“สาทิตย์” อัดรัฐบาลปูนิ่มลากนโยบายจ่ายเยียวยาน้ำท่วมโยงประเด็นการเมืองหวังผลเลือกตั้ง แฉ 64 จว.ยังไม่ได้รับเงิน 5 พันบาท ชัดเจนสองมาตรฐานพื้นที่นอกฐานเสียง เผยปริมาณน้ำเขื่อน “ภูมิพล-สิริกิติ์” สูงน่าหวาดเสียว แต่นายกฯ กับกรมชลฯ กลับมีนโยบายพร่องน้ำไม่ตรงกัน หวั่นซ้ำสถานการณ์น้ำท่วมหนักกว่าปีที่แล้ว
วันนี้ (1 ก.พ.) นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย ส.ส.ตรัง ในฐานะรัฐมนตรีทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเงา พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวตำหนิรัฐบาลกรณีนโยบายจ่ายเงินเยียวยาผู้ประสบอุทกภัยจำนวน 5,000 บาท ว่ารัฐบาลกำลังใช้ประเด็นนี้มาเป็นประเด็นการเมืองโจมตีพรรคประชาธิปัตย์ เพื่อหวังผลต่อการเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม. และกลบเกลื่อนความผิดพลาดในการบริหารงานของตัวเอง โดยในครม.มีการอนุมัติงบเพิ่มจำนวนพันกว่าล้านบาทให้ กทม.จ่ายเยียวยาประชาชน ขณะที่ยังมีอีก 64 จังหวัดที่ยังตกค้างอีก 5 แสนกว่าครัวเรือน และใน กทม.เกือบ 3 แสนครัวเรือน ซึ่งตอนแรกมติ ครม.กำหนดระยะเวลาการเนินการให้แล้วเสร็จ เช่น กทม. ภายใน 45 วัน ต่างจังหวัด ภายใน 60 วัน แล้วออกมาอ้างว่าเป็นช่วงเวลาเร่งรัด หากไม่ทันสามารถส่งมาเพิ่มได้ ซึ่งเป็นการพูดหลังจากทำไม่เสร็จ แต่ระบบการจ่ายเงินทำไว้ตั้งแต่ปีที่แล้ว โดยกำหนดจ่ายเสร็จก่อน 30 วันหลังน้ำเริ่มท่วม แต่มีความล่าช้าเป็นเพราะมีความพยายามขยายครอบคลุมพื้นที่น้ำไม่ท่วมเพราะเป็นพื้นที่พวกตัวเอง และบางพื้นที่ชะลอการจ่ายเงินเพื่อรอนักการเมืองในรัฐบาลไปจ่าย
นายสาทิตย์กล่าวว่า รัฐบาลต้องตั้งสติอย่าเอาเรื่องการเยียวยา 5 พันบาทเล่นการเมือง แต่ต้องรีบจ่ายชดเชย เช่นสถานการณ์น้ำท่วมต้นปี 55 ที่ จ.นครศรีธรรมราช มี 5 หมื่นกว่าครัวเรือนที่ยังไม่มีการอนุมัติงบค่าเยียวยา 5 พันบาท มีบ้านพังทั้งหลังภาคใต้ 30 หลัง ก็ยังไม่ได้รับเงินค่าเยียวยา 2.4 แสนบาทตามกองทุนผู้ประสบภัยที่รัฐบาลเคยประชาสัมพันธ์ไว้ แต่พอทวงถามกลับได้แค่ 3 หมื่นบาทตามระเบียบของ พ.ร.บ.ผู้ประสบอุทกภัย ทั้งที่ยังมีเงินเหลือในกองทุนหลายร้อยล้านบาท เป็นสองมาตรฐานอย่างชัดเจน ไม่มีเหตุผลทำไมจึงปฏิบัติประชาชนที่ไม่ใช่ฐานเสียงตัวเองแตกต่างกัน
นายสาทิตย์ยังกล่าวถึงการบริหารน้ำของรัฐบาล ที่หลายฝ่ายกังวลว่าปีนี้ฝนจะมาเร็วกว่าปกติ แต่รัฐบาลไม่ให้ความกระจ่างว่าจะดำเนินการอย่างไร เพราะปริมาณน้ำในเขื่อนภูมิพลเมื่อวันที่ 31 ม.ค. อยู่ที่ 1.12 หมื่นลูกบาศก์เมตร คิดเป็น 83% และเขื่อนสิริกิตติ์อีก 82% ซึ่งถือว่าสูงมากเมื่อเทียบกับเดือนมกราคมปีที่แล้ว แต่น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี บอกในที่ประชุมครม.ว่าให้เร่งระบายน้ำออกจากเขื่อน แต่อธบิดีกรมกรมชลประทานบอกมีแผนระบายน้ำในเดือนเม.ย. จึงไม่มีความชัดเจนว่าจะดำเนินการเมื่อไหร่ เพราะถ้าไม่เป็นไปตามจังหวะเวลาที่เหมาะสม สถานการณ์น้ำท่วมอาจจะหนักกว่าปี 54 ขณะที่แผนคณะกรรมการนโยบายน้ำ (กยน.) ยังมีความขัดแย้งภายใน มีแต่การใช้งบไม่มีรายละเอียดใช้ทำอะไรป้องกันน้ำท่วมอย่างไร
