xs
xsm
sm
md
lg

“นายกฯ ปู” แนะทางแก้วิกฤตยุโรป-อเมริกา มุ่งพัฒนา ศก.ในประเทศให้เข้มแข็ง

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร (แฟ้มภาพ)
“นายกฯ ยิ่งลักษณ์” เผยผู้นำประเทศและบิ๊กบริษัทเอกชนชั้นนำห่วงสถานการณ์เศรษฐกิจโลก โดยเฉพาะปัญหาของกลุ่มประเทศยุโรป และสหรัฐฯ ที่ยังไม่ได้ข้อสรุปแนวทางแก้วิกฤต พร้อมแนะให้ทุกประเทศมุ่งพัฒนาเศรษฐกิจภายในประเทศให้เข้มแข็งเพื่อแก้ปัญหา ขณะเดียวกันตอกย้ำบทบาทหญิงเท่าเทียมชายเป็นปัจจัยสำคัญในการสร้างความเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจอย่างยั่งยืน

น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงการเข้าร่วมประชุมประจำปี World Economic Forum (WEF) ครั้งที่ 42 ที่เมืองดาวอส สมาพันธรัฐสวิส วันแรก (27 ม.ค.) ว่า ในเวทีการหารือระหว่างอาหารกลางวันที่มีผู้นำประเทศและผู้นำของบริษัทชั้นนำของโลก หัวข้อ Defining the Imperatives for 2012 ที่ประชุมมีข้อห่วงใยเกี่ยวกับสถานการณ์เศรษฐกิจโลก โดยเฉพาะในกลุ่มประเทศยุโรป และภาพรวมเศรษฐกิจที่ผันผวนของสหรัฐอเมริกา และการที่ยังไม่ได้ข้อสรุปแนวทางการแก้ปัญหา ซึ่งเราได้แสดงความเห็นว่าทุกประเทศจึงต้องหันกลับมาพัฒนาเศรษฐกิจภายในให้มีความเข้มแข็ง เช่นเดียวกับประเทศไทย ที่มุ่งเสริมความแข็งแกร่งทางด้านเศรษฐกิจ โดยมีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจและร่วมเสริมความเข้มแข็งของอาเซียน ที่จะเป็นโอกาสให้ต่างประเทศหันมาลงทุนในภูมิภาคนี้

นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า ขณะที่การจัดงาน Thailand Night ในคืนนี้ (27 ม.ค.) มีวัตถุประสงค์ที่สำคัญ คือ การนำเสนอความสวยงามและเปิดโอกาสให้ผู้ที่สนใจในประเทศไทยได้เห็นความเหมาะสมในการเข้ามาลงทุน รวมถึงการสร้างความมั่นใจในมาตรการป้องกันหลังไทยผ่านวิกฤตอุทกภัย และย้ำถึงภูมิศาสตร์ของประเทศไทยที่ได้เปรียบในการเป็นจุดเชื่อมต่อของอาเซียน หากมีการสร้างระบบของโครงสร้างพื้นฐานในระบบคมนาคมทั้งทางบกและทางน้ำพร้อม จะทำให้ไทยเป็นฐานการลงทุนที่สำคัญในภูมิภาค การตอบรับของนักธุรกิจและผู้นำประเทศหลายประเทศเข้าร่วมงานThailand Night เป็นจำนวนมาก แสดงให้เห็นถึงสัญญาณที่ดี เพราะหลายครั้งที่ได้พบนักลงทุนในหลายประเทศ ยืนยันจะยังคงฐานการลงทุนในประเทศและมีแนวโน้มที่จะเพิ่มเติม รวมไปถึงการที่จะได้เชิญชวนผู้นำและผู้บริหารระดับสูงของภาคเอกชน เข้าร่วมการประชุม World Economic Forum on East Asia ครั้งที่ 20 ที่ประเทศไทย

นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า ส่วนการพบปะกับผู้นำประเทศตลอดทั้งวัน ประกอบด้วยเจ้าฟ้าชายแอนดรูว์ ดยุคแห่งยอร์ค (His Royal Highness The Duke of York) นาย Jakaya M.Kikwete ประธานาธิบดีสหสาธารณรัฐแทนซาเนียและนายSyed Yusuf Raza Gilani นายกรัฐมนตรีแห่งสาธารณรัฐอิสลามปากีสถาน มีความต้องการเพิ่มพูนความสัมพันธ์กับประเทศไทย ทั้งทางด้านการค้าการลงทุน โดยเฉพาะการทำเอฟทีเอ ซึ่งได้มอบให้คณะทำงานไปศึกษาร่วมกัน

จากนั้น เวลา 16.00 น. วันที่ (27 ม.ค.55) (ตามเวลาท้องถิ่น) ณ Congress Hall, Congress Centre เมืองดาวอส สมาพันธรัฐสวิส น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้กล่าวเปิดการหารือและเข้าร่วมเป็นผู้อภิปรายในการอภิปรายเต็มคณะ ในหัวข้อ "Women as the Way Forward" โดยนายกรัฐมนตรีได้กล่าวแสดงความยินดีที่ได้รับเชิญให้เป็นผู้กล่าวเปิดและร่วมอภิปรายเรื่อง Women as the Way Forward ในวันนี้ และกล่าวว่าตนเองรู้สึกโชคดีที่ได้เกิดและเติบโตขึ้นในสังคมไทย ซึ่งมีความเท่าเทียมระหว่างหญิงชายสูง ทำให้มีโอกาสได้รับการศึกษาที่ดี ได้ดำรงตำแหน่งผู้บริหารระดับสูงในบริษัทเอกชนชั้นนำ และสุดท้ายได้รับเลือกจากประชาชนทั่วประเทศให้ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีหญิงคนแรกของประเทศไทย

นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า แม้ว่าตนเองจะเป็นตัวอย่างของผู้หญิงโชคดี แต่ทุกวันนี้ในเกือบทุกภูมิภาคของโลก ผู้หญิงยังคงต้องเผชิญกับปัญหาความเหลื่อมล้ำทางเพศ เมื่อเทียบกับผู้ชายแล้ว ผู้หญิงโดยเฉลี่ยยังคงได้รับการศึกษาต่ำกว่า เข้าถึงแหล่งเงินทุนได้ยากกว่า มีรายได้น้อยกว่า ถูกกีดกันไม่ให้ถือครองที่ดินหรือทรัพย์สิน และยิ่งไปกว่านั้น ผู้หญิงยังตกเป็นเหยื่อของการล่วงละเมิดทางเพศและการทารุณกรรมอีกด้วย

“ผู้หญิงแม้ว่าจะมีข้อด้อยกว่าผู้ชายในเรื่องของสรีระและพละกำลัง แต่ก็มีจุดแข็งหลายด้าน เช่น ความรอบคอบ เข้าใจปัญหา ความประนีประนอม และสัญชาตญาณความเป็นเพศแม่ นอกจากนี้จากการศึกษาพบว่าผู้หญิงมีความสามารถในการออมและความน่าเชื่อถือในเรื่องการชำระหนี้อีกด้วย ดังนั้น หากผู้หญิงได้รับการสนับสนุนอย่างเท่าเทียมกับผู้ชายแล้ว จะทำให้ได้มีการใช้ทรัพยากรมนุษย์อย่างเต็มที่ ซึ่งจะเป็นปัจจัยสำคัญในการสร้างความเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจอย่างยั่งยืน”

นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า จากการผลักดันให้เกิดพลังของผู้หญิงและการแก้ไขปัญหาความเหลื่อมล้ำทางเพศจะต้องเริ่มจากการแก้ไขปัญหาที่ฝังรากลึกในวัฒนธรรมและแนวคิดทางสังคม โดยส่วนหนึ่งของความล้มเหลวในการแก้ไขปัญหาที่ผ่านมา อาจจะเป็นเพราะว่าผู้กำหนดนโยบายไม่ได้แก้ไขปัญหาที่ต้นเหตุอย่างแท้จริง

“รัฐบาลจึงได้มีการจัดตั้งกองทุนพัฒนาบทบาทสตรีแห่งชาติขึ้นเป็นครั้งแรกในประเทศไทย โดยมุ่งหวังว่าจะสนับสนุนและส่งเสริมให้สตรีไทยเป็นพลังสำคัญและการสร้างสรรค์และพัฒนาประเทศ กองทุนนี้ไม่เพียงแต่จะช่วยสนับสนุนการแก้ไขปัญหาของสตรี รวมทั้งปัญหาการละเมิดสิทธิมนุษยชนที่กระทำต่อสตรีเท่านั้น หากแต่ยังเป็นส่วนสำคัญในการเสริมสร้างการพัฒนาศักยภาพของสตรีไทย (Empowerment) และรวมถึงการสร้างความเข้มแข็งและการพัฒนาเครือข่าย (Partnership) ให้สตรีไทยได้มีบทบาทอย่างมากในการร่วมแก้ปัญหาและพัฒนาประเทศต่อไป”

นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรีกล่าวย้ำว่า พร้อมที่จะให้ความสำคัญและสนับสนุนกับการพัฒนาเด็กหญิง (The Girl Effect) เพราะเมื่อคุณให้การศึกษาแก่เด็กหญิงหนึ่งคน คุณกำลังให้การศึกษาแก่คนทั้งชุมชน (When you educate a girl, you educate a community)" รัฐบาลชุดนี้จึงได้เน้นการลงทุนในด้านการศึกษาให้แก่เด็กหญิงเพื่อที่จะช่วยให้มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น มีรายได้ที่มากกว่าเดิม สามารถเป็นผู้หาเลี้ยงครอบครัว และเป็นส่วนหนึ่งของการพัฒนาระบบเศรษฐกิจและการเมืองโลกอย่างมั่นคงต่อไป

นายกรัฐมนตรีกล่าวแสดงความหวังว่า การแลกเปลี่ยนความคิดเห็นระหว่างผู้เข้าร่วมอภิปรายที่ล้วนแต่เป็นผู้หญิงที่ประสบความสำเร็จและมีความรู้ความสามารถในวันนี้ จะเป็นอีกก้าวหนึ่งในการสร้างแนวทางการขับเคลื่อนและพัฒนาบทบาทของสตรี เพื่อส่งเสริมให้ผู้หญิงสามารถก้าวขึ้นมาเป็นอีกหนึ่งกำลังสำคัญควบคู่ไปกับผู้ชายได้ในทุกภาคส่วนอย่างแท้จริง

ในตอนท้าย นายกรัฐมนตรีได้แจ้งต่อที่ประชุมว่า ประเทศไทยจะเป็นเจ้าภาพการประชุม World Economic Forum on East Asia ที่กรุงเทพฯ ระหว่างวันที่ 30 พฤษภาคม - 1 มิถุนายน 2555 ภายใต้หัวข้อ “Shaping the Region's Future through Connectivity” โดยจะมีการหารือถึงแนวทางการสร้างความเจริญเติบโตให้กับเศรษฐกิจโลกผ่านมิติด้านการพัฒนา ซึ่งการเพิ่มบทบาทของสตรีน่าจะเป็นหนึ่งในประเด็นสำคัญ พร้อมกันนี้นายกรัฐมนตรีได้เชิญชวนให้ผู้เข้าร่วมการประชุมเข้าร่วมงาน Thailand Night ที่โรงแรม Central Sporthotel ในคืนวันนี้ ระหว่างเวลา 19.30-22.00 น. เพื่อชมงานแสดงทางวัฒนธรรมและรับทราบข้อมูลเกี่ยวกับศักยภาพของเศรษฐกิจไทยด้วย
กำลังโหลดความคิดเห็น