รัฐมนตรีกลาโหมเผยนายกฯ สั่งซักกลาโหมมะกันปล่อยข่าวเตือนก่อการร้าย จี้ถอนคำเตือนภายในวันนี้ ด้าน ผช.ทูตทหารมะกันโผล่ถก ผอ.สำนักแผนกลาโหม โฆษก กห.ระบุสหรัฐฯ แจงระบบงานสถานทูต พร้อมประสานประเทศถูกเตือนผ่าน กต. เล็งหาช่องติดต่อใกล้ชิด ยันต่อไปจะคุยชัดเจนขึ้น ย้ำไทยไม่ใช่เป้าโจมตี ด้าน “โกวิท” ยันพร้อม รปภ.เต็มที่
วันนี้ (16 ม.ค.) ที่กระทรวงกลาโหม พล.อ.ยุทธศักดิ์ ศศิประภา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ให้สัมภาษณ์ภายหลัง น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เชิญเข้าพบที่ทำเนียบรัฐบาล ภายหลังจากที่มีการแถลงข่าวชี้แจงข่าวกรณีการควบคุมตัวนายอาทริส ฮุสเซน ชาวเลบานอน ผู้ต้องสงสัยกลุ่มฮิซบอลเลาะห์ที่เตรียมเข้ามาก่อเหตุในไทย ระหว่างการประชุม ครม.ที่ จ.เชียงใหม่ ว่าได้สอบถามถึงความคืบหน้ากรณีสถานทูตสหรัฐอเมริกาได้ออกมาแจ้งคำเตือนชาวสหรัฐอเมริกาประจำประเทศไทย จนทำให้เกิดการหวั่นวิตก และทำให้การท่องเที่ยวไทยเสียหาย เรื่องนี้นายกรัฐมนตรีขอให้กระทรวงกลาโหมสอบถามกระทรวงกลาโหมของสหรัฐอเมริกาถึงคำเตือนดังกล่าว และให้ถอนคำแจ้งเตือนภายในวันนี้ (16 ม.ค.) เพราะมิฉะนั้นจะทำให้ประเทศไทยเกิดความเสียหายกับคำแจ้งเตือนดังกล่าว ทั้งนี้ ตนได้ให้ พล.อ.นิพันธ์ ทองเล็ก ผู้อำนวยการสำนักนโยบายและแผนกระทรวงกลาโหม พูดคุยกับ พ.อ.สแวนด้า ผู้ช่วยทูตทหารสหรัฐอเมริกาประจำประเทศไทย ถึงมาตรการในการแจ้งเตือน และการเสนอข้อมูลข่าวสาร
ต่อมาเวลา 13.30 น. พ.อ.สแวนดา ผู้ช่วยทูตทหารสหรัฐอเมริกาประจำประเทศไทย ได้เดินทางเข้าพบผู้อำนวยการสำนักนโยบายและแผนกระทรวงกลาโหม เพื่อหารือถึงแนวทางในการนำเสนอข้อมูลข่าวสาร ภายหลังจากที่สถานทูตสหรัฐอเมริกาประกาศเตือนประชาชนให้ระวังการก่อการร้ายในประเทศไทย โดยเวลาประมาณ 1 ชั่วโมง
หลังจากนั้น พ.อ.ธนาธิป สว่างแสง โฆษกกระทรวงกลาโหม แถลงว่า การเข้าหารือครั้งนี้เป็นการแลกเปลี่ยนข้อมูลเพื่อหารือร่วมกันใน 3 ประเด็นหลัก คือ 1. เรื่องของระบบขั้นตอนต่างๆ ของสถานทูตสหรัฐอเมริกา ในเรื่องการแจ้งเตือนความปลอดภัยชาวสหรัฐอเมริกาที่เกิดขึ้นในหลายพื้นที่ 2. สถานทูตสหรัฐอเมริกามีข้อมูลที่เชื่อถือได้ว่าอาจจะเกิดอันตรายเป็นภัยคุกคามต่อประชาชาชนสหรัฐอเมริกาในประเทศต่างๆ สถานทูตจึงแจ้งเตือนประชาชนให้ทราบโดยเร็วที่สุด พร้อมกับมีการประสานงานกับเจ้าของประเทศ โดยผ่านทางกระทรวงการต่างประเทศ และ 3. หารือร่วมกันในแนวทางปฏิบัติในอนาคต หากเกิดกรณีเช่นนี้เกิดขึ้นจะมีช่องทางในการติดต่อสื่อสารประสานงานกันอย่างใกล้ชิด และรวดเร็ว ซึ่งเรื่องดังกล่าวจะนำข้อมูลสรุปให้กับเอกอัครราชทูตสหรัฐอเมริกาได้รับทราบต่อไป ทั้งนี้ พล.อ.ยุทธศักดิ์ ศศิประภา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม จะนำเรื่องนี้เรียนให้กับนายกรัฐมนตรีทราบต่อไป
พ.อ.ธนาธิปกล่าวว่า ในเรื่องการแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสารผู้ช่วยทูตทหารบอกว่า ตามปกติสถานทูตจะมีการแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสารกับในประเทศที่มีสถานทูตอยู่ ซึ่งการแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสารของสหรัฐอเมริกาค่อนข้างชัดเจน และมีระบบการแจ้งเตือนภัยที่ค่อนข้างรวดเร็ว ความจริงเรามีการประสานงานคู่ขนานกับประเทศไทย ปกติการแจ้งเตือนภัยประชาชนของสหรัฐอเมริกาที่อยู่ในประเทศนั้นๆ หากสืบทราบว่าเป็นภัยคุกคามหรืออันตรายต่อประชาชนก็จะมีกระบวนการชี้แจงผ่านไปยังกระทรวงต่างประเทศนั้นๆ ซึ่งเขาจะชี้แจงให้ไวกว่าของประเทศเรา ทั้งนี้ สหรัฐอเมริกาและไทยมีการประสานงานร่วมกันตลอดเวลา
เมื่อถามว่า การที่สหรัฐอเมริกาแจ้งเตือนผ่านสื่อออกมาทำให้เกิดผลกระทบต่อประเทศไทย พ.อ.ธนาธิปกล่าวว่า น่าจะมีความชัดเจนมากขึ้นในวันนี้ แต่ความจริงการประสานงานที่ผ่านมาก็ไม่มีเหตุการณ์อะไร ปกติทุกอย่าง ในรอบ 6 ปีที่ผ่านมานั้นครั้งนี้ถือเป็นครั้งแรกจึงเป็นเหตุต้องมาประสานงานร่วมกันว่าหากมีเหตุการณ์ข้อมูลข่าวสารที่มีผลกระทบต่อความมั่นคงความปลอดภัยต่อชีวิต และทรัพย์สินของประชาชน ก็จะมีการชี้แจงต่อประเทศนั้นๆ ผ่านกระทรวงการต่างประเทศ ซึ่งการประสานงานต่อไปจะมีความชัดเจนขึ้น และสามารถที่จะแลกเปลี่ยนข่าวสารโดยเฉพาะสหรัฐอเมริกากับกระทรวงกลาโหม
“วันนี้น่าจะมีการปรับในการทำงานให้เกิดความชัดเจน และให้เกิดประสิทธิภาพ การแจ้งเตือนในครั้งนี้ทางสหรัฐอเมริกาไม่สามารถเลือกปฏิบัติได้ ในการแจ้งเตือนเฉพาะคนของเขา เขาจึงมีความจำเป็นต้องแจ้งในภาพรวม แต่การแจ้งเตือนในครั้งนี้ไม่ได้เจาะจงว่าจะมีการเหตุการณ์ร้ายแรง เพียงแต่แจ้งเตือนให้มีความระมัดระวังเท่านั้น ซึ่งปัจจุบันตำรวจดำเนินการเรียบร้อยแล้ว และขอย้ำว่าในแผ่นดินไทยไม่ได้เป้าหมายของกลุ่มก่อการร้ายในทุกกลุ่ม และประเทศไทยไม่ได้เป็นปฏิปักษ์ต่อกลุ่มต่างๆ” พ.อ.ธนาธิประบุ
ด้าน พล.ต.อ.โกวิท วัฒนะ รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีที่ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจบุกตรวจค้นจับกุมผู้ต้องสงสัย และตรวจสอบสถานที่เก็บวัตถุระเบิด เพื่อเตรียมก่อการร้ายที่ จ.สมุทรสาคร ว่าเจ้าหน้าที่ได้รับการรายงานมา จึงได้นำกำลังเข้าไปตรวจค้นเบื้องต้นฝ่ายสอบสวนก็กำลังสืบสวนอยู่ โดยขณะนี้เจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงทุกหน่วยงานกำลังดูแลความสงบเรียบร้อยกันอย่างเต็มที่ ไม่ว่าจะเป็นสำนักงานตำรวจแห่งชาติ หน่วยข่าวกรองแห่งชาติ หรือ สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ ก็ทำงานร่วมกันอยู่ นอกจากนี้ก็ยังได้ประสานงานกับตำรวจสากลอยู่ตลอดเวลา ดังนั้น ประชาชนไม่ต้องวิตกกังวลต่อสถานการณ์ในขณะนี้ซึ่งยังสามารถควบคุมได้