โฆษกรัฐบาล เผย “ยิ่งลักษณ์” บินเยือนแดนตากาล็อก 19 ม.ค.ไปเช้าเย็นกลับ หวังขอบคุณช่วยน้ำท่วม พร้อมถกการค้าเกษตร เสนอแหล่งสำรองขายข้าว เล็งออกใบมาตรฐานเพิ่มเงินให้ครูฟิลิปินส์ในไทย ก่อนเยือนมาเลย์ 20 ก.พ.
วันนี้ (17 ม.ค.) ที่ทำเนียบรัฐบาล นางฐิติมา ฉายแสง โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงผลการประชุมเตรียมการด้านสารัตถะ ก่อนการเดินทางเยือนสาธารณรัฐฟิลิปปินส์ ว่า วันนี้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เข้าร่วมประชุมกับกระทรวงการต่างประเทศ ในเรื่องการเตรียมความพร้อมในการเดินทางไปเยือนสาธารณรัฐฟิลิปปินส์อย่างเป็นทางการ ซึ่งถือเป็นการเดินทางเยือนประเทศในกลุ่มอาเซียนของนายกฯ เป็นประเทศที่ 8 โดยจะออกเดินทางในวันที่ 19 ม.ค.55 จากสนามบินสุวรรณภูมิ ในเวลา 05.30 น.และกลับมาถึงในเวลา 17.00 น.ของวันเดียวกัน
นางฐิติมา กล่าวต่อว่า ในการเดินทางไปเยือนสาธารณรัฐฟิลิปปินส์ในครั้งนี้ นอกจากเป็นการสร้างความสัมพันธ์อันดีกับประเทศเพื่อนบ้าน คือ ประเทศในกลุ่มอาเซียนแล้ว ยังเป็นการเดินทางไปขอบคุณที่ประเทศฟิลิปปินส์ได้ให้การช่วยเหลือประเทศไทย ในเหตุการณ์อุทกภัย รวมทั้งประเทศไทยก็ได้ให้ความช่วยเหลือต่อประเทศฟิลิปปินส์ในเหตุการณ์ อุทกภัยที่เกิดขึ้นในประเทศฟิลิปปินส์เช่นเดียวกัน ขณะเดียวกัน จะมีการพูดคุยกันในเรื่องการสร้างความร่วมมือกันในเรื่องการค้ากับ ประเทศฟิลิปปินส์ โดยเฉพาะสินค้าทางการเกษตร ซึ่งยังมีข้อจำกัดในเรื่องการส่งสินค้า เนื่องจากประเทศฟิลิปปินส์มีความเข้มงวด และมีความตื่นกลัวในเรื่องของโรคจากสัตว์ปีก เช่น โรคไข้หวัดนก หรือ โรคจากพืชผัก ผลไม้ จึงต้องทำความเข้าใจกับเขาว่า ประเทศไทยในปัจจุบันมีมาตรฐานการผลิตที่ได้มาตรฐานและชัดเจน เกี่ยวกับสินค้าทางการเกษตร และสัตว์ปีกแช่แข็ง
นอกจากนี้ ในเรื่องของความมั่นคงทางอาหาร (Food Security) ทางประเทศไทยจะยืนยันที่จะเป็นแหล่งสำรองข้าวให้แก่ประเทศฟิลิปปินส์ แม้ว่าในปัจจุบันประเทศฟิลิปปินส์จะเป็นประเทศที่ซื้อข้าวจากประเทศเวียดนาม มากที่สุด คือ ปริมาณ 1.5 ล้านตัน ก็ตาม แต่เนื่องจากความต้องการข้าวของประเทศฟิลิปปินส์มีปริมาณมาก และเป็นประเทศที่ซื้อข้าวมากที่สุดในโลก คือ ปริมาณ 2.4 ล้านตัน ประเทศไทยจึงเสนอที่จะเป็นแหล่งอาหารสำรอง หากเกิดภัยพิบัติทางธรรมชาติที่เกิดจากการเปลี่ยนแปลงของภูมิอากาศ ประเทศไทยพร้อมที่จะขายข้าวและมีสต๊อกข้าวให้แก่ประเทศฟิลิปปินส์ตลอดเวลา
โฆษกรัฐบาล กล่าวด้วยว่า ทั้งนี้ นายกฯ จะหยิบยกประเด็นเกี่ยวกับการศึกษาขึ้นมาหารือกับประเทศฟิลิปปินส์ เนื่องจากครูที่เป็นชาวฟิลิปปินส์ในประเทศไทยมีอยู่เป็นจำนวนมาก แต่เงินเดือนที่ครูฟิลิปปินส์ได้รับกลับมีจำนวนที่น้อยกว่าครูที่เป็นชาวตะวันตก จึงจะมีการสร้างมาตรฐานให้แก่ครูฟิลิปปินส์ โดยจะมีการออกใบรับรอง (Certificate) ให้ เพื่อแสดงให้เห็นว่าครูที่มาจากประเทศฟิลิปปินส์มีมาตรฐาน ซึ่งจะสามารถทำให้รับเงินเดือนได้เทียบเท่ากับครูจากประเทศตะวันตก
“ท่านนายกฯ ได้เสนอกับกระทรวงการต่างประเทศ ว่า อยากให้นโยบายต่างประเทศเป็นแบบเชิงรุกไม่ใช่เป็นเหมือนที่ผ่านมา คือ ก่อนที่จะเดินทางไปประเทศใดก็แล้วแต่ ให้กระทรวงต่างประเทศปรึกษากับทุกกระทรวงที่มีประเด็นเกี่ยวข้องกับประเทศ ที่จะเดินทางไปเยือน โดยจะให้ทุกกระทรวงเสนอประเด็นต่างๆ ที่เกี่ยวข้องเข้ามา แล้วจึงมาคุยกับกระทรวงต่างประเทศ ซึ่งหากกระทรวงใดมีประเด็นหรือกรณีที่ต้องร่วมเดินทางไปพูดคุยกับประเทศนั้นๆ จึงจะยินดีที่จะให้เดินทางไปด้วย ซึ่งหลังจากหารือกับต่างประเทศแล้วต้องนำประเด็นเหล่านั้นมาดำเนินการต่อด้วย” นางฐิติมา กล่าว
นางฐิติมา กล่าวด้วยว่า ส่วนตารางการติดตามงานที่ผ่านมา เช่น การประชุมสุดยอดอาเซียน หรือการที่ประเทศจีนเดินทางมาเซ็น MOU กับประเทศไทย 6 ฉบับ ในขณะนี้นายกฯยังไม่ได้รับการรายงานข้อมูลที่ชัดเจนว่า ขั้นตอนการปฏิบัติงานต่อไปจะมีอย่างไร นายกฯจึงมีคำสั่งให้กระทรวงการต่างประเทศติดตามงานนำเสนอแก่นายกฯประเทศละ 1 แผ่น เพื่อให้เข้าใจได้โดยง่าย และสามารถนำไปปฏิบัติงานได้ต่อไป โดยจะใช้วิธีติดตามงานเช่นเดิมไม่ได้อีกแล้ว อย่างไรก็ตามนายกรัฐมนตรียังมีกำหนดการเดินทางไปเยือนประเทศมาเลเซีย ซึ่งเป็นประเทศสุดท้ายในกลุ่มประเทศอาเซียน ในวันที่ 20 ก.พ.55 นี้ด้วย