เกาะกระแส
โดย...ก้อนกรวด
00 ถูกรุมสวดรุมโต้จนแทบไม่มีที่ยืนแล้วสำหรับ “กลุ่มนิติราษฎร์”ที่สร้าง “ปมเด่น” ทำเท่ด้วยการเสนอแก้ไขรัฐธรรมนูญแบบเปลี่ยนแปลงการปกครองให้ “เปลี่ยนแปลงสถาบันพระมหากษัตริย์” ศาล กองทัพและสถาบันการเมือง โดยเหิมเกริมถึงขั้นให้พระมหากษัตริย์ต้องสาบานก่อนรับตำแหน่งว่าจะพิทักษ์รักษา รธน. ซึ่งประเด็นหลังนี่แหละที่ทำให้ “ทุกคน”ขาดผึงหมดความอดทนทันที และงานนี้ต้องคาดคั้นให้ชัดจากรัฐบาลและคนของพรรคเพื่อไทยว่ายังเกี่ยวข้องกับพวกเด็กๆ เมื่อวานซืนเหล่านี้หรือไม่ ถ้ายัง “แอบหนุนหลัง” ก็ต้องรุมสหบาทาอย่าได้ยั้ง
00 เพิ่งรู้ข้อมูลจากบวรศักดิ์ อุวรรณโณ ประธานกรรมการสถาบันพระปกเกล้าว่า วรเจตน์ ภาคีรัตน์ ได้ทุนอานันทมหิดล มาด้วยแล้วก็ยิ่งสนับสนุนคำพูดที่ว่า น่าจะให้พวกที่รับทุนมหิดลต้องสาบานก่อนว่าจะไม่ทรยศเนรคุณต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ จะเหมาะสมกว่า อาจเป็นเพราะที่ผ่านมาไม่ได้สกรีนลักษณะความรับผิดชอบชั่วดีผลจึงออกมาอย่างที่เห็น อ้อ ยังมี นพดล ปัทมะ อีกคน ที่หลุดโลกไปก่อนแล้ว
00 ถึงเวลาที่สังคมต้องมาจัดการกับพวก “เด็กๆ” พวกนี้เสียที เพราะพฤติกรรมและคำพูดไม่ต่างจากพวกวัยรุ่นช่างกลที่ “สำคัญตัวเองผิด” คิดว่าถ้าได้ “วิจารณ์เจ้า” ด่าเจ้าโชว์แล้วถือว่าเท่ เป็นคนรุ่นใหม่ หัวก้าวหน้า เป็นการสร้างค่านิยม เป็นแฟชั่นให้เด็กๆ ได้ทำตาม ยิ่งใครเป็นอาจารย์ตามหาวิทยาลัยแล้วได้แสดงความคิดแบบนี้ออกมาก็ถือว่า “เหนือ” และคนพวกนี้ต้องมีบุคลิกแปลกๆให้เป็น “จุดเด่น” ถ้าเป็นนักเขียน(ตั้งตัวเอง) ก็ต้องสวนทางกับชาวบ้าน ซึ่งไม่ว่ากันแล้วแต่วิธีคิด วิธีสร้างราคาให้ตัวเอง แต่การอ้างว่าสถาบันพระมหากษัตริย์เป็นอุปสรรคต่อการพัฒนา เป็นอุปสรรคต่อเสรีภาพ ซึ่งมันคนละเรื่อง ในทางตรงข้ามถ้ามีอุปสรรคจริงก็คงไม่ได้ออกมาแสดงความทุเรศให้เห็นแบบนี้หรอก ตอนแรกกะจะไม่พูดถึง เพราะไม่ให้ราคา แต่มันกวนบาทาก็ต้องเอาซะหน่อย!!
00 ถอยกลับไปตั้งหลักอีกรอบกับเรื่องคิดฮุบรัฐวิสาหกิจสำคัญที่มีกำไร มีอนาคต แต่เป้าหมายหลักอย่าง ปตท. เพราะเป็นธุรกิจพลังงานที่มีกำไรมหาศาล ล่าสุด กิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกฯ และรมว.คลัง ก็เสียงอ่อยบอกว่ายังไม่รีบร้อนแปรรูปให้พ้นจากรัฐวิสาหกิจ ไม่ใช่ภายในปีสองปีนี้ หากชาวบ้านยังไม่เข้าใจก็ไม่ทำ ต่อให้ชาวบ้านเข้าใจก็ยิ่งไปให้ไกลๆ เลย ความหมายก็คือรัฐวิสาหกิจที่เกี่ยวกับสาธารณูปโภค และพลังงานต้องเป็นรัฐวิสาหกิจ และต้องเป็นของรัฐร้อยเปอร์เซ็นต์ด้วย ไม่ใช่ขายออกไปให้ “ทุนเอกชน”เข้าไปเอาเปรียบฟาดกำไรกันเละแบบนี้ และเพราะกำไรมหาศาลนี่เองจึงโลภไม่รู้จักพอ รุกคืบเข้ามาฮุบเข้ามาอย่างเบ็ดเสร็จ แต่มันไม่หมูหรอก และรู้กันอยู่ว่ามีคน “เหลี่ยมจัด” ชักใยอยู่เบื้องหลัง ถ้าไม่เชื่อก็ต้องถามคนชื่อ ทักษิณ ชินวัตร ว่าจริงหรือเปล่า
00 ที่จริงไม่น่าจะรีบถอย น่าจะใส่เกียร์เดินหน้าลุยให้เต็มที่รู้ดำรู้แดงกันไปเลย เพราะหากคิดว่าชาวบ้านได้ประโยชน์ ไม่ใช่ แม้วได้ประโยชน์ก็ถอยทำไม แต่เป็นเพราะคงมีการประเมินแล้วว่าเรื่องนี้ละเอียดอ่อน ถ้ายังขืนเดินหน้าก็อาจเสียหายเหมือนกับกรณี “ขายหุ้นชิน” โดยไม่เสียภาษีสักบาท มันกระทบความรู้สึกแบบ “สะสมแต้ม” มีสิทธิ์พังเอาง่ายๆ และในสภาพที่ราคาน้ำมันพุ่งกระฉูด ชาวบ้านเดือดร้อนเรื่องของแพง อารมณ์หงุดหงิดพาลระเบิดเอาง่ายๆ อีกทั้งยังมีเรื่องใหญ่คือ แก้ รธน.ให้ ทักษิณพ้นผิดจ่อรออยู่ ถึงว่าต้องจัดลำดับก่อน-หลัง ขืนเข้ามาพร้อมกัน พังนะวุ้ย เดี๋ยวจะหาว่าไม่เตือน!!