ผู้นำฝ่ายค้านชี้รัฐบาลแทงกั๊กแก้ รธน.ทำสังคมสับสน แนะรัฐบาลอย่าสองมาตรฐานจ่ายเยียวยาเฉพาะเสื้อแดง เพิ่มความขัดแย้ง ระบุรัฐบาลต้องใช้งบ 3 หมื่นล้านเยียวยาคน 3 จว.ภาคใต้เน้นความเสมอภาค
วันนี้ (25 ม.ค.) นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร กล่าวถึงการแก้ไขรัฐธรรมนูญว่า ความสับสนที่เกิดขึ้นในขณะนี้เพราะรัฐบาลไม่มีความชัดเจนว่าจะใช้แนวทางใด ซึ่งสังคมควรจะได้รับรู้เพื่อให้ความเห็นและเข้าไปมีส่วนร่วม แต่ขณะนี้รัฐบาลยังไม่มีคำตอบจึงเป็นเรื่องของรัฐบาลเพราะเป็นนโยบายที่รัฐบาลกำหนดไว้
ส่วนการเคลื่อนไหวของกลุ่มนิติราษฎร์นั้น นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า อยากให้พรรคเพื่อไทยยืนยันเหมือนที่ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี ยืนยันทุกวันว่าจะไม่ดำเนินการแก้ไขกฎหมายอาญามาตรา 112 ประเด็นก็จะจบ ไม่เช่นนั้นก็จะสร้างปมความขัดแย้งโดยไม่เกิดประโยชน์อะไร รวมถึงการตั้งนายเธนศวร์ เจริญเมือง ซึงเป็นหนึ่งในคณะกรรมการรณรงค์แก้ไขกฎหมายอาญามาตรา 112 เป็นที่ปรึกษานายศักดา คงเพชร รมช.ศึกษาธิการ คนที่ตั้งต้องรับผิดชอบและต้องดูว่าผู้ที่ได้รับแต่งตั้งเข้าไปเป็นอย่างไร
นายอภิสิทธิ์กล่าวด้วยว่า รัฐบาลอ้างถึงข้อเสนอของ คอป.ในส่วนที่เป็นประโยชน์กับตัวเอง แต่ไม่เคยพูดถึงข้อเสนอส่วนอื่นๆ ที่ให้รัฐบาลลดความขัดแย้งในสังคม ซึ่งหาก ร.ต.อ.เฉลิม สามารถทำให้พรรคเพื่อไทยเดินไปในทิศทางเดียวกันได้ก็จะตัดประเด็นความยัดแย้งได้ และอยากให้ ปคอป.ชี้แจงด้วยว่าข้อเสนอของ คอป.มีอะไรบ้างที่ยังไม่ได้ทำ ต้นตอความขัดแย้งที่เกิดจากคดีซุกหุ้นของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร จะเนินการอย่างไรให้เกิดความเข้าใจในเรื่องนี้
“ในเรื่องการเยียวยาก็เช่นเดียวกัน คอป.หลายคนออกมายืนยันแล้วว่าไม่ได้เป็นผู้เสนอตัวเลข 7.75 ล้านบาท ซึ่งปัญหาไม่ได้อยู่ที่ตัวเลขอย่างเดียวแต่เป็นเรื่องของหลักการด้วย ที่อ้างอิงหลักของสหประชาชาตินั้น ความจริงหลักของสหประชาชาติก็เขียนเพียงว่า คนที่ได้รับการยอมรับว่าถูกละเมิดสิทธิขั้นพื้นฐานตามรัฐธรรมนูญควรจะได้รับการเยียวยา เพราะฉะนั้นรัฐบาลและคณะกรรมการที่กำลังจะไปจ่ายเงินควรต้องดูตรงนี้ด้วย รัฐบาลต้องดำเนินการตามหลักการของ คอป. แต่ถ้าไม่ทำตามนี้รัฐบาลต้องรับผิดชอบและจะอ้าง คอป.ไม่ได้” นายภิสิทธิ์กล่าว
ผู้นำฝ่ายค้านฯ กล่าวด้วยว่า คอป.ต้องคำนึงถึงวัตถุประสงค์หลักของการมี คอป. คือ เป็นส่วนหนึ่งของการสร้างความปรองดอง ช่วยกันลดความขัดแย้ง อะไรที่ทำแล้วจะขัดแย้งมากขึ้นต้องไม่ทำ จึงอยากให้ คอป.ยืนยันให้หนักแน่นในเรื่องนี้ด้วย ส่วนข้าราชการที่เข้าไปทำหน้าที่ในฐานะอนุกรรมการจ่ายเงินเยียวยานั้น จะต้องระมัดระวังอย่าดำเนินการนอกเหนือจากขอบเขตของกฎระเบียบ เพราะตนเชื่อว่าจะมีปัญหาข้อกฎหมาย ถ้ารัฐบาลรับหลักการว่าจะจ่ายเงินกับคนที่จงใจทำความผิด
ส่วนกรณีที่รัฐบาลระบุว่าจะมีการเยียวยาผู้สูญเสียจากเหตุความไม่สงบในจังหวัดภาคใต้ด้วยหลักเกณฑ์เดียวกันนั้น ผู้นำฝ่ายค้านกล่าวว่า หากรัฐบาลจะดำเนินการจริงต้องใช้เงินกว่า3หมื่นล้านบาท ซึ่งรัฐบาลต้องตัดสินใจว่านี่คือสิ่งที่จะทำหรือไม่ เพราะจะมีปัญหาตามมาอีกมาก เนื่องจากยังมีอีกหลายเหตุการณ์ที่ประชาชนรู้สึกว่าเป็นเหยื่อจากการบริหารของรัฐบาล เช่น เหตุการณ์น้ำท่วม การฆ่าตัดตอนยาเสพติด แล้วปัญหานี้จะไปจบที่ตรงไหน
“การเยียวยาต้องทำอย่างเสมอภาค และต้องไม่ให้คนที่จงใจทำผิดและไม่ได้ใช้สิทธิตามรัฐธรรมนูญ แต่ถ้ารัฐบาลเจาะจงเฉพาะกลุ่มคนเสื้อแดงก็ไม่ถูกต้อง และอย่าคิดว่าจะจบง่ายๆ เพราะที่ผ่านมาการแก้ปัญหาภาคใต้ไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะมีเรื่องความไม่เป็นธรรมของรัฐเข้ามาเกี่ยวข้อง หากรัฐไม่ทำเรื่องนี้ให้เกิดความเท่าเทียมกันก็จะเป็นแต้มสะสมทำให้ปัญหาภาคใต้แก้ไขยากขึ้น รวมถึงการย้ายผู้ต้องขังไปอยู่คุกพิเศษก็ต้องยึดหลักการเดียวกัน สิ่งที่ทำอยู่วันนี้จะเกิดปัญหา เพราะคนที่เขาไม่เรียกร้องแต่อยู่ในสถานะที่ควรได้ตามหลักการนี้ แล้วเรื่องจะไปจบตรงไหน สุดท้ายสิ่งที่กำลังจะเกิดคือการแบ่งแยกมากขึ้น ทำให้เกิดสองมาตรฐาน เกิดความขัดแย้งเพิ่มขึ้น ต้องทบทวน”
นายอภิสิทธิ์ยังกล่าวถึงการแต่งตั้งนายผดุง ลิ้มเจริญรัตน์ คนใกล้ชิด พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เป็น เลขานุการ รมว.มหาดไทย ว่าเป็นสิทธิ์ของรัฐบาล แต่จะเหมาะสมหรือไม่เป็นอีกเรื่องหนึ่ง ที่สำคัญคือต้องติดตามว่าการทำงานทำเพื่อประโยชน์ของใคร เพราะวันนี้ที่ห่วงมากที่สุดคือ รัฐบาลละเลยปัญหาหลักของประชาชน แต่มุ่งตอบโจทย์เฉพาะคนบางกลุ่ม โดยในทางเศรษฐกิจมีความชัดเจนมากทั้งในเรื่องการแปรรูป ปตท. หรือการตบแต่งบัญชีที่กำลังเกิดขึ้นในทางเทคนิค ทั้งหมดเป็นการปูทางไปสู่การให้คนกลุ่มเล็กๆ กลุ่มหนึ่งได้ประโยชน์ในทางธุรริจมากกว่าผลประโยชน์ของประชาชน โดยเฉพาะเรื่อง ปตท. กระทบทั้งเรื่องความมั่นคงของพังงาน นโยบายในการดูแลความเป็นธรรมในเรื่องพลังงาน ซึ่งกระทบราคาสินค้าของประชาชนด้วย
วันนี้ (25 ม.ค.) นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร กล่าวถึงการแก้ไขรัฐธรรมนูญว่า ความสับสนที่เกิดขึ้นในขณะนี้เพราะรัฐบาลไม่มีความชัดเจนว่าจะใช้แนวทางใด ซึ่งสังคมควรจะได้รับรู้เพื่อให้ความเห็นและเข้าไปมีส่วนร่วม แต่ขณะนี้รัฐบาลยังไม่มีคำตอบจึงเป็นเรื่องของรัฐบาลเพราะเป็นนโยบายที่รัฐบาลกำหนดไว้
ส่วนการเคลื่อนไหวของกลุ่มนิติราษฎร์นั้น นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า อยากให้พรรคเพื่อไทยยืนยันเหมือนที่ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี ยืนยันทุกวันว่าจะไม่ดำเนินการแก้ไขกฎหมายอาญามาตรา 112 ประเด็นก็จะจบ ไม่เช่นนั้นก็จะสร้างปมความขัดแย้งโดยไม่เกิดประโยชน์อะไร รวมถึงการตั้งนายเธนศวร์ เจริญเมือง ซึงเป็นหนึ่งในคณะกรรมการรณรงค์แก้ไขกฎหมายอาญามาตรา 112 เป็นที่ปรึกษานายศักดา คงเพชร รมช.ศึกษาธิการ คนที่ตั้งต้องรับผิดชอบและต้องดูว่าผู้ที่ได้รับแต่งตั้งเข้าไปเป็นอย่างไร
นายอภิสิทธิ์กล่าวด้วยว่า รัฐบาลอ้างถึงข้อเสนอของ คอป.ในส่วนที่เป็นประโยชน์กับตัวเอง แต่ไม่เคยพูดถึงข้อเสนอส่วนอื่นๆ ที่ให้รัฐบาลลดความขัดแย้งในสังคม ซึ่งหาก ร.ต.อ.เฉลิม สามารถทำให้พรรคเพื่อไทยเดินไปในทิศทางเดียวกันได้ก็จะตัดประเด็นความยัดแย้งได้ และอยากให้ ปคอป.ชี้แจงด้วยว่าข้อเสนอของ คอป.มีอะไรบ้างที่ยังไม่ได้ทำ ต้นตอความขัดแย้งที่เกิดจากคดีซุกหุ้นของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร จะเนินการอย่างไรให้เกิดความเข้าใจในเรื่องนี้
“ในเรื่องการเยียวยาก็เช่นเดียวกัน คอป.หลายคนออกมายืนยันแล้วว่าไม่ได้เป็นผู้เสนอตัวเลข 7.75 ล้านบาท ซึ่งปัญหาไม่ได้อยู่ที่ตัวเลขอย่างเดียวแต่เป็นเรื่องของหลักการด้วย ที่อ้างอิงหลักของสหประชาชาตินั้น ความจริงหลักของสหประชาชาติก็เขียนเพียงว่า คนที่ได้รับการยอมรับว่าถูกละเมิดสิทธิขั้นพื้นฐานตามรัฐธรรมนูญควรจะได้รับการเยียวยา เพราะฉะนั้นรัฐบาลและคณะกรรมการที่กำลังจะไปจ่ายเงินควรต้องดูตรงนี้ด้วย รัฐบาลต้องดำเนินการตามหลักการของ คอป. แต่ถ้าไม่ทำตามนี้รัฐบาลต้องรับผิดชอบและจะอ้าง คอป.ไม่ได้” นายภิสิทธิ์กล่าว
ผู้นำฝ่ายค้านฯ กล่าวด้วยว่า คอป.ต้องคำนึงถึงวัตถุประสงค์หลักของการมี คอป. คือ เป็นส่วนหนึ่งของการสร้างความปรองดอง ช่วยกันลดความขัดแย้ง อะไรที่ทำแล้วจะขัดแย้งมากขึ้นต้องไม่ทำ จึงอยากให้ คอป.ยืนยันให้หนักแน่นในเรื่องนี้ด้วย ส่วนข้าราชการที่เข้าไปทำหน้าที่ในฐานะอนุกรรมการจ่ายเงินเยียวยานั้น จะต้องระมัดระวังอย่าดำเนินการนอกเหนือจากขอบเขตของกฎระเบียบ เพราะตนเชื่อว่าจะมีปัญหาข้อกฎหมาย ถ้ารัฐบาลรับหลักการว่าจะจ่ายเงินกับคนที่จงใจทำความผิด
ส่วนกรณีที่รัฐบาลระบุว่าจะมีการเยียวยาผู้สูญเสียจากเหตุความไม่สงบในจังหวัดภาคใต้ด้วยหลักเกณฑ์เดียวกันนั้น ผู้นำฝ่ายค้านกล่าวว่า หากรัฐบาลจะดำเนินการจริงต้องใช้เงินกว่า3หมื่นล้านบาท ซึ่งรัฐบาลต้องตัดสินใจว่านี่คือสิ่งที่จะทำหรือไม่ เพราะจะมีปัญหาตามมาอีกมาก เนื่องจากยังมีอีกหลายเหตุการณ์ที่ประชาชนรู้สึกว่าเป็นเหยื่อจากการบริหารของรัฐบาล เช่น เหตุการณ์น้ำท่วม การฆ่าตัดตอนยาเสพติด แล้วปัญหานี้จะไปจบที่ตรงไหน
“การเยียวยาต้องทำอย่างเสมอภาค และต้องไม่ให้คนที่จงใจทำผิดและไม่ได้ใช้สิทธิตามรัฐธรรมนูญ แต่ถ้ารัฐบาลเจาะจงเฉพาะกลุ่มคนเสื้อแดงก็ไม่ถูกต้อง และอย่าคิดว่าจะจบง่ายๆ เพราะที่ผ่านมาการแก้ปัญหาภาคใต้ไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะมีเรื่องความไม่เป็นธรรมของรัฐเข้ามาเกี่ยวข้อง หากรัฐไม่ทำเรื่องนี้ให้เกิดความเท่าเทียมกันก็จะเป็นแต้มสะสมทำให้ปัญหาภาคใต้แก้ไขยากขึ้น รวมถึงการย้ายผู้ต้องขังไปอยู่คุกพิเศษก็ต้องยึดหลักการเดียวกัน สิ่งที่ทำอยู่วันนี้จะเกิดปัญหา เพราะคนที่เขาไม่เรียกร้องแต่อยู่ในสถานะที่ควรได้ตามหลักการนี้ แล้วเรื่องจะไปจบตรงไหน สุดท้ายสิ่งที่กำลังจะเกิดคือการแบ่งแยกมากขึ้น ทำให้เกิดสองมาตรฐาน เกิดความขัดแย้งเพิ่มขึ้น ต้องทบทวน”
นายอภิสิทธิ์ยังกล่าวถึงการแต่งตั้งนายผดุง ลิ้มเจริญรัตน์ คนใกล้ชิด พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เป็น เลขานุการ รมว.มหาดไทย ว่าเป็นสิทธิ์ของรัฐบาล แต่จะเหมาะสมหรือไม่เป็นอีกเรื่องหนึ่ง ที่สำคัญคือต้องติดตามว่าการทำงานทำเพื่อประโยชน์ของใคร เพราะวันนี้ที่ห่วงมากที่สุดคือ รัฐบาลละเลยปัญหาหลักของประชาชน แต่มุ่งตอบโจทย์เฉพาะคนบางกลุ่ม โดยในทางเศรษฐกิจมีความชัดเจนมากทั้งในเรื่องการแปรรูป ปตท. หรือการตบแต่งบัญชีที่กำลังเกิดขึ้นในทางเทคนิค ทั้งหมดเป็นการปูทางไปสู่การให้คนกลุ่มเล็กๆ กลุ่มหนึ่งได้ประโยชน์ในทางธุรริจมากกว่าผลประโยชน์ของประชาชน โดยเฉพาะเรื่อง ปตท. กระทบทั้งเรื่องความมั่นคงของพังงาน นโยบายในการดูแลความเป็นธรรมในเรื่องพลังงาน ซึ่งกระทบราคาสินค้าของประชาชนด้วย