) เนื้อที่ 5-0-28 ไร่ หนี้สิน 911,298.74 บาท นางลาวรรณ ภรรยา มีทรัพย์สิน 3,302,519.18 บาท ประกอบด้วยเงินฝาก 1,627,519.18 บาท ที่ดิน 1 แปลง (อ.บ้านธิ จ.ลำพูน) 0-1-69 ไร่ รถยนต์ 3 คัน 1,530,000 บาท หนี้สิน 1,170,592 บาท บุตรไม่บรรลุนิติภาวะ มีเงินฝาก 244.08 บาท และที่ดิน 1 แปลง เนื้อที่ 0-0-66 ไร่ มูลค่า 25,000 บาท รวมทรัพย์สินทั้งหมด 4,042,355.85 บาท เบ็ดเสร็จมีทรัพย์สินมากกว่าหนี้สิน 1,960,465.11 บาท