xs
xsm
sm
md
lg

เล่ห์รัฐบาลลดแรงกดดันสังคม-ปากว่าตาขยิบ “นิติเนรคุณ” !!

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ยงยุทธ วิชัยดิษฐ
ผ่าประเด็นร้อน

หลังจากกระแสสังคมทนไม่ไหวกับการแสดงอาการเหิมเกริมของพวกขบวนการล้มเจ้าที่มาในรูปแบบต่างๆมากขึ้นเรื่อยๆ โดยเฉพาะเวลานี้อารมณ์โกรธกำลังไต่ระดับขึ้นสูงปรี๊ดเมื่อกลุ่มที่เรียกว่า “นิติราษฎร์” รวมตัวกันเสนอให้แก้ไขหรือยกเลิกกฎหมายอาญามาตรา 112 ที่ว่าด้วยเรื่องการหมิ่นประมาท อาฆาตมาดร้าย พระมหากษัตริย์ พระราชินี รัชทายาท และผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ แต่ล่าสุดคนกลุ่มดังกล่าวยังไม่หยุดอยู่แค่นี้กลับเสนอให้แก้ไขรัฐธรรมนูญกำหนดให้ พระมหากษัตริย์ ให้ “ในหลวง” ต้องสาบานต่อหน้านักการเมืองในสภา

ประเด็นหลังนี่แหละที่ทำให้อารมณ์ของชาวบ้านที่ขุ่นมัว นั่งดูด้วยความหงุดหงิดอยู่แล้วพักใหญ่ต้อง “ขาดผึง” แบบปรี๊ดแตก เพราะถือว่าเกินกว่าจะรับได้

นอกจากนี้ กลุ่มนิติราษฎร์ ยังเสนอให้เพิ่มอำนาจของนักการเมือง ทั้งฝ่ายบริหารคือรัฐบาลเป็นผู้แต่งตั้งผู้พิพากษาศาลสูง(ศาลฎีกา) โดยให้สภาเป็นผู้ให้ความเห็นชอบ และรัฐบาลเป็นผู้แต่งตั้งโยกย้ายตำแหน่งนายทหารระดับสูงในกองทัพ รวมทั้งกำหนดให้มี “ผู้ตรวจการกองทัพ” ความหมายก็คือให้ฝ่ายการเมือง พรรคการเมืองเข้าไปล้วงลูกในกองทัพ ซึ่งรายละเอียดดังกล่าวสังคมรับรู้กันไปแล้ว

แต่ที่โกรธกริ้วและรับไม่ได้จนต้องออกมาแสดงอารมณ์ตอบโต้กลับมาก็คือกรณีจะให้ ในหลวงต้องมาสาบานต่อหน้านักการเมืองในสภานี่แหละ

เพราะถ้ามองในแง่เจตนาแล้วมันก็ช่วยไม่ได้ที่จะทำให้สังคมทั่วไปเข้าใจทันทีว่าต้องการล้มล้าง ย่ำยีสถาบันพระมหากษัตริย์ ขณะเดียวกันกลับไปเพิ่มอำนาจให้นักการเมืองอย่างเบ็ดเสร็จ เชิดชูว่านี่คือประชาธิปไตย เพราะมาจากการเลือกตั้ง ทั้งที่หากหลับตานึกภาพเราก็จะเห็นนักการเมืองที่มาจากการซื้อเสียง เป็นนักเลงหัวไม้ เจ้าพ่อ ล้วนมีพฤติกรรมที่สังคมเข้าใจว่าไม่ต่างจากโจรชั่ว สมควรอัปเปหิไปให้ไกลๆ หรือในทางตรงกันข้ามจะต้องเพิ่มระดับการตรวจสอบและลดอำนาจลงด้วยซ้ำ

เมื่อสังคมออกอาการรับไม่ได้ และเริ่มแสดงออกมาท่าทีตอบโต้มากขึ้นเรื่อยๆ อีกทั้งภาพที่ออกมาตลอดเวลาว่าพวก “ขบวนการล้มเจ้า” ทั้งที่ถูกดำเนินคดีในข้อหาหมิ่นประมาท ถูกจำคุก แทบทั้งหมดล้วนแล้วแต่มีความเคลื่อนไหวสอดคล้องกันกับพรรคเพื่อไทย แทบทั้งหมดเป็นคนเสื้อแดง ขณะเดียวกันแม้แต่ กลุ่มที่เรียกว่า นิติราษฎร์ ก็ล้วนแล้วแต่ได้รับการสนับสนุนและให้กำลังใจแสดงอาการปรบมือกระทืบเท้ายินดีกันอย่างเต็มที่ ซึ่งเมื่อนำมาเชื่อมโยงถึงกัน มันก็ทำให้เข้าใจได้ไม่ยากว่า เป็นพวกเดียวกัน มีเป้าหมายเดียวกัน

ที่สำคัญการเคลื่อนไหวของ นิติราษฎร์ หากพิจารณาจากเป้าหมายในขั้นสุดท้ายก็ล้วนสอดคล้องกับเป้าหมายของเครือข่าย ทักษิณ ชินวัตร ในเรื่องของ “รัฐไทยใหม่” ที่มีการกล่าวถึงกันอย่างหนาหู ในเรื่องการเปลี่ยนแปลงไปสู่ “ระบอบประธานาธิบดี” ความหมายก็คือแยกกันเดิม รวมกันตีไปสู่เป้าหมายเดียวกัน

เวลานี้หากพิจารณาจากความเคลื่อนไหวแล้วถือว่าเริ่มเข้าสู่โหมดของการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ที่จะมาในหลายรูปแบบ ทั้งในและนอกสภา จะตีโอบเข้ามาพร้อมๆกัน

อย่างไรก็ดีจากข้อเสนอในเรื่องล้มเจ้าและย่ำยีสถาบันพระมหากษัตริย์ของกลุ่มนิติราษฎร์ดังกล่าวทำให้ขัดความรู้สึกของสังคมทั่วไปอย่างรวดเร็ว และเริ่มมีการเคลื่อนไหวต่อต้านและปกป้องสถาบันพระมหากษัตริย์ มีลักษณะตื่นตัวมากขึ้นไปทั่ว รวมไปถึงมีการแสดงออกด้วยการชุมนุมคัดค้าน บอยคอตกันในทุกรูปแบบ ซึ่งสร้างความสั่นสะเทือนไปถึงพรรคเพื่อไทย รัฐบาล รวมไปถึง ทักษิณ ชินวัตร ที่เป็น “หัวโจกใหญ่” ของขบวนการดังกล่าว

ดังนั้นสิ่งที่เห็นในเวลานี้ก็คือ “อาการชิ่งหนี” ของรัฐบาล ที่เห็นได้ชัดก็คือ ยงยุทธ วิชัยดิษฐ์ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ในฐานะหัวหน้าพรรคเพื่อไทยที่รีบออกมายืนยันว่าจะไม่เกี่ยวข้องและแก้ไข ม.112 รวมไปถึง รองนายกรัฐมนตรี ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ก็ย้ำในทำนองเดียวกัน พร้อมทั้งระบุว่าไม่ได้เกี่ยวข้องกับกลุ่มนิติราษฎร์ แต่ถ้าสังเกตให้ดีการแสดงท่าทีของฝ่ายรัฐบาลเป็นลักษณะที่ “เบาหวิว” ถนอมน้ำใจมิตรกันมากกว่า ไม่ได้เป็นการส่งเสียงเตือนแบบเข้มข้น ไม่ว่าจะเป็นในฐานะเจ้าหน้าที่ของรัฐ หรือในฐานะคนไทยที่ต้องปกป้องสถาบันพระมหากษัตริย์ก็ตาม

แต่ออกมาในลักษณะ “ไหลไปตามน้ำ” เพื่อลดแรงกดดันจากสังคมเท่านั้น ท่าทีที่ออกมาจึงทำให้ยิ่งไม่น่าไว้วางใจมากขึ้นไปอีก เพราะไม่ต่างจากการแสดงละครเพื่อตบตา หรือ “ปากว่าตาขยิบ” เนื่องจากหากพิจารณาจากการเอาจริงเอาจังหรือการดำเนินคดีกับผู้กระทำผิดในคดีหมิ่นพระบรมเดชานุภาพทั้งมาในรูปแบบเว็บไซต์ที่จาบจ้วง หรือการแสดงออกที่มิบังควรก็ไม่ได้ดำเนินการให้เห็นเป็นรูปธรรม อีกทั้งบุคคลที่กระทำความผิดเหล่านั้นก็ล้วนแล้วแต่นั่งอยู่ในรัฐบาลทั้งสิ้น

ดังนั้นการแสดงอาการปรามกลุ่มนิติราษฎร์ รวมทั้งประกาศว่าจะจัดการเอาจริงเอาจังกับพวกหมิ่นสถาบันอยู่ตลอดเวลา แต่เมื่อพิจารณาตามเป็นจริงแล้วผลที่ออกมาล้วนตรงกันข้าม คราวนี้ก็เช่นเดียวกันเมื่อสังคมเริ่มไม่พอใจและเคลื่อนไหวต่อต้านกันมากขึ้น รัฐบาลก็มักจะแสดงท่าทางเอาจริงเอาจังตื่นตัวกันครั้งหนึ่ง แต่ก็เหมือนกับว่าเป็นการแสดงละครตบตา ซึ่งมันก็ช่วยไม่ได้ที่มองได้ว่าเป็นพวกเดียวกัน !!
ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง
กำลังโหลดความคิดเห็น