ศาลสั่งจำคุกตลอดชีวิต อดีตนักศึกษาเทคโนฯดุสิต ฐานร่วมกันฆ่าเด็กก่อสร้างดุสิต และพกอาวุธปืนเมื่อกลางปี 52 เผย หลังเกิดเหตุเข้ามอบตัวปฏิเสธ แต่จำนนต่อหลักฐาน
วันนี้ (25 ม.ค.) ที่ห้องพิจารณา 812 ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก ศาลอ่านคำพิพากษาคดีความผิดต่อชีวิต อ.2114/53 ที่อัยการฝ่ายคดีอาญา 5 เป็นโจทก์ฟ้อง นายวันชนะ หรือ ปั้ม ตะปะสา อายุ 25 ปี อดีตนักศึกษาโรงเรียนเทคโนโลยีดุสิต ย่านรามอินทรา ปัจจุบันกำลังศึกษาที่มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคล เป็นจำเลยในความผิดฐานร่วมกันฆ่า และพยายามฆ่าผู้อื่น, พ.ร.บ.อาวุธปืนฯ และพกพาอาวุธไปในเมืองหรือทางสาธารณะ โดยไม่มีเหตุอันควร
โดยโจทก์ฟ้องว่า เมื่อวันที่ 13 ก.ค.52 เวลากลางคืน ขณะที่ นายณัฐวุฒิ จินาวรณ์ อายุ 17 ปี ขี่ จยย.โดยมี นายนัฐวุฒิ วัฒนะ อายุ 19 ปี นั่งซ้อนท้าย ทั้งสองกำลังศึกษาอยู่ชั้น ปวช.วิทยาลัยเทคนิคดุสิต (กสด.เดิม) และยังใส่เสื้อฝึกงานของโรงเรียนกลับจากรับประทานอาหาร และซื้อของที่ห้างเทสโก้โลตัส เอ็กซ์เพรส จำเลยกับพวกอีก 2 คน ที่ยังหลบหนีได้ขี่รถ จยย.ซ้อน 3 ประกบ ก่อนที่จำเลยจะชักปืนลูกซองสั้นไทยประดิษฐ์ ขู่บังคับให้นายณัฐวุฒิ และ นายนัฐวุฒิจอดรถ จยย. จากนั้นได้สอบถามสถานศึกษา และรุมชกต่อยทำร้ายทั้งสอง ใช้อาวุธมีดแทงฟันนายณัฐวุฒิ ตามร่างกายจนถึงแก่ความตาย ส่วนนายนัฐวุฒิวิ่งหลบหนี แต่จำเลยกับพวกยังติดตามใช้อาวุธปืนไล่ยิง แต่กระสุนไม่ลั่น ก่อนจำเลยกับพวกจะหลบหนีไป เหตุเกิดบริเวณ หน้าบ้านเลขที่ 201/28 หมู่บ้านอรุณนิเวศน์ ถ.วัดเกาะ แขวงคลองถนน เขตสายไหม กทม.
ต่อมาวันที่ 25 ส.ค.52 จำเลยเข้ามอบตัวกับพนักงานสอบสวน สน.สายไหม โดยให้การปฏิเสธโดยตลอดอ้างว่า วันเกิดเหตุช่วยครูควบคุมนักเรียนรุ่นน้องขึ้นรถรับส่งกลับบ้านพัก ส่วนตัวเองก็เดินทางกลับบ้านพักย่านรังสิตไม่มีส่วนรู้เห็นแต่อย่างใด
ศาลพิเคราะห์คำเบิกความและพยานหลักฐานทั้งสองฝ่ายที่นำสืบหักล้างกันแล้วเห็นว่า ฝ่ายโจทก์มี นายนัฐวุฒิ ผู้เสียหายเป็นประจักษ์พยานเบิกความยืนยันถึงข้อเท็จจริงต่างๆ อย่างละเอียดชัดเจนเป็นลำดับขั้นตอนอย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่การถูกทำร้าย การหลบหนีเพื่อเอาชีวิตรอด ซึ่งเสี่ยงภยันตรายต่อชีวิต ซึ่งสามารถจดจำเรื่องราวได้แม่นยำยิ่งกว่าเหตุการณ์ปกติ เชื่อว่า ผู้เสียหายไม่คิดปรุงแต่งเรื่องราว หรือเปลี่ยนข้อความให้เป็นอย่างอื่น ทั้งไม่เคยรู้จักหรือมีสาเหตุโกรธเคืองกันมาก่อน จึงไม่มีเหตุหวาดระแวงสงสัยเพื่อปรักปรำจำเลยให้ต้องรับโทษ พยานโจทก์น่าเชื่อถือมีน้ำหนักมั่นคง ส่วนข้อต่อสู้ของจำเลยนั้นเป็นข้ออ้างง่ายๆ ลอยๆ มีพิรุธ ไม่มีน้ำหนักหักล้างพยานหลักฐานโจทก์ได้เชื่อว่าจำเลยกระทำผิดตามฟ้องจริง
พิพากษาฐานร่วมกันฆ่าผู้อื่นอันเป็นบทหนักสุดให้ลงโทษจำคุกตลอดชีวิต ฐานผิด พ.ร.บ.อาวุธปืนฯ จำคุก 8 เดือน และฐานพกพาอาวุธฯ ปรับ 100 บาท อย่างไรก็ตาม เมื่อรวมโทษทุกกระทงแล้วคงจำคุกจำเลยไว้ตลอดชีวิตและปรับ 100 บาท