ปรากฎการณ์“ยิ่งลักษณ์”อ่านโพยให้เก้าอี้ฟัง

เพิ่งจะถูกสอยคาเวทีสัมมนาที่ดาวอส ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ มาหยกๆ กลับถึงประเทศไทยได้เพียงกี่วัน นายกฯ นกแก้ว ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ก็ถูกสมาคมผู้สื่อข่าวเศรษฐกิจลากตัวไปหน้าแตกในงานสัมมนาเรื่อง “ถอดรหัส GDP ปี 55” เพราะเป็นถึงผู้นำประเทศมีวิชั่นกว้างไกลเป็นนักบริหารมือเยี่ยมที่ประสบความสำเร็จในฐานะซีอีโอ.บริษัทอสังหาริมทรัพย์ที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งในตลาดหลักทรัพย์ เป็นผู้หญิงที่ “สวย รวย เก่ง” แต่ปรากฏว่า ไม่มีใครอยากฟังว่าเธอจะมีมุมมองอย่างไรในเรื่องเศรษฐกิจของปี 2555

ส่งผลให้ห้องนภาลัย โรงแรมดุสิตธานี อันเป็นสถานที่จัดงาน มีแต่เก้าอี้ว่างเปล่า นายกฯ นกแก้ว ซึ่งจะเป็นองค์ปาฐกต้องรอนานถึงครึ่งชั่วโมง เพื่อให้ผู้จัดงานระดมนักข่าว พนักงานโรงแรม นักศึกษาฝีกงานมานั่งฟัง แต่ก็ไม่อาจทำให้บรรยากาศโล่งโหวงเหวง ของห้องนภาลัยที่ผู้จัดเตรียมเก้าอี้ไว้ถึง 400 ที่นั่ง คึกคักขึ้นมาได้ สุดท้ายก็ต้องขึ้นเวที เพื่ออ่านโพยให้เก้าอี้ฟัง

นายกสมาคมผู้สื่อข่าวเศรษฐกิจและทีมผู้บริหารไม่สามารถปฏิเสธความรับผิดชอบ ในความล้มเหลวและผิดพลาดในครั้งนี้ได้ จัดงานใหญ่ขนาดนี้ เชิญนายกรัฐมนตรีมาพูด แต่ถึงเวลาไม่มีใครมาฟังเลย สะท้อนถึงวุฒิภาวะและความรับผิดชอบของผู้บริหารสมาคม ซึ่งซ่อนอยูภายใต้หัวโขน “สมาคม ผู้สื่อข่าวเศรษฐกิจ” ได้เป็นอย่างดีว่าอยู่ในระดับใด

ขณะเดียวกัน ปรากฏการณ์ที่คนที่เป็นถึงผู้นำประเทศไม่ได้รับความสนใจจากภาคธุรกิจเอกชนเลย ไม่แม้แต่จะส่งตัวแทนมารับฟังว่า นายกรัฐมนตรีมีมุมมองในเรื่องเศรษฐกิจ อันเป็นเรื่องที่พวกเขามีส่วนเกี่ยวข้องโดยตรงอย่างไร ก็เป็นสิ่งที่สะท้อนว่าภาคเอกชนคิดอย่างไรกับนายกฯ คนนี้

เป็นความจริงที่รับรู้กันอยู่แล้วว่านายกฯ นกแก้ว ยิ่งลักษณ์ ชินวัตรคนนี้ เป็นเพียงหุ่นเชิดของพี่ชายเท่านั้น นโยบาย มาตรการต่างๆ ล้วนแล้วแต่เป็นไปตามความต้องการและถูกกำหนดจากพี่ชายทั้งสิ้น รวมทั้งนโยบายด้านเศรษฐกิจด้วย

คนที่คิดเองไม่ได้ต้องให้ผู้อื่นคิดและเขียนให้พูด ย่อมไม่เข้าใจในสิ่งที่ตัวเองพูด ยิ่งเป็นผู้ที่ไม่มีความรู้รอบตัวอย่างนายกฯ นกแก้วคนนี้ด้วยแล้ว ก็ยิ่งไม่รู้เรื่องใหญ่เลยว่าสิ่งที่ตัวเองพูดคืออะไร ไม่สามารถตอบคำถามจากผู้ฟังอย่างได้เนื้อหาสาระ จึงไม่มีใครอยากจะเสียเวลามานั่งฟังนายกฯ นกแก้วอ่านสคริปต์ให้ฟัง เพราะอ่านจากสื่อก็ได้และไม่มีใครอยากรู้ว่านายกฯ คิดอย่างไร เพราะทุกคนรู้ดีว่านายกฯ คิดใม่เป็น

ตลอดระยะเวลา 6 เดือนที่ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เป็นนายกรัฐมนตรี พยายามหลีกเลี่ยงการสื่อสารกับประชาชน เพราะรู้ตัวดีว่าไม่สามารถตอบคำถามได้ สิ่งที่ประชาชนได้รับฟังมาตลอดจากปากนายกฯ นกแก้วคือ ได้มอบหมายให้คนนั้นคนนี้ไปดูแลแล้ว กำลังศึกษารายละเอียดอยุ่ ทุกอย่างเป็นไปตามขั้นตอน ช่วยๆ กันนะคะ ก่อนที่จะเดินหนีนักข่าว

การพบปะ ประชุมร่วมกับภาคธุรกิจเอกชนเป็นอีกเรื่องหนึ่งที่นายกฯ นกแก้วหนี ไม่สนใจ ไม่ตอบรับมาโดยตลอด ทั้งๆ ที่อวดอ้างมาโดยตลอดว่า เป็นผู้นำที่ประสบความสำเร็จอย่างสูงในภาคธุรกิจ การได้พบปะพูดคุย กับนักธุรกิจด้วยกันน่าจะเป็นเรื่องง่ายๆ ที่เธอสามารถรับมือได้อยู่แล้ว แต่ก็โยนให้รองนายกรับมนตรี นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รับหน้าเสื่อแทน

เมื่อเกิดวิกฤติอุทกภัย นิคมอุตสาหรรมในจังหวัดพระนครศรีอยุธยา และปทุมธานีถูกน้ำท่วม โรงงานอุตสาหกรรมเสียหายหนัก โดยเฉพาะโรงงานของญี่ปุ่น นายกฯ นกแก้วไม่เคยให้ไจก้าและตัวแทนของนักลงทุนญี่ปุ่นเข้าพบ หรือเข้าร่วมประชุมกับพวกเขาเลย เอาแต่มอบหมายให้นายกิตติรัตน์และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรมรับหน้าแทน

การประชุมใหญ่หอการค้าทั่วประเทศเมื่อปลายปีที่แล้วที่จังหวัดระยอง นายกฯ นกแก้วปฏิเสธคำเชิญของหอการค้าไทยที่เชิญไปกล่าวสุนทรพจน์ และรับฟังข้อเสนอของหอการค้า

ภาคีเครือข่ายต่อต้านคอร์รัปชั่นของภาคธุรกิจเอกชน ส่งจดหมายเรื่อง ความคิดเห็นจากนักธุรกิจนักวิชาการตัวแทนเอ็นจีโอและภาคประชาสังคม เรื่องการใช้งบประมาณฟื้นฟูประเทศหลังอุทกภัยที่รัฐบาลต้องเฝ้าระวังการทุจริตต่อ นายกฯ ไปตั้งแต่วันที่ 20 ธันวาคมปีที่แล้ว ไม่มีเสียงนกแก้วตอบกลับ จึงยื่นไปอีกครั้งหนึ่งเมื่อวันที่ 26 มกราคมที่ผ่านมา แต่ก็ยังไม่ได้รับการตอบรับ จนผู้บริหาร หอการค้าไทยซึ่งเป็นตัวตั้งตัวตีในภาคีฯ หารือกันว่าจะขอเข้าพบนายกฯ เสียเลย เพื่อจะได้ทราบคำตอบว่ารัฐบาลจะเอาอย่างไร

ท่าที่ที่เมินเฉย ไม่ให้ความสำคัญกับภาคธุรกิจเอกชนของนายกฯ นกแก้วเช่นนี้ จึงไม่ใช่เรื่องแปลก หากภาคเอกชนจะปล่อยให้ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ต้องรอเก้อ และอ่านสคริปต์ให้เก้าอี้ฟัง เพื่อเป็นการสั่งสอนว่า เรื่องโง่นะ ไม่ว่าหรอก ทำใจได้ ไม่ถือ แต่เป็นนายกฯ ต้องหัดรู้หน้าที่ รู้รับผิดชอบ และให้เกียรติผู้อื่นด้วย