xs
xsm
sm
md
lg

ปฐมนิเทศ กกต.จังหวัดใหม่ เน้นซื่อสัตย์ ไม่เป็นกลางแต่ปาก

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

อภิชาต สุขัคคานนท์ (แฟ้มภาพ)
กกต.ปฐมนิเทศ กกต.จว.ใหม่ เน้นซื่อสัตย์ เป็นกลาง ปธ.กกต.แนะปฏิบัติตนเยี่ยงผู้พิพากษา ไม่ได้เป็นกลางแค่เพียงปาก ขณะที่ “ประพันธ์-สดศรี” บอกสนิทนักการเมืองได้แต่ต้องแยกแยะหน้าที่ ฉะนักวิชาการบิดเบือน ลั่นพร้อมพ้นตำแหน่งตาม รธน. 50 แก้ไข

วันนี้ ( 23 ม.ค.) คณะกรรมการการเลือกตั้งได้จัดปฐมนิเทศกกต.จังหวัดใหม่ทั้ง 63 แห่ง โดยนายอภิชาต สุขัคคานนท์ ประธานกกต. กล่าวตอนหนึ่งในการให้นโยบาย ว่า อยากเน้นให้ กกต.ใหม่ มีความซื่อสัตย์ สุจริต ยุติธรรมและเป็นกลาง ที่ถือเป็นหลังปฎิบัติใกล้เคียงกับผู้พิพากษา หากปฎิบัติตามหลักนี้จะอยู่ครบวาระ 4 ปีแน่นอน แต่การปฎิบัติไม่ใช่ทำแค่การพูด ต้องปฎิบัติตนให้สังคมไม่มีความหวาดระแวงในการปฎิบัติหน้าที่ เช่น ไม่ใช่พูดว่าตนเองซื่อสัตย์เป็นกลาง แต่กลับมีคนเห็นว่าไปนั่งกินข้าวกับจำเลย หากทำเช่นนี้ก็จะไม่มีใครเชื่อถือ จึงควรระมัดระวังเรื่องเกียรติภูมิของตนเองในสายตาของคนอื่น

นอกจากนี้อยากให้ กกต.จังหวัดเข้าใจว่า การให้ใบเหลืองใบแดงไม่ถือเป็นที่สุด มีหลายครั้งที่ กกต.จังหวัดเสนอมายัง กกต.กลางให้มีการให้ใบแดงกับผู้สมัคร แต่เมื่อ กกต.กลางวินิจฉัยก็เห็นตรงกันข้าม พอประกาศออกไปคนในพื้นที่ระบุว่ารับไม่ได้กับการทำงานของ กกต. ซึ่งข้อเท็จจริงแล้ว บางครั้งการสืบสวนสอบสวนของจังหวัดก็มีข้อบกพร่อง ไม่เป็นไปตามระเบียบ ซึ่งอยากให้ กกต.จังหวัดมีความรอบครอบในเรื่องของการดูแลจัดทำสำนวน และคิดว่าทำให้เต็มที่ หากผลออกมาเป็นอย่างไรก็ให้ยอมรับ เพราะ กกต.กลางยืนยันได้ว่าไม่มีใครมาวิ่งเต้นได้ มาสั่งได้ เป็นอิสระในการพิจารณาตัดสิน หลักปฎิบัติเหล่านี้ถ้าเรายึดถือไว้ได้ก็จะไม่ใครมาเลิก หรือมาเปลี่ยนแปลงองค์กร กกต.ได้ อย่างไรก็ตามแม้ขณะนี้จะเสร็จสิ้นการเลือกตั้ง ส.ส.ไปแล้ว ก็ไม่อยากให้ประมาท เพราะก็มีการพูดกันว่าอาจจะมีการเลือกตั้ง ส.ส.ก่อนครบวาระก็เป็นได้

“ขนาดพระที่มารับบาตรในวันเกิดของคุณแม่ผมที่ครบ 97 ปี วันนี้ ยังเป็นห่วงและบอกว่าสถานการณ์ยังไม่ปกติ ปีนี้หรือปีหน้าอาจจะต้องมีการเลือกตั้ง และปัญหาน้ำท่วมขึ้นอีก พระท่านก็ทราบว่าผมเป็นประธาน กกต.ก็เลยเหมือนอยากจะให้ผมเตรียมตัวให้พร้อม”

จากนั้นนายประพันธ์ นัยโกวิท กกต.ด้านบริหารการเลือกตั้ง กล่าวว่ารัฐธรรมนูญบัญญัติให้คนจะเป็น กกต.ต้องเป็นกลางทางการเมือง สุจริต เที่ยงธรรม และในประมวลจริยธรรมของ กกต.จังหวัด ก็เขียนไว้ในทำนองเดียวกัน จึงถือว่าความสุจริตเที่ยงธรรมและเป็นกลาง เป็นหัวใจหลักสำคัญของคนเป็น กกต.จังหวัด ที่ผ่านมา ถูกสื่อมวลชนถามบ่อย ว่า กกต.จังหวัดใกล้ชิดพื้นที่จะมีความเป็นกลางจริงหรือ ก็คิดว่าถ้า กกต.จังหวัดไม่รู้จักคนใหญ่คนโตของจังหวัดเลยก็ถือว่าเป็นคนที่ใช้ไม่ได้ เพราะการรู้จักกันเป็นเรื่องธรรมดา แต่ต้องรู้จักแยกแยะหน้าที่ให้ถูก

“ในตอนที่ผมได้รับการเสนอชื่อเป็น กกต. ก็ถูกกรรมาธิการตรวจสอบประวัติ ของวุฒิสภา ถามรู้จักนักการเมืองหรือไม่ ก็บอกว่ารู้จักเยอะ แต่รู้จักที่จะแยกแยะระหว่างความรู้จักกับการปฎิบัติหน้าที่ นอกจากนี้อยากให้ กกต.จังหวัดพึงยึดถือว่าตนเองเปรียบเสมือนตัวแทนของประชาชนในจังหวัดนั้นๆ ที่เข้ามาทำหน้าที่ในการเลือกคนดีเข้ามาบริหารประเทศ เพราะตอนที่มีการยก ร่าง พ.ร.บ.กกต.จังหวัด ก็มีการเสนอว่าไม่ควรมี กกต.จังหวัด แต่ผมก็ได้พยายามทักท้วง โดยยกหลักว่าคัดเลือกมาจากตัวแทนของประชาชนในจังหวัด เพื่อมาทำหน้าที่เลือก ส.ส. ส.ว. และสมาชิกองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นจนสภาฯเห็นถึงความสำคัญและให้คง กกต.จังหวัดไว้”

นายประพันธ์ ยังกล่าวแสดงความเป็นห่วงการเลือกตั้งท้องถิ่นในปีนี้ที่มีถึง 3,116 แห่ง ว่าอยากให้ กกต.จังหวัดทำความเข้าใจกับผู้สมัคร เพื่อลดเรื่องร้องเรียน เพราะถ้ามีการร้องเรียนแห่งละ 1 เรื่องก็จะมีเรื่องร้องเรียนทั้งหมดกว่า 3,000 เรื่อง รวมทั้งหากทุกแห่งเป็นอย่างการเลือกตั้ง อบจ.บุรีรัมย์ที่มีการร้องเรียน 3 เรื่อง ก็จะมีเรื่องร้องเรียนกว่า 9,000 เรื่อง ซึ่งจะทำให้เกิดปัญหาในเรื่องการบริหารงาน รวมทั้งอยากดูแลในเรื่องการแข่งขันรุนแรงที่อาจจะถึงชีวิต โดยขณะนี้สำนักงานตำรวจแห่งชาติได้มีการตั้ง พล.ต.อ.พงศพัฒน์ พงศ์เจริญ เป็นผู้อำนวยการศูนย์รักษาความสงบเรียบร้อยการเลือกตั้งองค์การบริหารส่วนท้องถิ่นแล้ว ตนก็จะได้มีการพูดคุยเพื่อขอให้ดูแลการเลือกตั้งท้องถิ่นให้เป็นไปด้วยความเรียบร้อย

นายประพันธ์ ยังขอให้ กกต.จังหวัดเร่งรณรงค์ให้ประชาชน ออกมาใช้สิทธิ์การเลือกตั้งท้องถิ่นให้มาก และให้ความสำคัญกับการลงไปดูแลการจ่ายอุปกรณ์ก่อนวันเลือกตั้ง เพราะมีรายละเอียดในบางเรื่องที่ตกหล่น และถูกนำมาเป็นเรื่องร้องเรียน เช่นการลืมปั๊มตราในบัตรเลือกตั้ง ซึ่งทีผ่านมาศาลอุทธรณ์เคยมีคำสั่งให้เลือกตั้งใหม่มาแล้ว เพราะถือว่าเป็นเหตุให้การเลือกตั้งไม่สุจริต

นางสดศรี สัตยธรรม กกต.ด้านกิจการพรรคการเมือง กล่าวว่า กกต.ชุดนี้อยู่มา 6 ปีกว่า อยู่มาด้วยความเหน็ดเหนื่อย และหลีกเลี่ยงไม่ได้เรื่องผลกระทบทางการเมือง เพราะเราอยู่ใกล้กับนักการเมือง กกต.จังหวัดที่พึ่งได้รับตำแหน่งอยู่ในจังหวัดก็ต้องรู้จักนักการเมืองของจังหวัด ซึ่งถือว่าเป็นเรื่องธรรมดา อาจจะสนิทสนมกันมาก่อน หรือรู้จักกันในฐานะผู้ใต้บังคับบัญชา แต่สิ่งหนึ่งที่ต้องระวังคือต้องแยกแยะระหว่างความสัมพันธ์กับหน้าที่ เพราะตำแหน่ง กกต.จังหวัดจะถูกจับจ้อง ว่าจะเป็นกลางแค่ไหนหรือเป็นคนของใคร

“ตอนคัดเลือก กกต.จังหวัดชุดนี้ หลายจังหวัดที่อนุกรรมการสรรหาของจังหวัดเสนอมา 15 คน ถูกสำนักงานข่าวกรอง สันติบาล ระบุเลยว่าเป็นคนของเสี่ยคนนั้นคนนี้ ทำให้ กกต.กลางไม่รู้จะเลือกใครดี และขอบัญชีรายชื่อผู้สมัครทั้งหมดไปทำการศึกษา เพราะหวังว่าจะเลือกนอกบัญชีได้ แต่เมื่อมาดูระเบียบการสรรหาแล้วเห็นว่าถ้าเลือกนอกบัญชีจะถูกร้องเรียนว่าปฎิบัติหน้าที่มิชอบ จึงต้องเลือกในบัญชี ซึ่งต่อไปคงจะต้องมีการแก้ไขระเบียบ เพื่อให้ กกต.กลางสามารถเลือกคนที่ดีที่สุดมาเป็น กกต.จังหวัด”

นางสดศรี ยังกล่าวกับกกต.จังหวัดว่า กกต.จังหวัดได้รับการสรรหามาเป็นเครื่องมือของ กกต.กลาง เวลานี้มีการพูดดูถูกเหยียดหยาม กกต.กลางจากนักวิชาการ ซึ่งตนเคยอธิบายถึงที่มาของ กกต.กลางชุดนี้ไปหลายครั้งแล้ว แต่ก็ไม่เข้าใจ ว่าเรามาจากที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกา ตามรัฐธรรมนูญปี 40 ถูกต้องทุกอย่าง แต่มาเกิดปฎิวัติ คมช.จึงได้เสนอชื่อเรามาเป็น กกต. การทำงานที่ผ่านมา เป็นไปตามนิติรัฐ แต่นักวิชาการที่พูดก็พยายามปิดเบือน บอกว่ามาจาก คมช. ถ้าพูดอย่างนี้ ขอถามว่า ส.ส. ส.ว.ที่มาจาการเลือกตั้งของ กกต.ชุดนี้ ยังมีหน้าจะมาเป็น ส.ส. ส.ว.อีกหรือ ถ้าจะพูดให้แรงต้องบอกว่า

“ถ้าพ่อแม่มันไม่ดี ลูกมันก็ต้องไม่ดี ดังนั้นอยากจะเตือนนักวิชาการที่ออกมาพูดว่าจะพูดอะไรต้องมีเหตุมีผล ซึ่งหากมีใครมาพูดเช่นนี้ในจังหวัด ก็ขอให้ตอบโต้ไป เพราะ กกต.จังหวัดชุดนี้ต้องถือว่ามีศักดิ์ศรี มาจากรัฐธรรมนูญปี 50 ต่อให้ยกเลิกรัฐธรรมนูญปี 50 ก็จะมีแต่ กกต.กลางที่อาจจะพ้นไป แต่ กกต.จังหวัดได้รับการสรรหามาถูกต้อง มีกฎหมายรองรับ จึงไม่ต้องกลัว”

นางสดศรี ยังกล่าวว่าขณะนี้การเมืองอยู่ในลักษณะไม่นิ่ง มีการพูดว่าหน่วยงานนั้น หน่วยงานนี้ไม่ชอบ ก็อยากให้คนพูดดูตัวเองว่าชอบไหม สื่อฯชอบมาถามว่ากลัวหรือไม่ว่าหากมีการแก้ไขรัฐธรรมนูญแล้วจะต้องหลุดจากตำแหน่ง ตนของบอกเลยว่าไม่กลัว เพราะหลุดตอนนี้ หรือรอให้พ้นวาระปี 57 ก็ไม่ต่างกัน ขอบอกเลยว่าเรายินดีที่จะไปตามรัฐธรรมนูญฉบับแก้ไข เราเป็นข้าราชการบำนาญยังพอมีเงินหลวงเลี้ยงตัวอยู่บ้าง ยินดีให้มี กกต.ชุดใหม่มาแทน แต่ไม่อยากให้องค์กร กกต.ยุบเลิกไป เพราะเรามีพนักงาน 2,000 กว่าคน ยังมีครอบครัวต้องเลี้ยงดู การจะทำให้องค์กรอิสระแห่งนี้หมดไปไม่แฟร์ แต่ 5 เสือ กกต.หลุดไปไม่ว่า ซึ่งที่พูดอย่างนี้ก็อยากให้นักวิชาการที่ดูถูกดูหมิ่นเราเข้าใจ เพราะกว่าท่านจะไต่เต้ามาเป็นถึงด๊อกเตอร์ก็ต้องใช้ความรู้ความสามารถพอสมควร ฉะนั้นจึงไม่น่าจะมีความคิดอย่างนี้ได้

นายสมชัย จึงประเสริฐ กกต.ด้านสืบสวนสอบสวน กล่าวปฐมนิเทศ กกต.ประจำจังหวัด 63 จังหวัดที่ได้รับการแต่งตั้งใหม่ ว่าพอมีอำนาจก็จะมีความรับผิดชอบตามมา ขอให้ปฎิบัติหน้าที่ด้วยความสุจริต และการวางตัวก็ให้พึ่งระมัดระวังในการที่จะไปร่วมงาน เช่นงานวันเกิดของนักการเมืองในจังหวัด ซึ่งไม่ควรที่จะกระทำ

นายสมชัย ยังกำชับ กกต.จังหวัดใหม่ให้ศึกษากฎหมาย โดยเฉพาะเรื่องการกระ ทำผิดกฎหมายเลือกตั้ง ที่ผู้สมัครก็มักจะหาทางหลีกเลี่ยง อย่างเช่นเรื่องการห้ามผู้สมัครทำผิด 60 วันก่อนวันเลือกตั้ง ซึ่งที่ผ่านมาอย่างการเลือกตั้งนายก อบจ.บุรีรัมย์ ซึ่งผู้สมัครที่ชนะการเลือกตั้ง ดำรงตำแหน่งสโมสรฟุตบอล แต่เมื่อใกล้พระราชกฤษฎีกามีผลเขาก็ลาออกเพื่อมาลงสมัคร ทำให้กฎหมายเอาผิดไม่ได้

จากนั้นเวลา 14.00 น. นายวิสุทธิ์ โพธิแท่น กกต.ด้านการมีส่วนร่วม กล่าวว่า ขอให้ กกต.จังหวัด วางตัวเป็นกลางทางการเมืองและซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์ ส่วนเรื่องสิทธิในการที่จะคบกับใครก็เป็นเรื่องส่วนตัว การทำงานขณะเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐจะต้องทำให้ถูกต้องตามกฎหมาย ระเบียบ มติ กกต.และระเบียบของหน่วยงานอื่นๆ อย่างเช่นเบื้ยยังชีพผู้สูงอายุ ของกระทรวงมหาดไทย ที่มีการร้องเรียนกันบ่อย

นายวิสุทธิ์ ได้ยกตัวอย่างว่า ในการเลือกตั้งท้องถิ่นทีผ่าน มีการกล่าวหา กกต.จังหวัดชุดก่อนว่าสนิทกับผู้สมัคร แต่เมื่อ กกต.กลางตั้งคณะกรรมการขึ้นมาสอบสวน กกต.จังหวัดที่ถูกล่าวหาก็ปฎิเสธ แต่เมื่อคณะกรรมการไปตรวจสอบรายงานการใช้โทรศัพท์ก็พบว่าภายใน 27 วันมีการโทรหาผู้สมัครกว่า 100 ครั้ง กกต.จึงต้องให้ กกต.จังหวัดคนนั้นลาออก ดังนั้นการเป็น กกต.จังหวัดจึงต้องรักษาระยะห่างระหว่างตัวเองกับผู้สมัครให้ดี

นายวิสุทธิ์ ยังกำชับให้เจ้าหน้าที่ดำเนินการในโครงการที่เกี่ยวกับรณรงค์ให้มีความต่อเนื่อง เพื่อให้ประชาชนได้เข้าใจถึงเรื่องการซื้อสิทธิขายเสียง เพราะที่ผ่านมาไม่ได้ห่วงเรื่องการซื้อเสียง แต่ห่วงเรื่องการเข้าไปถอนทุนคืนของผู้ชนะการเลือกตั้ง พร้อมกันนี้ขอให้ดูแลเรื่องการใช้งบประมาณในเรื่องการรณรงค์ และการเข้ามาร่วมตรวจสอบการเลือกตั้งขององค์กรเอกชน เพราะบางองค์กรเข้ามาเพื่อต้องการงบประมาณ ไม่ได้ตั้งใจดำเนินการอย่างจริงจัง และการที่กกต.จังหวัดจะจัดกิจกรรมอะไรห้ามไปขอสนับสนุนงบประมาณจากฝ่ายการเมือง แต่หากฝ่ายการเมืองจะจัดกิจกรรมกกต.จังหวัดสามารถให้คำปรึกษา หรือส่งเจ้าหน้าที่ไปร่วมเป็นวิทยากรได้
กำลังโหลดความคิดเห็น