เกาะกระแส
โดย...ก้อนกรวด
00 กลายเป็นเรื่องใหญ่โตระดับอินเตอร์ฯเต็มรูปแบบแล้ว หลังจากที่ ตำรวจไทยได้จับกุม “ผู้ต้องสงสัย” เป็นผู้ก่อการร้ายชาวเลบานอนจำนวน 2 ราย เมื่อสองสามวันก่อนว่าเป็นสมาชิกกลุ่ม “ฮิซบุลเลาะห์”บอกว่าเป็นการจับกุมเพื่อ “ตัดตอน” การลงมือวางระเบิดในประเทศไทย กลางเมืองหลวงที่เป็นพื้นที่เป็นแหล่งที่ตั้งของสถานทูตประเทศเป้าหมายประเทศทางตะวันตกและพันธมิตร เช่น สหรัฐฯ และ ยิว รวมไปถึงแหล่งที่มีคนต่างชาติรวมตัวกันเป็นจำนวนมาก และก็ได้ผลมีหลายประเทศออกคำเตือนถึงพลเมืองของตัวเองให้ระมัดระวังตัวหากเข้ามาประเทศไทย หรือไม่ก็ให้หลีกเลี่ยงสถานที่ท่องเที่ยวที่มีคนต่างชาติรวมตัวกันมากๆ
00 ก่อนที่จะสรุปแบบฟันธงว่างานนี้ “มีเบื้องหลัง” และ “มั่ว” พิกลนั้นก็ต้องบอกว่า “ผลเสียหาย” ที่เกิดตอนนี้มันได้ไม่คุ้มเสีย และดู “ขัดแย้ง” ในตัวเองแบบพิลึกกึกกือ เหมือนพวก “กระจอก” แต่ “คิดทำงานใหญ่” ไม่เข้าใจถึงความละเอียดอ่อนและผลกระทบที่ตามมา ตามคำพูดของ รองนายกฯ เฉลิม อยู่บำรุง บอกว่าได้ควบคุมตัวตามกม.ตรวจคนเข้าเมือง ม.12(7) ขณะที่ นายกฯนกแก้วใช้คำว่า “จับกุม” ล่าสุด ผบ.ตร.พล.ต.อ.เพรียวพันธุ์ ดามาพงศ์ คนกันเองก็บอกว่าเมื่อสอบสวนเสร็จแล้วก็จะปล่อยตัวกลับประเทศเพราะยังไม่ได้กระทำผิด ฮ่วย !!
00 ขณะที่ “อ้ายปึ้ง” ก็มาอีกอารมณ์แบบ “โกรธเกรี้ยว” หาว่า สหายมะกัน-อังกฤษ-แคนาดา รวมไปถึงอีกหลายประเทศที่เตือนพลเมืองของตัวเองเรื่องก่อการร้ายในไทยว่าทำให้การท่องเที่ยว-เศรษฐกิจเสียหาย จะประท้วงตอบโต้ ทุด!! พูดไปเรื่อยเปื่อย เดี๋ยวเขาก็ตอกมาหน้าหงายว่าแล้วที “รองนายกฯกุมารทอง” ออกมาโม้เป็นฉากๆว่าผู้ก่อการร้ายจะลงมือตอนไหน ที่ไหน มีผู้ร่วมขบวนการกี่คนรู้หมด และเขาก็ต้องบอกว่าเมื่อยังไม่ชัวร์ว่าคนที่จับมาได้นั้น “มั่ว”หรือเปล่า ทางที่ดีก็ต้องเตือนให้ระวังตัวเอาไว้ก่อน
00 มาวันนี้สำหรับ “เหลิม” หลังจากออกมาโชว์แอ็กอาร์ต เหมือนพวกเด็กช่างกล “ยืดหญิง” แล้วก็หายหน้าไปเฉยๆ เหมือนกับตอนที่จับกุมผู้ต้องหาที่อ้างว่าเป็นคนลอบวางระเบิดป่วนกรุงช่วงก่อนปีใหม่ประเภท “วางปุ๊บ” ก็ควบรถไล่กวดไปดักจับได้ทันควันหรืออ้างว่าเห็นหลังไวๆคนร้ายที่ลอบวางระเบิดหน้ากองสลาก ราวกับว่าฝีมือการข่าวตำรวจไทย “ฉมัง” ล้ำหน้าจนหน่วยข่าวมะกัน-ยิว ต้องอายเอาปี๊บคลุมหัว แต่มาถึงวันนี้กลับเงียบหายไม่พูดถึงกันแล้ว ทุด !!
00 ไม่อยากจะสงสัยว่าที่จับกุมได้นั้นมัน “มั่ว” จึงต้องปล่อยตัวกลับไป เพราะถ้าเป็นผู้ก่อการร้ายตัวจริงก็ต้องควบคุมตัว หรือไม่ก็ต้องส่งตัวไปบรรณาการให้กับ “ลูกพี่” เหมือนกับกรณี “ฮัมบาลี” ในสมัยรัฐบาลทักษิณ ชินวัตรและผลจากเหตุการณ์คราวนั้นก็มีส่วนทำให้การก่อการร้ายในชายแดนใต้รุนแรงจนเอาไม่อยู่มาถึงบัดนี้ แต่ถ้าถามว่าก่อการร้ายในประเทศไทยนั้นมีหรือไม่ ก็ต้องย้ำอย่างหนักแน่นว่า “มี” แต่รัฐบาลไทย เจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นของไทยไม่มีน้ำยาทั้งป้องปรามหรือจับกุมทั้งก่อนและหลังก่อเหตุ “ถ้าเป็นของจริง” เหตุการณ์ในชายแดนใต้ที่ “เอาไม่อยู่” เป็นประจักษ์พยานได้ดีที่สุด
00 ที่น่าแปลกใจชวนตั้งคำถามก็คือท่าทีโกรธเกรี้ยวสหรัฐฯและชาติตะวันตกของ รมว.ต่างประเทศ สุรพงษ์ เป็นการเล่นละครหลังจากถูกผู้ประกอบการโรงแรมการท่องเที่ยวรุมด่ากันเปิงหรือไม่ เพราะถ้าจะโกรธก็ต้องไปโกรธ เฉลิม อยู่บำรุง ที่สวมบทฮีโร่ออกมาแถลงเป็นฉากๆรู้หมด แล้วก็หายหัวไปดื้อๆนั่นแหละ !!