วานนี้ (29 ม.ค) น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ภายหลังเดินทางกลับจากการประชุม World Economic Forum (WEF) ระหว่างวันที่ 27 -28 ม.ค.ที่ผ่านมาว่า การเดินทางไปดาวอสครั้งนี้ถือว่าเราประสบความสำเร็จ และได้รับความั่นใจจากนานาประเทศ เพราะหลังจากที่เราฟื้นฟูจากอุทกภัยหลายประเทศให้ความมั่นใจ ขณะเดียวกันเราได้พบกับกลุ่มคนที่อยากลงทุนเพิ่มซึ่งเป็นโอกาสใหม่ของไทยที่จะได้ประชาสัมพันธ์ ว่าเรามีพื้นฐานทางเศรษฐกิจดีอย่างไร และที่สำคัญประเทศไทยถือว่ามีจุดที่ยุทธศาสตร์ในการเชื่อมต่อไปยังภูมิภาคอื่น ในส่วนของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งถือว่าเป็นจุดที่ดีและเป็นจุดแข็งของประเทศไทย ตรงนี้เป็นส่วนที่เราเพิ่มเติมขึ้นมาได้เรียนรู้ และมาดูในเรื่องความตื่นตัวของเศรษฐกิจโลก ว่าทุกประเทศมีความตื่นตัวอย่างไร และมีความกังวลอย่างไร ซึ่งจะนำข้อกังวลใจเหล่านี้มาดูในส่วนของประเทศไทยด้วย
ส่วนปัญหาเรื่องภัยธรรมชาติและการก่อการร้ายเป็นอุปสรรคทำให้แสดงความเชื่อมั่นลำบากหรือไม่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ กล่าวว่า เรื่องนี้ไม่เป็นอุปสรรค โดยส่วนใหญ่เราเองได้บอกในเรื่องนโยบายต่างๆ ที่เราได้ทำ เรื่องแผนการลงทุนแก้ไขปัญหาระยะยาว หลายๆประเทศก็พอใจและมีการเจรจาและพบปะบริษัทใหญ่หลายบริษัท
กรณีที่ฝ่ายค้านโจมตีว่าการเข้าร่วมประชุมครั้งนี้ไม่ได้โชว์วิชั่นแต่ไปโชว์แฟชั่น น.ส.ยิ่งลักษณ์กล่าวว่า คงต้องขออนุญาตว่าผู้ที่ไปฟังต้องให้ความเป็นธรรมกับตนบ้าง ตนเมื่อไปถึงก็ติดภารกิจที่อินเดีย 2 วัน จากนั้นก็เดินทางร่วมประชุม ซึ่งอยู่ระหว่างที่ประชุมๆเรื่องของผู้หญิงว่าด้วยเรื่องงการเติบโตของผู้หญิงและเศรษฐกิจข้างหน้าเป็นอย่างไร และร่วมกันเสวนา และหารือในการรับมือต่อปัญหาเศรษฐกิจโลก รวมถึงงานไทยไนท์ ถือว่าเป็นงานที่เราประสบความสำเร็จ ที่มีทั้งนักธุรกิจและผู้นำกว่า 600 คน ก็คงขออนุญาตชี้แจงแค่นี้ก็เชื่อว่าผู้ติดตามอยู่ ก็คงจะให้ความเป็นธรรมเพราะไปทำงานไม่ได้ไปอย่างอื่นตลอดเวลา
ก่อนหน้านั้นนายเทพไท เสนพงศ์ ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ ระบุว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ ไปประชุมที่เมืองดาวอส ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ซึ่งสังคมกำลังตั้งคำถามว่าไปในฐานะสมาชิกองค์ประชุมหรือผู้สังเกตการณ์ขององค์ประชุม เพราะยังไม่เห็นบทบาทอะไรที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ได้แสดงบนเวทีในฐานะนายกฯ ของไทย และไม่มีวาระประชุมใดที่ให้ น.ส.ยิ่งลักษณ์เข้าประชุมด้วย นอกจากเวทีสตรีที่ไทยเป็นเจ้าภาพ คือ เวทีไทยแลนด์ไนท์ หาก น.ส.ยิ่งลักษณ์มีบทบาทเป็นรูปธรรม
สิ่งที่สังคมคาดหวัง คือ ในอดีตผู้นำประเทศไทย โดยเฉพาะช่วงนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ เป็นนายกฯ ต้องยอมรับว่าได้แสดงบทบาทในฐานะผู้นำประเทศอย่างสง่างาม ซึ่งต่างกับ น.ส.ยิ่งลักษณ์ เพราะสิ่งที่สื่อต่างประเทศกล่าวขานถึง น.ส.ยิ่งลักษณ์มากสุดไม่ใช่วิสัยทัศน์ แต่ไปโชว์แฟชั่นมากกว่าไปโชว์วิชั่น เพราะสื่อต่างประเทศชมเชย ในเรื่องการแต่งกาย บุคลิกภาพ มากกว่าชื่นชมความรู้ความสามารถที่เกี่ยวกับสมองหรือสติปัญญา จึงอยากเรียกร้องว่าเมื่อนายกฯ เดินไปเข้าร่วมประชุมหรืออะไรก็ตาม ในฐานะตัวแทนประเทศไทย ต้องสร้างเครดิตสร้างชื่อเสียงให้กับประเทศชาติด้วย ไม่เช่นนั้นประเทศจะได้รับความเสียหาย หรือถูกดูถูกดูแคลนจากประชาคมโลกได้
ส่วนปัญหาเรื่องภัยธรรมชาติและการก่อการร้ายเป็นอุปสรรคทำให้แสดงความเชื่อมั่นลำบากหรือไม่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ กล่าวว่า เรื่องนี้ไม่เป็นอุปสรรค โดยส่วนใหญ่เราเองได้บอกในเรื่องนโยบายต่างๆ ที่เราได้ทำ เรื่องแผนการลงทุนแก้ไขปัญหาระยะยาว หลายๆประเทศก็พอใจและมีการเจรจาและพบปะบริษัทใหญ่หลายบริษัท
กรณีที่ฝ่ายค้านโจมตีว่าการเข้าร่วมประชุมครั้งนี้ไม่ได้โชว์วิชั่นแต่ไปโชว์แฟชั่น น.ส.ยิ่งลักษณ์กล่าวว่า คงต้องขออนุญาตว่าผู้ที่ไปฟังต้องให้ความเป็นธรรมกับตนบ้าง ตนเมื่อไปถึงก็ติดภารกิจที่อินเดีย 2 วัน จากนั้นก็เดินทางร่วมประชุม ซึ่งอยู่ระหว่างที่ประชุมๆเรื่องของผู้หญิงว่าด้วยเรื่องงการเติบโตของผู้หญิงและเศรษฐกิจข้างหน้าเป็นอย่างไร และร่วมกันเสวนา และหารือในการรับมือต่อปัญหาเศรษฐกิจโลก รวมถึงงานไทยไนท์ ถือว่าเป็นงานที่เราประสบความสำเร็จ ที่มีทั้งนักธุรกิจและผู้นำกว่า 600 คน ก็คงขออนุญาตชี้แจงแค่นี้ก็เชื่อว่าผู้ติดตามอยู่ ก็คงจะให้ความเป็นธรรมเพราะไปทำงานไม่ได้ไปอย่างอื่นตลอดเวลา
ก่อนหน้านั้นนายเทพไท เสนพงศ์ ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ ระบุว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ ไปประชุมที่เมืองดาวอส ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ซึ่งสังคมกำลังตั้งคำถามว่าไปในฐานะสมาชิกองค์ประชุมหรือผู้สังเกตการณ์ขององค์ประชุม เพราะยังไม่เห็นบทบาทอะไรที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ได้แสดงบนเวทีในฐานะนายกฯ ของไทย และไม่มีวาระประชุมใดที่ให้ น.ส.ยิ่งลักษณ์เข้าประชุมด้วย นอกจากเวทีสตรีที่ไทยเป็นเจ้าภาพ คือ เวทีไทยแลนด์ไนท์ หาก น.ส.ยิ่งลักษณ์มีบทบาทเป็นรูปธรรม
สิ่งที่สังคมคาดหวัง คือ ในอดีตผู้นำประเทศไทย โดยเฉพาะช่วงนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ เป็นนายกฯ ต้องยอมรับว่าได้แสดงบทบาทในฐานะผู้นำประเทศอย่างสง่างาม ซึ่งต่างกับ น.ส.ยิ่งลักษณ์ เพราะสิ่งที่สื่อต่างประเทศกล่าวขานถึง น.ส.ยิ่งลักษณ์มากสุดไม่ใช่วิสัยทัศน์ แต่ไปโชว์แฟชั่นมากกว่าไปโชว์วิชั่น เพราะสื่อต่างประเทศชมเชย ในเรื่องการแต่งกาย บุคลิกภาพ มากกว่าชื่นชมความรู้ความสามารถที่เกี่ยวกับสมองหรือสติปัญญา จึงอยากเรียกร้องว่าเมื่อนายกฯ เดินไปเข้าร่วมประชุมหรืออะไรก็ตาม ในฐานะตัวแทนประเทศไทย ต้องสร้างเครดิตสร้างชื่อเสียงให้กับประเทศชาติด้วย ไม่เช่นนั้นประเทศจะได้รับความเสียหาย หรือถูกดูถูกดูแคลนจากประชาคมโลกได้