เป็นไปไม่ได้ที่จะขอร้องให้ “มหาเศรษฐีเอาแต่ได้” กับสมุนที่หลงใน “ลาภ-ยศ-เงินทอง” ให้ละความชั่ว..กลับตัวกลับใจเป็นคนดีมีเหตุผล แล้วหันมาทำดีเพื่อชาติและประชาชน..จริงไหม?
ทุกวันนี้ “หน้าเหลี่ยม” ทำที “ตีสองหน้า-ปากว่าตาขยิบ” คิดว่าคนไทยโง่-ไม่รู้ทันเล่ห์ร้ายตน แต่ด้วยความเป็นเผด็จการบ้าอำนาจและ “เอาแต่ได้” จึงขาดความชอบธรรมในการเคลื่อนไหวไปโดยปริยาย
ต้องการจะล้างความผิดตนและพวกพ้อง จึงเปลี่ยนคำ “นิรโทษกรรม” เป็น“ปรองดอง” และเพื่อจะลดการต่อต้านจากผู้คนในสังคม จึงดึงเอาหัวหน้าคณะรัฐประหารตน มาเป็นประธานฯ การ “ปรองดอง” เสียเลย
จากนั้นก็ใช้กลยุทธ์นิรโทษกรรมทุกฝ่าย ทั้งๆ ที่ความผิดของ “หน้าเหลี่ยม” กับคนเสื้อแดง ในคดีเผาบ้านเผาเมืองและก่อการร้าย ฆ่าทหารและประชาชนเป็นจำนวนมากนั้น มิใช่คดีทางการเมือง..แต่เป็นคดีอาญาโทษร้ายแรงถึงขั้นประหารชีวิต
ทว่า “หน้าเหลี่ยม” ก็ไม่วางใจ “พล.อ.สนธิ” ที่ทำรัฐประหารตนแล้วยังกล้าเสนอหน้ามาเป็นประธานฯ “ปรองดอง” ให้กับตน เพราะขืนวางใจร้อยเปอร์เซ็นต์ อาจพลาดพลั้งได้
“หน้าเหลี่ยม” ที่ติดนิสัยเอาแต่ได้ จึงยังใช้นายคณิต ณ นคร และ นายอุกฤษ มงคลนาวิน เดินเกมหาทางให้ตนหลุดพ้นจากความผิดทั้งปวงไปด้วย
การ “ปรองดองอันจอมปลอม” นี้ จึงไม่แยแสตัวบทกฎหมาย ไม่สนใจความถูก-ผิดใดๆ ทั้งสิ้น มุ่งแต่จะช่วยนักโทษหนีคุกคนเดียวให้ได้ จนกลายเป็นต้นเหตุความแตกแยกของคนในชาติอย่างใหญ่หลวงอยู่ในขณะนี้
“หน้าเหลี่ยม” ยัง “ตีสองหน้า-ปากว่าตาขยิบ” ลวงหลอกว่า “รักเจ้า” ทว่า..รัฐบาลเครือข่าย “หน้าเหลี่ยม” ก็ไม่เคยเอาจริงเอาจัง-เอาผิดหรือลงโทษพวกล้มเจ้าเลย
ทำให้ขบวนการล้มเจ้าเติบใหญ่ เหิมเกริมกับการให้ร้ายป้ายสี “ในหลวง-พระราชินี” อย่างต่อเนื่อง อีกทั้งยังส่งเสริมสนับสนุนพวกล้มเจ้าบางคน ให้เป็นที่ปรึกษารัฐมนตรีหรือเป็นถึงรัฐมนตรีอีกด้วย
จนผู้คนถึงบางอ้อว่า “หน้าเหลี่ยม” ไม่รักเจ้า แต่รักพวกล้มเจ้า..นี่หว่า?
“หน้าเหลี่ยม” ก็รู้อยู่แก่ใจว่า คนไทยส่วนใหญ่ในชาติ “รักในหลวง” ยิ่งชีวิต แต่ “หน้าเหลี่ยม” กลับปล่อยให้คนในเครือข่ายออกมาเคลื่อนไหวให้ยกเลิกกฎหมายอาญามาตรา 112 อย่างต่อเนื่อง
ทั้งนี้ก็เพื่อขบวนการล้มเจ้าจะได้ให้ร้ายพระมหากษัตริย์อย่างอิสระเสรี โดยไม่มีกฎหมายลงโทษพวกล่วงละเมิดพระมหากษัตริย์ ซึ่งเป็นบันไดขั้นแรกที่บั่นทอนความมั่นคง ก่อนจะโค่นล้มสถาบันสูงสุดของชาติในอนาคตนั่นเอง
กฎหมายอาญามาตรา 112 ไม่ได้ทำให้คนส่วนใหญ่เดือดร้อน แต่ใครหน้าไหนก็ตามที่รู้ว่า การหมิ่น “พระมหากษัตริย์” ผิดกฎหมาย แต่ยังจงใจทำความผิดดังกล่าวอีก คนส่วนน้อยในสังคมเหล่านั้น จึงต้องเดือดร้อนกับโทษทัณฑ์ที่ตนก่อเป็นธรรมดา เพราะกฎหมาย-ก็คือ-กฎหมาย กฎหมายเป็นกติกาของทุกสังคมในโลก!
การที่เครือข่ายคน “หน้าเหลี่ยม” ออกมาเคลื่อนไหวให้ยกเลิกกฎหมายอาญามาตรา 112 จึงมิใช่การเรียกร้องที่ถูกที่ควร หากแต่เป็นกลเกมการเมืองชั่วร้าย ที่มุ่งบั่นทอนโค่นล้มพระมหากษัตริย์โดยตรง
ถึงขนาดมีการเสนอให้ “ห้ามในหลวงมีพระราชดำรัสสดๆ” อีกด้วย!
ประเทศทุกแห่งในโลก มีกฎหมายห้ามล่วงละเมิดสิทธิบุคคลและส่วนรวม แต่เครือข่าย “หน้าเหลี่ยม” กลับมาเสนอให้ยกเลิกกฎหมายหมิ่นพระมหากษัตริย์ และยังเป็นเผด็จการถึงขนาดห้าม “ในหลวงมีพระราชดำรัสสดกับพสกนิกร!”
แน่นอน..ทุกสังคมโลกมีหลักการตรงกันว่า กฎหมายทุกกฎหมาย..แก้ไขหรือยกเลิกได้ หากกฎหมายนั้น..ไม่สอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบันและอนาคต หรือเป็นกฎหมายที่ไม่ยุติธรรมต่อคนส่วนใหญ่ ฯลฯ
แต่มิใช่ยกเลิกกฎหมายที่ดีที่เป็นประโยชน์ต่อคนส่วนใหญ่และชาติบ้านเมืองรัฐบาลและรัฐสภาจะต้องไม่แก้ หรือยกเลิกกฎหมายเพื่อใครคนใดคนหนึ่งกับพวกพ้องโดยเด็ดขาด
อย่างไรก็ตาม..ทุกกฎหมายล้วนประสบปัญหา มีผู้ใช้กฎหมาย-ใช้กฎหมายโดยไม่ถูกต้องชอบธรรมทั้งสิ้น
ทว่ามิใช่ยกปัญหา..คนไม่ดี-ใช้กฎหมายไม่ชอบธรรม-ซึ่งเป็นคนส่วนน้อย และผู้ได้รับความไม่ยุติธรรมจากผู้ใช้กฎหมาย-ที่เป็นคนส่วนน้อย หรือคนทำผิดกฎหมาย-ที่เป็นคนส่วนน้อย มายกอ้างเป็นตัวอย่างเพื่อยกเลิกกฎหมาย ที่คนส่วนใหญ่พึงพอใจและไม่เคยเดือดร้อน..ใช่ไหมล่ะ?
อากง-ทำผิดกฎหมายและเป็นคนส่วนน้อยใช่ไหม? จะเปิดนมหมดอายุกี่เต้ากี่ครั้ง ก็ไร้เหตุผลจะยกเลิกกฎหมายอาญามาตรา 112 ที่คนส่วนใหญ่พอใจและไม่เคยเดือดร้อนได้หรอก “คำผกาอาลัย” เอ๋ย
แน่นอน..มีนักวิชาการและผู้คนจำนวนหนึ่ง หลงเป็นแนวร่วมพลพรรค “แดงล้มเจ้า” โดยไม่รู้ทันเกมการเมือง-ล้มเจ้า แต่ก็มีนักวิชาการและสื่อมวลชนอีกกลุ่มหนึ่ง ที่มีวาระซ่อนเร้น-จงใจใช้งานเชิงวิชาการบิดเบือน ให้ร้ายป้ายสีผู้นำสถาบันสูงสุด ตามแผนล้มเจ้าของ “หน้าเหลี่ยม” ผสมผสานอยู่ด้วย
ผู้คนจึงเชื่อว่า..นักวิชาการชั่วพวกนี้กับ“หน้าเหลี่ยม” เป็นพวกเดียวกัน?
ยิ่งนึกถึงเรื่องราวก่อนหน้านี้ที่ “หน้าเหลี่ยม” เคยปฏิเสธอย่างหน้าด้านๆ ว่า
“คนเสื้อแดง” กับ “คนหน้าเหลี่ยม” ไม่ได้เกี่ยวข้องกัน แต่ความจริงก็คือความจริง วันนี้..ทุกอย่างชัดแจ้งแล้วว่า “หน้าเหลี่ยม” เป็นหัวหน้าใหญ่ดูแลทั้งลาภ-ยศ-เงินทอง และบงการให้ “กองทัพเสื้อแดง” ทำลายชาติไทยมาโดยตลอด
“เหลี่ยม-แดง-แดง-เหลี่ยม” เป็นพวกเดียวกัน แยกกันไม่ออกเสมือน “ผี” กับ “โลง” ครับ!
นักวิชาการล้มเจ้าบางกลุ่มก็คือ “แดงล้มเจ้า” สมาชิกใน “กองทัพแดง” ที่กำลังทำงานทั้งลับและเปิดเผยให้ “หน้าเหลี่ยม” นั่นเอง
งานนี้..จะยกเลิกกฎหมายอาญามาตรา 112 เพื่อเป็นบันไดขั้นแรกในการล้มเจ้า..ก็บอกมาตรงๆ เหอะ.. ใครไม่รู้..ก็โครตโง่แล้วครับ..จริงไหม?
ทุกวันนี้ “หน้าเหลี่ยม” ทำที “ตีสองหน้า-ปากว่าตาขยิบ” คิดว่าคนไทยโง่-ไม่รู้ทันเล่ห์ร้ายตน แต่ด้วยความเป็นเผด็จการบ้าอำนาจและ “เอาแต่ได้” จึงขาดความชอบธรรมในการเคลื่อนไหวไปโดยปริยาย
ต้องการจะล้างความผิดตนและพวกพ้อง จึงเปลี่ยนคำ “นิรโทษกรรม” เป็น“ปรองดอง” และเพื่อจะลดการต่อต้านจากผู้คนในสังคม จึงดึงเอาหัวหน้าคณะรัฐประหารตน มาเป็นประธานฯ การ “ปรองดอง” เสียเลย
จากนั้นก็ใช้กลยุทธ์นิรโทษกรรมทุกฝ่าย ทั้งๆ ที่ความผิดของ “หน้าเหลี่ยม” กับคนเสื้อแดง ในคดีเผาบ้านเผาเมืองและก่อการร้าย ฆ่าทหารและประชาชนเป็นจำนวนมากนั้น มิใช่คดีทางการเมือง..แต่เป็นคดีอาญาโทษร้ายแรงถึงขั้นประหารชีวิต
ทว่า “หน้าเหลี่ยม” ก็ไม่วางใจ “พล.อ.สนธิ” ที่ทำรัฐประหารตนแล้วยังกล้าเสนอหน้ามาเป็นประธานฯ “ปรองดอง” ให้กับตน เพราะขืนวางใจร้อยเปอร์เซ็นต์ อาจพลาดพลั้งได้
“หน้าเหลี่ยม” ที่ติดนิสัยเอาแต่ได้ จึงยังใช้นายคณิต ณ นคร และ นายอุกฤษ มงคลนาวิน เดินเกมหาทางให้ตนหลุดพ้นจากความผิดทั้งปวงไปด้วย
การ “ปรองดองอันจอมปลอม” นี้ จึงไม่แยแสตัวบทกฎหมาย ไม่สนใจความถูก-ผิดใดๆ ทั้งสิ้น มุ่งแต่จะช่วยนักโทษหนีคุกคนเดียวให้ได้ จนกลายเป็นต้นเหตุความแตกแยกของคนในชาติอย่างใหญ่หลวงอยู่ในขณะนี้
“หน้าเหลี่ยม” ยัง “ตีสองหน้า-ปากว่าตาขยิบ” ลวงหลอกว่า “รักเจ้า” ทว่า..รัฐบาลเครือข่าย “หน้าเหลี่ยม” ก็ไม่เคยเอาจริงเอาจัง-เอาผิดหรือลงโทษพวกล้มเจ้าเลย
ทำให้ขบวนการล้มเจ้าเติบใหญ่ เหิมเกริมกับการให้ร้ายป้ายสี “ในหลวง-พระราชินี” อย่างต่อเนื่อง อีกทั้งยังส่งเสริมสนับสนุนพวกล้มเจ้าบางคน ให้เป็นที่ปรึกษารัฐมนตรีหรือเป็นถึงรัฐมนตรีอีกด้วย
จนผู้คนถึงบางอ้อว่า “หน้าเหลี่ยม” ไม่รักเจ้า แต่รักพวกล้มเจ้า..นี่หว่า?
“หน้าเหลี่ยม” ก็รู้อยู่แก่ใจว่า คนไทยส่วนใหญ่ในชาติ “รักในหลวง” ยิ่งชีวิต แต่ “หน้าเหลี่ยม” กลับปล่อยให้คนในเครือข่ายออกมาเคลื่อนไหวให้ยกเลิกกฎหมายอาญามาตรา 112 อย่างต่อเนื่อง
ทั้งนี้ก็เพื่อขบวนการล้มเจ้าจะได้ให้ร้ายพระมหากษัตริย์อย่างอิสระเสรี โดยไม่มีกฎหมายลงโทษพวกล่วงละเมิดพระมหากษัตริย์ ซึ่งเป็นบันไดขั้นแรกที่บั่นทอนความมั่นคง ก่อนจะโค่นล้มสถาบันสูงสุดของชาติในอนาคตนั่นเอง
กฎหมายอาญามาตรา 112 ไม่ได้ทำให้คนส่วนใหญ่เดือดร้อน แต่ใครหน้าไหนก็ตามที่รู้ว่า การหมิ่น “พระมหากษัตริย์” ผิดกฎหมาย แต่ยังจงใจทำความผิดดังกล่าวอีก คนส่วนน้อยในสังคมเหล่านั้น จึงต้องเดือดร้อนกับโทษทัณฑ์ที่ตนก่อเป็นธรรมดา เพราะกฎหมาย-ก็คือ-กฎหมาย กฎหมายเป็นกติกาของทุกสังคมในโลก!
การที่เครือข่ายคน “หน้าเหลี่ยม” ออกมาเคลื่อนไหวให้ยกเลิกกฎหมายอาญามาตรา 112 จึงมิใช่การเรียกร้องที่ถูกที่ควร หากแต่เป็นกลเกมการเมืองชั่วร้าย ที่มุ่งบั่นทอนโค่นล้มพระมหากษัตริย์โดยตรง
ถึงขนาดมีการเสนอให้ “ห้ามในหลวงมีพระราชดำรัสสดๆ” อีกด้วย!
ประเทศทุกแห่งในโลก มีกฎหมายห้ามล่วงละเมิดสิทธิบุคคลและส่วนรวม แต่เครือข่าย “หน้าเหลี่ยม” กลับมาเสนอให้ยกเลิกกฎหมายหมิ่นพระมหากษัตริย์ และยังเป็นเผด็จการถึงขนาดห้าม “ในหลวงมีพระราชดำรัสสดกับพสกนิกร!”
แน่นอน..ทุกสังคมโลกมีหลักการตรงกันว่า กฎหมายทุกกฎหมาย..แก้ไขหรือยกเลิกได้ หากกฎหมายนั้น..ไม่สอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบันและอนาคต หรือเป็นกฎหมายที่ไม่ยุติธรรมต่อคนส่วนใหญ่ ฯลฯ
แต่มิใช่ยกเลิกกฎหมายที่ดีที่เป็นประโยชน์ต่อคนส่วนใหญ่และชาติบ้านเมืองรัฐบาลและรัฐสภาจะต้องไม่แก้ หรือยกเลิกกฎหมายเพื่อใครคนใดคนหนึ่งกับพวกพ้องโดยเด็ดขาด
อย่างไรก็ตาม..ทุกกฎหมายล้วนประสบปัญหา มีผู้ใช้กฎหมาย-ใช้กฎหมายโดยไม่ถูกต้องชอบธรรมทั้งสิ้น
ทว่ามิใช่ยกปัญหา..คนไม่ดี-ใช้กฎหมายไม่ชอบธรรม-ซึ่งเป็นคนส่วนน้อย และผู้ได้รับความไม่ยุติธรรมจากผู้ใช้กฎหมาย-ที่เป็นคนส่วนน้อย หรือคนทำผิดกฎหมาย-ที่เป็นคนส่วนน้อย มายกอ้างเป็นตัวอย่างเพื่อยกเลิกกฎหมาย ที่คนส่วนใหญ่พึงพอใจและไม่เคยเดือดร้อน..ใช่ไหมล่ะ?
อากง-ทำผิดกฎหมายและเป็นคนส่วนน้อยใช่ไหม? จะเปิดนมหมดอายุกี่เต้ากี่ครั้ง ก็ไร้เหตุผลจะยกเลิกกฎหมายอาญามาตรา 112 ที่คนส่วนใหญ่พอใจและไม่เคยเดือดร้อนได้หรอก “คำผกาอาลัย” เอ๋ย
แน่นอน..มีนักวิชาการและผู้คนจำนวนหนึ่ง หลงเป็นแนวร่วมพลพรรค “แดงล้มเจ้า” โดยไม่รู้ทันเกมการเมือง-ล้มเจ้า แต่ก็มีนักวิชาการและสื่อมวลชนอีกกลุ่มหนึ่ง ที่มีวาระซ่อนเร้น-จงใจใช้งานเชิงวิชาการบิดเบือน ให้ร้ายป้ายสีผู้นำสถาบันสูงสุด ตามแผนล้มเจ้าของ “หน้าเหลี่ยม” ผสมผสานอยู่ด้วย
ผู้คนจึงเชื่อว่า..นักวิชาการชั่วพวกนี้กับ“หน้าเหลี่ยม” เป็นพวกเดียวกัน?
ยิ่งนึกถึงเรื่องราวก่อนหน้านี้ที่ “หน้าเหลี่ยม” เคยปฏิเสธอย่างหน้าด้านๆ ว่า
“คนเสื้อแดง” กับ “คนหน้าเหลี่ยม” ไม่ได้เกี่ยวข้องกัน แต่ความจริงก็คือความจริง วันนี้..ทุกอย่างชัดแจ้งแล้วว่า “หน้าเหลี่ยม” เป็นหัวหน้าใหญ่ดูแลทั้งลาภ-ยศ-เงินทอง และบงการให้ “กองทัพเสื้อแดง” ทำลายชาติไทยมาโดยตลอด
“เหลี่ยม-แดง-แดง-เหลี่ยม” เป็นพวกเดียวกัน แยกกันไม่ออกเสมือน “ผี” กับ “โลง” ครับ!
นักวิชาการล้มเจ้าบางกลุ่มก็คือ “แดงล้มเจ้า” สมาชิกใน “กองทัพแดง” ที่กำลังทำงานทั้งลับและเปิดเผยให้ “หน้าเหลี่ยม” นั่นเอง
งานนี้..จะยกเลิกกฎหมายอาญามาตรา 112 เพื่อเป็นบันไดขั้นแรกในการล้มเจ้า..ก็บอกมาตรงๆ เหอะ.. ใครไม่รู้..ก็โครตโง่แล้วครับ..จริงไหม?