โฆษก ปธ.สภาฯ เผยผลเสียสร้างสภาย่านเกียกกาย ยกข้ออ้างวิจัยองค์การสหประชาชาติชี้อีก 50 ปีน้ำท่วมจาก กทม.ถึงอยุธยา ยังไม่ส่งมอบพื้นที่ ไม่รองรับภาวะน้ำท่วม พื้นที่จำกัด จ่อสร้างสะพานบดบังทัศนียภาพ พร้อมระบุมีทางเลือกใหม่ 10 กว่าแห่ง เตรียมส่งประธานสภาตัดสินใจอังคารนี้
วันนี้ (16 ม.ค.) เมื่อเวลา 20.00 น. นายวัฒนา เซ่งไพเราะ โฆษกประธานสภาผู้แทนราษฎร หนึ่งในคณะกรรมการติดตามและเร่งรัดโครงการก่อสร้างอาคารรัฐสภาแห่งใหม่ เปิดเผยผลการประชุม ว่า คณะกรรมการฯ ได้พิจารณาผลดี ผลเสีย ของการสร้างอาคารัฐสภาแห่งใหม่ ย่านเกียกกาย ดังนี้ 1. ในเรื่องของความล่าช้า ทั้งสัญญาที่ทางรัฐสภาทำเอ็มโอยูกับหน่วยงานต่างๆ ไม่มีความคืบหน้าใด นอกจากนี้ พื้นที่ทั้งหมดยังไม่มีการส่งมอบเลย และยังไม่มีการลงมือก่อสร้าง 2. ปัญหาน้ำท่วม ซึ่งการออกแบบไม่ได้คิดกรอบแก้ไขน้ำท่วมอย่างจริงจัง โดยเฉพาะการสร้างกำแพงล้อมรอบไม่สูงเท่าไหร่ อีกทั้งนักวิชาการก็ระบุว่า อีก 10 ปี น้ำท่วม กทม. สูง 1-1.50 เมตร 3.ตัวอาคารออกแบบก่อสร้างมีพื้นที่จำกัด โดยเฉพาะการนำโรงพิมพ์ เครื่องไฟฟ้าไปอยู่ใช้ดิน ดังนั้น หากลงทุนสร้างสภาใหม่ 2 หมื่นล้านแล้วเกิดไฟไหม้ขึ้นมาจะทำอย่างไร ซึ่งเขาไม่ได้ออกแบบป้องกันปัญหานี้
นายวัฒนากล่าวต่อว่า 4. กทม.สร้างสะพานข้ามแม่น้ำเจ้าพระยา ซึ่งเกิดขึ้นหลังจากสภาออกแบบเสร็จแล้ว และทางกทม.ก็ยืนยันที่จะสร้างสะพาน ตรงนี้นอกจากจะบดบังทัศนียภาพแล้ว ยังมีเรื่องของความไม่ปลอดภัยด้วย 5.จากการศึกษาขององค์การสหประชาชาติ ระบุว่า อีก 50 ปี น้ำจะท่วม กทม.ไปจนถึงอยุธยา ดังนั้นเราต้องมีมาตรการป้องกันว่าจะทำอย่างไร นอกจากนี้หากเกิดความล่าช้าในการก่อสร้างสภาใหม่ขึ้นมาเราก็จะเสียเงินจำนวนมาก เพราะขณะนี้ดูเหมือนจะเยิ่นเย้อไม่สามารถควบคุมได้ คาดว่าจะเกินกว่า 900 วัน และปัจจุบันสภาเช่าสถานที่ให้เจ้าหน้าที่สภา ตกเดือนละ 200 ล้านบาท
“วันนี้กรมธนารักษ์ได้นำสถานที่ต่างๆ มาให้ดูประมาณ 10 กว่าแห่ง ซึ่งเป็น 2 จุดใหญ่ คือบริเวณสนามกอล์ฟชลประทาน จ.นนทบุรี และบริเวณแถวๆ ค่ายอดิศร จ.สระบุรี ซึ่งมีหลายจุด อาทิ แก่งคอย มวกเหล็ก โดยทั้ง 10 กว่าแห่งนี้จะนำไปสรุปผล เพื่อส่งให้ประธานสภาผู้แทนราษฎรตัดสินใจเลือกสถานที่ต่อไป” นายวัฒนากล่าว และว่าในช่วงบ่ายในที่ 17 ม.ค.นี้นายเจริญ จรรย์โกมล รองประธานสภาผู้แทนราษฎร คนที่ 1 จะส่งผลสรุปของคณะกรรมการฯ ให้แก่ประธานสภาผู้แทนราษฎรต่อไป
