xs
xsm
sm
md
lg

อย่าตื่นแต่ก่อการร้าย วันนี้ดีเซลทะลุ 31 บ.ของแพงเต็มขั้น!!

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

 ทักษิณ ชินวัตร
ผ่าประเด็นร้อน

ต้องบอกว่าเป็นข่าวร้ายที่ผสมโรงเข้ามาแบบจงใจไม่ให้ครึกโครม นั่นคือการปรับขึ้นราคาน้ำมันทุกชนิดกันขนานใหญ่ตามโครงสร้างราคาพลังงานใหม่ของรัฐบาลพรรคเพื่อไทยที่นำโดยนายกรัฐมนตรี ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร และมีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานชื่อ พิชัย นริพทะพันธุ์ ส่งผลให้ราคาปรับเพิ่มขึ้นกันแบบ “บ้าเลือด”เรียกได้ว่าหากได้รู้ความจริงก็ต้องช็อก

โดยเฉพาะอย่างยิ่งภายในต้นเดือนกุมภาพันธ์ที่จะถึงนี้หากรัฐบาลไม่ต่ออายุการยกเลิกการเก็บภาษีสรรพสามิตน้ำมัน นั่นคือกลับมาเก็บภาษีดังกล่าวก็จะทำให้ราคาน้ำมันปรับขึ้นไปอีกลิตรละไม่ต่ำกว่า 7 บาท ลองบวกเข้าไปก็แล้วกันว่ามันจะพุ่งขึ้นไปอีกลิตรละกี่บาท

อย่างไรก็ดี ขณะที่ชาวบ้านกำลังตื่นตระหนกกับข่าวก่อการร้าย เมื่อวานนี้ (16 ม.ค.) ราคาน้ำมันก็ได้ปรับขึ้นในอัตราใหม่เรียบร้อยแล้วนั่นคือ เบนซิน 91 ราคาลิตรละ 38.54 บาท แก๊สโซฮอล์ 95 เป็น37.26 บาทต่อลิตร อี 20 เป็น 34.51 บาทต่อลิตร อี 85 เป็น 22.31 บาทต่อลิตร แก๊สโซฮอล์ 91 เป็น 35.51 บาทต่อลิตร และดีเซล 31.13 บาทต่อลิตร

ขณะเดียวกัน แอลพีจีปรับขึ้น อีก75 สตางค์ต่อกิโลกรัม (กก.) และเอ็นจีวี 50 สตางค์ต่อ กก. จาก 8.50 บาทต่อ กก.เป็น 9 บาทต่อ กก. ซึ่งถือเป็นการปรับราคาครั้งแรกในช่วง 9-10 ปีที่ผ่านมา และหากพิจารณาจากสถิติถือว่าเวลานี้ราคาน้ำมันดีเซลได้ทะลุมาไกลพ้นราคา 30 บาทต่อลิตรเป็นครั้งแรกในรอบกว่า 14 เดือน

ข่าวร้ายที่ออกมาจากปากผู้อยู่ในวงการค้าน้ำมันโดยตรงอย่าง กรรมการผู้จัดการใหญ่บริษัท บางจาก จำกัด (มหาชน) อนุสรณ์ แสงนิ่มนวล ซ้ำเติมเข้ามาอีกว่า ในวันที่ 1 กุมภาพันธ์ หากรัฐบาลยังเดินหน้าหันกลับมาเก็บภาษีสรรพสามิตน้ำมันที่เคยลดลงลิตรละ 8.30 บาทต่อลิตร ถึงตอนนั้นเราก็มีโอกาสได้เห็นน้ำมันดีเซลพุ่งขึ้นไปถึงลิตรละ 38 บาท

โอพระเจ้าจอร์จ นี่มันอะไรกันนี่!!

เพราะแค่ราคาลิตรละ 31 บาท กลุ่มผู้ประกอบการรถขนส่ง เรือโดยสารก็เตรียมขยับประชุมปรับราคาใหม่กันแล้ว โดยเฉพาะเรือโดยสารทั้งท่ากันล่วงหน้าคราวนี้จะขึ้นรวดเดียวเพิ่มอีก 2 บาท ขณะที่เรือข้ามฟากจะขึ้นอีก 50 สตางค์

ส่วนพวกรถโดยสาร รถแท็กซี่ที่ใช้ก๊าซเอ็นจีวี และก๊าซแอลพีจี วันนี้วันแรกเหมือนกันที่มีการปรับราคาใหม่ เชื่อว่าคงมีความสุขกันทั่วหน้ากับการที่มีรัฐมนตรีพลังงาน และรัฐบาลที่ใส่ใจกับความเป็นอยู่ของประชาชนอย่างยิ่งยวดในลักษณะแบบนี้ แม้ว่ากำลังลุ้นอยู่ที่ศาลปกครองว่าจะสามารถขัดขวางการขึ้นราคาได้ชั่วคราวหรือไม่ก็ตาม

การปรับราคาน้ำมันตามโครงสร้างพลังงานใหม่ของรัฐบาลพรรคเพื่อไทย ที่มี ทักษิณ ชินวัตร เป็นเจ้าของได้ก่อให้เกิดข้อสงสัยขึ้นมาแบบไม่น่าเป็นไปได้ว่า รัฐบาลที่ใช้ “ประชานิยม” นำหน้า เพื่อซื้อใจชาวบ้าน จะกล้าทำแบบนี้ อย่างไรก็ดีหากพิจารณาจากโครงสร้างของบริษัท ปตท.จำกัด (มหาชน) ที่มีการแปรรูปจากเดิมที่รัฐเป็นเจ้าของร้อยเปอร์เซ็นต์ขายหุ้นให้เอกชนร่วมเป็นเจ้าของทำให้ต้องแบ่งกำไรไปให้คนพวกนี้ด้วย ซึ่งหากกำไรปีละแสนล้านบาทกลุ่มเอกชน ซึ่งส่วนใหญ่เป็นกลุ่มทุนการเมืองจะร่วมได้กำไรเท่าไหร่ลองนึกในใจกันเอาเอง และนี่หรือไม่ที่เป็นสาเหตุว่า “เรื่องอื่นยอมได้” เพราะเป็นเงินหลวงเต็มที่ไปเลย แต่ถ้าเป็น “ผลกำไร” ของ ปตท.แม้ขาดทุนกำไรสักบาทเดียวก็ยอมไม่ได้

คำถามที่น่าสนใจไปกว่านั้นก็คือ ปตท.มันเกี่ยวข้องกับ ทักษิณ ชินวัตร ในทางใดบ้าง โดยผ่านทางการรับงานของ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน พิชัย นริพทะพันธุ์ เพราะมันผิดปกติเหลือเกิน

นอกจากนี้ เมื่อพิจารณาถึงผลกระทบที่จะตามมาก็คือประเทศไทยนับจากนี้ไปจะเข้าสู่ “ยุคข้าวยากหมากแพง” เต็มขั้น เนื่องจากทั้งราคาน้ำมัน โดยเฉพาะดีเซลและก๊าซล้วนแล้วแต่เป็นต้นทุนหลัก ทำให้ค่าครองชีพของประชาชนพุ่งสูงขึ้น จากราคาสินค้าที่จะทยอยปรับราคากันขนานใหญ่ ขณะเดียวกัน อีกมุมหนึ่งแม้ว่าจะมีการออกนโยบายประชานิยมออกมา แต่ก็ใช่ว่าจะทำได้ทั่วถึงอย่างเช่น ค่าแรงวันละ 300 บาทในเดือนเมษายนก็เป็นแค่นำร่องบางจังหวัด และไม่แน่ว่าอาจจะมีการต่อต้านจากภาคเอกชนที่ไม่อยากแบกรับภาระ

กลายเป็นว่าเวลานี้การปรับขึ้นราคาน้ำมันอย่างพรวดพราดและหนักหน่วงที่สุดเท่าที่เคยมีมาหลังจากที่มีการหันกลับมาเก็บเงินเข้ากองทุนน้ำมันอีกรอบ ประกอบกับการยกเลิกการเก็บภาษีสรรพสามิตน้ำมันกำลังจะสิ้นสุดลงในสิ้นเดือนนี้ หากวันที่ 1 กุมภาพันธุ์รัฐบาลไม่ต่ออายุแล้วกันมาเก็บใหม่อีกครั้ง ถึงตอนนั้นก็มีอันต้องหายนะกันไปข้าง ไม่รู้ว่ารัฐบาลพรรคเพื่อไทย และทักษิณ ชินวัตร ที่สงสัยว่าน่าจะอยู่เบื้องหลัง ปตท.หรือว่าประชาชนตาดำๆว่าจะอดทนไหวหรือไม่

เพราะถึงตอนนั้นอย่าว่าแต่คนทั่วไปเลย แม้แต่คนเสื้อแดงก็น่าจะเก็บอารมณ์ไม่อยู่แล้ว แม้ว่าบางคนอาจจะได้เงินเยียวยาจากเงินหลวงไปบ้างแล้วก็ตาม แต่เรื่องค่าครองชีพ ราคาสินค้าที่แพงอยู่ฉี่อยู่ตรงหน้าอยู่ทุกวัน มันก็สติแตกได้เหมือนกัน แม้วันนี้พยายามประโคมและคนกำลังสนใจและตระหนกตกใจเรื่องจับกุมผู้ก่อการร้ายระดับโลกอยู่ก็ตาม แต่เมื่อผ่านไปแล้วกลับมาเจอกับเรื่องจริง รับรองว่าป่วนแน่ !!
พิชัย นริพทะพันธุ์
กำลังโหลดความคิดเห็น