ผ่าประเด็นร้อน
ต้องยอมรับว่าฮือฮากับข่าวการจับกุม หรือจะเรียกว่าควบคุมตัวผู้ต้องสงสัยชาวเลบานอน 2 คน เมื่อสองสามวันก่อน อ้างว่าเป็นสมาชิกกลุ่ม “ฮิซบอลเลาะห์” จะเข้ามาก่อการร้ายในประเทศไทย โดยมีเป้าหมายที่สถานทูต หรือแหล่งผลประโยชน์ของสหรัฐอเมริกา อิสราเอล รวมไปถึงพลเมืองของประเทศดังกล่าว รวมทั้งพลเมืองประเทศในแถบตะวันตก
การจับกุมดังกล่าวก็ได้มีการขยายความกันอย่างครึกโครมจากรองนายกรัฐมนตรีที่กำกับดูแลสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง เป็นคนแถลงเองเป็นฉากๆ ตามสไตล์ว่าคนร้ายเป็นใครมาจากไหน มีจำนวนกี่คน
สรุปก็คือได้ประกาศอย่างมั่นใจว่า “ควบคุมสถานการณ์ก่อการร้าย” อยู่หมัดแล้ว พร้อมทั้งอ้างว่า ที่ผ่านมาติดตามหาเบาะแสผู้ก่อการร้าย ความหมายก็คือ มีการทำงานด้านการข่าวแบบมือฉมัง สามารถรวบตัวผู้ก่อการร้ายระดับโลกที่เป็นศัตรูของสหรัฐอเมริกา และยิว รวมทั้งชาติตะวันตกเอาไว้ได้
ทั้งก่อนและหลังการจับกุมชาวเลบานอนดังกล่าว ได้มีรายงานว่ามีการให้ข้อมูลและแจ้งเตือนจากหน่วยข่าวกรองของอิสราเอล และสหรัฐฯ ในเวลาต่อมา แต่หลังจากนั้นไม่นานเรื่องราวกลับกลายเป็นว่า คำแถลงล่าสุดของผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ ดามาพงศ์ กล่าวว่า กำลังจะมีการปล่อยตัวผู้ต้องสงสัยดังกล่าวกลับประเทศ โดยอ้างว่ายังไม่ได้ลงมือกระทำความผิด เป็นเหตุผลที่ฟังดูทะแม่ง มั่วๆ ยังไงชอบกล
เพราะถ้าเข้าใจความหมายอีกแบบก็คือ “จับมั่ว” ต้องปล่อยไป
อย่างไรก็ดี ความหมายที่สร้างผลกระทบตามมามากกว่านั้นก็คือ งานแบบนี้เป็นงานระดับโลก เป็นเรื่องละเอียดอ่อน สร้างผลกระทบกับเศรษฐกิจของบ้านเมืองจำนวนมหาศาล ดังนั้นต้องใช้มืออาชีพที่ทำงานเป็นมืออาชีพจริง ไม่ใช่ต้องการพวก “โชว์ออฟ” อย่างที่กำลังเป็นอยู่ เพราะผลที่ตามมาไม่ใช่จับแล้วปล่อย เรื่องราวก็จบลงง่ายๆ ดื้อๆ
สังเกตหรือไม่ว่าหลังจากที่ออกมาแถลงโชว์แบบฉากๆ ของ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง จู่ๆ เขาก็เงียบหายไป ทำให้เกิดคำถามว่า เป็นเพราะอะไรกันแน่ เป็นเพราะ “โชว์ออฟ” แล้วถูกด่าหลังจากมีผลกระทบจากการท่องเที่ยว มีผู้ประกอบการจำนวนมากออกมาตำหนิ
ล่าสุดรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ สุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล ก็ออกมาแสดงอาการกราดเกรี้ยวกับประเทศตะวันตก โดยประกาศว่า จะเรียกทูตสหรัฐฯ ออสเตรเลีย และแคนาดามาชี้แจงถึงเหตุผลที่ต้องออกคำเตือนพลเมืองของตัวเอง ขณะเดินทางมาประเทศไทย เพราะทำให้ประเทศไทยเสียหาย
เป็นคำพูดของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ที่แสดงอาการระหว่างที่มีการประชุมคณะรัฐมนตรีสัญจรที่เชียงใหม่ ซึ่งก็ต้องยอมรับว่า เป็นแหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญของประเทศพอดี
อย่างไรก็ดี หากพิจารณาผลงานของทั้งระดับเจ้าหน้าที่ รวมไปถึงการควบคุมดูแลของฝ่ายการเมือง โดยย้อนหลังเหตุการณ์ในอดีตต่อเนื่องจนถึงปัจจุบันมาประกอบ ก็ต้องพูดตรงๆว่า “ไม่น่าเชื่อถือ-ไม่เป็นมืออาชีพ” ทำให้ปัญหาบานปลาย มาจนถึงทุกวันนี้มีให้เห็นอยู่
โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากต้องมาเกี่ยวพันกับองค์กรก่อการร้ายระหว่างประเทศ ยิ่งต้องระมัดระวัง เพราะนอกจากเป็นการนำประเทศเข้าไปเสี่ยง กลายเป็นคู่ขัดแย้งกันแบบ “ไร้เดียงสา” เสียมากกว่าได้ เทียบกันไม่ได้ และที่ผ่านมาหากพิจารณากันตามความเป็นจริงประเทศไทย โดยเฉพาะ “กรุงเทพฯ” ถือว่าเป็น “ทางผ่าน” ของกลุ่มก่อการร้าย และในวงการรับรู้กันมานานแล้ว หมายความว่าถ้าตั้งใจลงมือก็คงไม่รอด หรืออย่างกรณีเหตุการณ์ลอบวางระเบิดสถานทูตอิสราเอล เมื่อปี 2537 ครั้งนั้นก็เป็นเพราะรถคนร้ายที่ขนระเบิดไปถล่มเกิดอุบัติเหตุเฉี่ยวชนกัมมอเตอร์ไซค์เสียก่อน ความเลยแตก
ตรงกันข้ามการจับกุม “ฮัมบาลี” ผู้ก่อการร้ายตัวเอ้ ตามใบสั่งของสหรัฐอเมริกาในยุครัฐบาล ทักษิณ ชินวัตร ปฏิเสธไม่ได้เลยว่า มีส่วนสำคัญที่สร้างความไม่พอใจให้กับกลุ่มก่อการร้ายอัลกออิดะห์ รวมทั้งกลุ่มญามาอิสลามิเยาะห์ (เจไอ) ที่กลุ่มหลังมีอิทธิพลในภูมิภาคเอเซียได้เพิ่มเงื่อนไขให้การก่อการร้ายในจังหวัดชายแดนภาคใต้รุนแรงมากขึ้นและลุกลามมาจนถึงบัดนี้
จากครั้งก่อนในยุคทักษิณ ชินวัตร ที่คะนองปากว่า “โจรกระจอก” มาถึงยุครองนายกฯ “กุมารทอง” ที่โม้ว่าคุมสถานการณ์ไว้ได้หมดแล้ว มันก็ยิ่งทำให้เกิดความเสี่ยงที่จะนำพาให้ประเทศดำดิ่งเข้าสู่ความเสี่ยงต่อการชักนำการก่อการร้ายให้เข้ามา
โดยเฉพาะอย่างยิ่งข่าวที่ระบุว่า ฝ่ายไทยจับกุมผู้ต้องสงสัยตามที่ฝ่าย อิสราเอล-สหรัฐฯ “ชี้เป้า” ให้จับ ขณะเดียวกันเมื่อพิจารณาจากการจับกุมดูแล้วน่าสงสัยว่า “จับมั่ว” ผิดตัว มิหนำซ้ำก่อนหน้านี้มีการประโคมข่าวในลักษณะ โชว์ออฟครึกโครมเสียอีก มันก็ไปกันใหญ่
ดังนั้นแม้ว่าการเอาจริงเอาจังกับเรื่องก่อการร้ายเป็นเรื่องดีและควรสนับสนุนอย่างยิ่ง เพราะมีผลต่อเศรษฐกิจและความมั่นคงของชาติ แต่ปัญหาก็คือ ต้องมีการข่าวที่มีประสิทธิภาพ มีเจ้าหน้าที่และคนควบคุมที่มืออาชีพ ไม่ใช่โฉ่งฉ่าง และที่สำคัญไม่ใช่เวทีของพวก “แอ็กอาร์ต” ออกมา “โชว์ห่วย” แบบนี้แน่นอน
เพราะไม่ใช่เรื่องเล่นๆ เนื่องจากความเสียหายที่เกิดขึ้นมันมีมากเกินกว่าคนพวกนี้จะรับไหว!!