xs
xsm
sm
md
lg

“พิภพ-ประพันธ์” สับ “นิติราษฎร์” เจตนาชัดเจน อย่าอ้างโดนใส่ร้าย

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


“ประพันธ์” ชี้ “นิติราษฎร์” ต่างจากเหยื่อ 6 ตุลา โดยสิ้นเชิง เพราะไม่ได้โดนใส่ร้าย แต่กำลังหาเรื่องสร้างความขัดแย้งกับคนในประเทศ  ลั่นเจตนาชัดเจนต้องการอะไร อย่ามาอ้างว่าต้องการปกป้องสถาบันฯ  ด้าน “พิภพ” หนุนคำสั่ง มธ. เพื่อป้องกันเกิดความรุนแรง ระบุไม่เป็นการละเมิดสิทธิเสรีภาพ


วันที่ 2 ก.พ. เมื่อเวลา 20.30 น. นายพิภพ ธงไชย แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย และนายประพันธ์ คูณมี อดีตสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ ร่วมในรายการ “คนเคาะข่าว” ออกอากาศทางสถานีโทรทัศน์ผ่านดาวเทียม ASTV

นายประพันธ์กล่าวว่า วันนี้มหาลัยวิทยาลัยธรรมศาสตร์ยังคงมีเสรีภาพทุกตารางนิ้วเหมือนในอดีต แต่มีคนบางกลุ่มทำให้สับสนระหว่างการมีเสรีภาพ กับอนาธิปไตย รัฐธรรมนูญก็บัญญัติไว้แล้วว่าทุกคนมีเสรีภาพ แต่ต้องอยู่ภายใต้รัฐธรรมนูญ นั่นก็คือพระมหากษัตริย์อยู่ในสถานะที่ใครจะล่วงละเมิดไม่ได้

นิติราษฎร์กำลังใช้สิทธิเสรีภาพของตัวเองไปก้าวล่วงต่อประชาชนที่เคารพกฎหมายรัฐธรรมนูญ เสรีภาพที่ไม่เคารพกฎหมายมันมีไม่ได้ แต่ถ้าเป็นเสรีภาพการแสดงความคิดเห็นทางวิชาการในเชิงหลักการ และไม่เป็นการเคลื่อนไหวที่จะก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงหรือล้มล้างการปกครองประเทศ อันนี้สามารถทำได้

นายประพันธ์กล่าวต่อว่า เหยื่อ 6 ตุลา กับนิติราษฎร์ ต่างกันโดยสิ้นเชิง เทียบกันไม่ได้ นิติราษฎร์ไม่ได้เป็นเหยื่อของใคร แต่กำลังสร้างความขัดแย้งตัวเองกับคนในประเทศ กำลังสร้างความขัดแย้งต่อชุมชนธรรมศาสตร์ อย่าอ้างว่าโดนใส่ร้าย เพราะมันมีเอกสารเป็นหลักฐาน การเคลื่อนไหวล้วนแล้วแต่เป็นการท้าทาย เรียกร้องให้มีการเปลี่ยนแปลง ลดอำนาจของพระมหากษัตริย์ ต้องการท้าทายความเชื่อของสังคมส่วนใหญ่

ข้อเสนอของนิติราษฎร์ลามปามเกินกว่ามาตรา 112  แน่นอนต้องเผชิญหน้ากับมวลชนส่วนใหญ่ เป็นการชักน้ำเข้าลึก ชักศึกเข้าธรรมศาสตร์ สร้างความวุ่นวายให้สังคมส่วนใหญ่ นิติราษฎร์ไม่มีมโนสำนึกหรือจงใจให้เกิดแบบนี้ รู้ดีว่าประเด็นพระมหากษัตริย์อ่อนไหวต่อสังคมไทย ฉะนั้นก็ต้องยอมรับผลกรรมที่เกิดขึ้น

จากข้อเขียนของนายชาญวิทย์ที่ระบุว่า “สถาบันกษัตริย์สมัยใหม่ ที่มั่นคง สถาพร อยู่คู่กับระบอบประชาธิปไตย ตามมาตรฐานสากลของโลก และนานาอารยประเทศ เช่น สหราชอาณาจักร ยุโรปตะวันตก และ/หรือญี่ปุ่น นั้น เป็นสถาบันที่ใช้ “พระคุณ” หรือ “ความรัก”ความเมตตากรุณา เป็นหลักปฏิบัติ และหลักกฎหมาย มากกว่าใช้ “พระเดช” หรือ “ความกลัว” ความเกลียดชัง หรือการข่มขู่ ด้วยคุกด้วยตะรางอย่างเช่น รัสเซีย/ปรัสเซีย/ออตโตมันตุรกี/จีน/หรือ/เนปาล” นายประพันธ์กล่าวว่า นายชาญวิทย์พูดถูก สถาบันฯ คงอยู่ได้เพราะพระบารมี คุณงามความดี  ไม่เช่นนั้นคงไม่อยู่ยาวนานถึงวันนี้ นั่นก็คือคำตอบ  

ดังนั้น นิติราษฎร์อย่ามาอ้างว่าปกป้องสถาบันฯ เพราะมันไม่จริง ถามว่าทำไมยุคทักษิณเป็นต้นมา เรื่องจาบจ้วงถึงขยายตัวเป็นลำดับ ใครไปใส่ร้ายพวกคุณ มันเห็นชัดเจน ทั้งตามเว็บไซต์ และขบวนการโจมตี สารพัด อีกทั้งมาสอดคล้องนิติราษฎร์ด้วย เห็นเจตนาชัดเจนว่าต้องการอะไร

ด้าน นายพิภพกล่าวว่า  มีการอ้างว่าสมัย 6 ตุลา 2519  ดร.ป๋วย อึ๊งภากรณ์ อธิการบดีมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ขณะนั้น ไม่มีการออกคำสั่งห้ามการเคลื่อนไหวในมหาวิทยาลัยเหมือนอธิการบดีคนปัจจุบัน ย้อนไปช่วงเย็นของวันที่ 5 ตุลาคม 2519 ตนอยู่ในเหตุการณ์ ตอนนั้น ดร.ป๋วยกังวลว่าจะเกิดความรุนแรง จึงได้ออกเสียงตามสายสั่งให้ทุกคนออกจากพื้นที่ภายในวันนั้น แต่นายธงชัย วินิจจะกูล ผู้นำนักศึกษาขณะนั้น ได้ไฮด์ปาร์กบนเวที กลบเสียงประกาศ คนจึงไม่ได้ยิน ดร.ป๋วย ให้เสรีภาพทุกตารางนิ้ว แต่ในฐานะอธิการบดี ก็เป็นห่วงว่าจะเกิดความรุนแรง ซึ่งวันรุ่งขึ้นก็เกิดขึ้นจริง คนนำมวลชนต้องรู้อยู่แก่ใจว่าเมื่อถึงจุดหนึ่ง มันสุ่มเสี่ยงต่อการเสียเลือดเสียเนื้อ

แกนนำพันธมิตรฯ กล่าวอีกว่า นายชาญวิทย์ เกษตรศิริ ตัดตอนให้เข้าใจผิดว่าคำสั่งมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ จำกัดสิทธิ เสรีภาพ ซึ่งจริงๆแล้วเสรีภาพต้องคำนึงว่าจะนำมาซึ่งความเสียหายให้มหาวิทยาลัยหรือไม่ นิติราษฎร์ทำนอกเหนือไปจากการเคลื่อนไหวทางวิชาการไปเป็นกิจกรรมทางการเมือง สิ่งที่นิติราษฎร์เสนอ มันทับซ้อนกันกับความต้องการของกลุ่มการเมือง จึงต้องถูกตั้งคำถามว่ารับใช้การเมืองกลุ่มไหนหรือเปล่า การจัดประชุม 2 ครั้ง ก็มีคนเสื้อแดงมาคอยเชียร์  มันชัดเจนว่าชี้นำมวลชนกลุ่มใด

นายพิภพกล่าวต่อว่า นิติราษฎร์บอกว่าตัวเองเป็นเหยื่อ ถูกใส่ร้าย สมัยรัฐบาลอภิสิทธิ์ไม่ได้มีการพูดเรื่องยกเลิกมาตรา 112 แต่มองกันในแง่ที่ว่ากฎหมายนี้ถูกใช้เป็นเครื่องมือทางการเมือง จนกระทั่งมีการเสนอให้สำนักราชเลขาธิการ ลงมาเป็นผู้มีอำนาจฟ้อง แต่ก็ถูกคัดค้าน โดยหลักการแก้มาตรา 112 นั้น ต้องปกป้องสถาบันกษัตริย์ได้อย่างมีศักดิ์และมีศรี

กรณีนายสุลักษณ์ ศิวรักษ์ (ส.ศิวรักษ์) เรียกได้ว่าเป็นรอยัลลิสต์ แต่เป็นในรูปแบบมีการวิพากษ์วิจารณ์บ้าง เมื่อคดีหมิ่นฯ ขึ้นสู่ศาล ศาลยกฟ้อง อีกคดีอัยการก็สั่งไม่ฟ้อง แต่ประเด็นนี้นิติราษฎร์ไม่พูดถึง แล้วยังอ้างว่าต้องการรักษาสถาบันฯ เอาไว้ แต่ดันไปเสนอแก้รัฐธรรมนูญเพื่อบั่นทอนพระราชอำนาจ และยังพูดนอกเหนือจากมาตรา 112


กำลังโหลดความคิดเห็น