นายกรัฐมนตรีเป็นประธานงาน Thailand Night ที่รัฐบาลไทยจัดขึ้น พร้อมเน้นจุดแข็งประเทศไทย เชิญชวนร่วมการประชุม WEF on East Asia ที่กรุงเทพฯ 30 พ.ค-1 มิ.ยนี้ ขณะเดียวกันสร้างความมั่นใจแผนฟื้นฟูและแก้ปัญหาอุทกภัย โวแม้เกิดภาวะวิกฤตหลายเรื่องแต่เศรษฐกิจไทยมีความเข้มแข็ง คาดจีดีพีปีนี้โต 5%
วันที่ 27 ม.ค.55 เวลา 19.30 น. (ตามเวลาท้องถิ่น) ณ โรงแรม Central Sporthotel เมือง ดาวอส สมาพันธรัฐสวิส น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เป็นประธานในงาน Thailand Night ที่รัฐบาลไทยจัดขึ้น เพื่อเชิญชวนให้ผู้นำและผู้นำบริษัทชั้นนำของโลกที่เข้าร่วมการประชุม WEF ครั้งนี้ เข้าร่วมการประชุม World Economic Forum on East Asia ที่ประเทศไทยจะเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมที่กรุงเทพฯ ระหว่างวันที่ 30 พฤษภาคม - 1 มิถุนายน 2555 โดยนายกรัฐมนตรีได้กล่าวถ้อยแถลงเปิดงาน ดังนี้
นายกรัฐมนตรีกล่าวแสดงความยินดีที่ไทยได้เป็นเจ้าภาพจัดงาน Thailand Night ที่เมืองดาวอส และขอบคุณแขกที่มาร่วมงานครั้งนี้ และได้กล่าวย้ำว่าไทยไม่เป็นเพียงประเทศที่พรั่งพร้อมด้วยวัฒนธรรมและความงามของธรรมชาติ แต่ยังเป็นสถานที่เปี่ยมไปด้วยศักยภาพและโอกาสทางธุรกิจ
อย่างไรก็ตาม นายกรัฐมนตรีได้กล่าวถึงแผนฟื้นฟูและการแก้ปัญหาอุทกภัย โดยบอกว่า แผนการต่างๆ ได้ดำเนินไปเพื่อให้มั่นใจว่าวิกฤตจะไม่เกิดซ้ำขึ้นอีก และเพื่อให้บรรลุเป้าหมายนี้ รัฐบาลได้ทุ่มงบประมาณ 11 พันล้านเหรียญสหรัฐ เพื่อสร้างและพัฒนาระบบการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำขึ้นใหม่ เขื่อนและพนังกั้นน้ำต่างๆ จะสร้างขึ้นเพื่อป้องกันสาธารณูปโภคและเขตเศรษฐกิจสำคัญ พื้นที่ลุ่มน้ำและทางน้ำไหล จะสร้างขึ้นเพื่อบริหารจัดการการไหลของน้ำให้มีประสิทธิภาพ รวมถึงระบบการเตือนภัย แผนความต่อเนื่องทางธุรกิจ และการเตรียมพร้อมของชุมชนจะได้รับการพัฒนา และที่สำคัญที่สุด หน่วยสั่งการเดียว หรือ Single Command Authority เพื่อบริหารจัดการน้ำจะเกิดขึ้นเพื่อดำเนินการพร้อมตลอดเวลา
จากนั้นนายกรัฐมนตรีได้กล่าวถึงจุดแข็งของประเทศไทยว่า แม้ไทยจะประสบภาวะวิกฤติธรรมชาติ ความไม่สงบทางการเมือง และการถดถอยของเศรษฐกิจโลกในช่วงที่ผ่านมา แต่ด้วยพื้นฐานทางเศรษฐกิจที่เข้มแข็ง ไทยสามารถผ่านพ้นและบริหารจัดการจนฟื้นตัวอย่างรวดเร็วจากวิกฤติต่างๆ ในปีนี้ รัฐบาลคาดว่าการเติบโตจะเข้มแข็งที่ร้อยละ 5 เงินทุนสำรองแลกเปลี่ยนระหว่างประเทศยังคงสูงที่ประมาณ 180 พันล้านบาท สถานะทางการเงินการคลังยังคงเข้มแข็งด้วยหนี้สาธารณะต่อ GDP ประมาณ ร้อยละ 40 ซึ่งทำให้รัฐบาลจะสมารถวางแผนการเงินสำหรับแผนแม่บทการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำและนโยบายเศรษฐกิจสำคัญของรัฐบาลได้อย่างไม่มีอุปสรรค
นอกจากนี้ ประเทศไทยยังเป็นแหล่งการลงทุนที่สำคัญ เพราะมีเป็นจุดยุทธศาสตร์สำคัญในฐานะศูนย์กลางของประชาคมอาเซียน ที่มีประชากรรวมกันกว่า 600 ล้านคน จึงเป็นประตูสู่อาเซียน และเชื่อมต่อกับภูมิภาคเอเชียตะวันออกทั้งหมดด้วย ในการนี้รัฐบาลวางแผนการลงทุนในโครงการสาธารณูปโภคต่างๆ โดยเฉพาะ ถนน และรถไฟ เพื่อเชื่อมต่อกับประเทศเพื่อนบ้าน และจะขยายการเชื่อมโยงระหว่างไทยและอาเซียน และภูมิภาคอื่นด้วย รัฐบาลมีความตั้งใจเพื่อสร้างความมั่นใจว่าประเทศไทยจะยังคงเป็นประเทศที่มีสภาพแวดล้อมเป็นมิตรต่อการลงทุน และได้เห็นชอบแผนที่จะภาษีรายได้ของบริษัท (Corporate Income Tax) ซึ่งจะลดลงถึงร้อยละ 20ในปีหน้า นอกจากนี้ ไทยยังมีแรงงานที่มีทักษะสูง ซึ่งเป็นสิ่งที่มีค่าต่อบริษัทต่างๆทั่วโลก
สำหรับปัญหาความไม่มั่นคงทางการเมืองของไทย นายกรัฐมนตรีได้ใช้โอกาสนี้สร้างความมั่นใจว่าไทยได้ผ่านการเลือกตั้งที่สำคัญเมื่อปีที่แล้ว และทุกภาคส่วนต่างยอมรับผลการเลือกตั้ง ทำให้ไทยมีจุดเริ่มต้นที่สดใส และโอกาสที่จะก้าวไปข้างหน้าอย่างมั่นคง รัฐบาลจะดำเนินการสร้างความปรองดอง และยึดนิติรัฐและความเป็นเอกภาพของสังคม
ทั้งนี้ ในตอนท้าย นายกรัฐมนตรีกล่าวให้ความมั่นใจว่าไม่เพียงแต่การลงทุนที่จะได้รับการป้องกันที่ดีขึ้น จากแผนแม่บทการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ แต่ไทยจะจัดสรรสภาพแวดล้อมที่มั่นคงเพื่อให้ธุรกิจมีความมั่งคั่งด้วย
จากนั้น นายกรัฐมนตรีได้กล่าวเชิญชวนผู้นำและนักธุรกิจเข้าร่วมงาน World Economic Forum on East Asia ระหว่างวันที่ 30 พ.ค. - 1 มิ.ย. 2555 ที่กรุงเทพฯ