หอการค้าฯ ขอบคุณนายกฯ อุตส่าห์ดั้นด้นจัดประชุม กรอ.ถึงเชียงใหม่ ด้าน “ปู” สบโอกาสพร้อมรับข้อเสนอต่างๆ หากทำให้การทำงานดีขึ้น ระบุ อย่าทอดทิ้งแผนการท่องเที่ยว เพราะจะช่วยสร้างรายได้ทั้งในระยะสั้นและยาว กำชับ รมว.เร่งรายงานผลหลังส่ง ครม.ลงพื้นที่ทั้ง 8 จังหวัดภาคเหนือ เผย มีการเสนอมาแล้ว 128 โครงการ
วันนี้ (15 ม.ค.) นางฐิติมา ฉายแสง โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่า ในการประชุมคณะกรรมการร่วมภาครัฐและเอกชน เพื่อแก้ไขปัญหาทางเศรษฐกิจ (กรอ.) ที่โรงแรมรติล้านนา ถ.ช้างคลาน จ.เชียงใหม่นั้น ทางประธานหอการค้าและภาคเอกชน ได้แสดงความยินดี เพราะถือเป็นโอกาสที่ดีและเป็นเวทีที่ดีมาก รวมทั้งได้ขอบคุณ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ที่ได้เปิดโอกาส โดยนายกฯ ระบุว่า ในการทำงานเรื่องเศรษฐกิจของประเทศ ภาครัฐและเอกชนต้องทำงานกันอย่างใกล้ชิดควบคู่กัน เพื่อร่วมกันกอบกู้ประเทศไทย หากภาคเอกชนมีปัญหาใดขอให้แจ้งมา รัฐบาลยินดีรับฟังข้อเสนอต่างๆ ของภาคเอกชน จะได้มีความเข้าใจกัน จึงอยากจัดให้มี 2 เวที คือ เวที่แบบเป็นทางการ และไม่เป็นทางการ รวมทั้งรับฟังฟีดแบ็กจากภาคเอกชน และควรจะมีการทานข้าวแบบเป็นกันเอง นั่งคุยกันนอกรอบ หากภาคเอกชนมีข้อเสนอทางเลือกให้รัฐบาลจะยิ่งดีมาก แต่เรื่องไหนที่จะเป็นเรื่องใหญ่ก็จะพยายามคุยกันก่อนในวงเล็ก เพื่อทำให้การทำงานดีขึ้น แต่บางอย่างอาจจะติดขัดไม่สามารถนัดประชุมก่อนได้ก็ขอให้เข้าใจ
นางฐิติมา กล่าวต่อว่า นายกฯยังได้กล่าวถึงการฟื้นฟูหลังน้ำลดนั้น ว่า อยากจะขอแรงจากภาคเอกชน อยากให้มีความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน เพื่อสร้างความมั่นใจ บางอย่างไม่อยากให้ประกาศอะไรออกไปก่อนแล้วทำไม่ได้ ก็ต้องเอาแผนงานมากางกัน ด้านประธานสภาอุตสาหกรรม ได้กล่าวถึงความร่วมมือของภาคเอกชนเป็นเรื่องสำคัญมาก ในการแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้า การทำให้เกิดความมั่นใจและความเชื่อมั่นนั้นเป็นงานที่ต้องรีบเร่ง
โฆษกประจำสำนักนายกฯ กล่าวต่อว่า นอกจากนี้ นายกฯยังได้หยิบยกการประชุม กนจ.โดยยืนยันว่า ท่านไม่เคยละเลยเรื่องการท่องเที่ยว เพราะเป็นการสร้างรายได้ให้กับประเทศทั้งในระยะสั้น และระยะยาว หากการท่องเที่ยวต้องการให้มีการบูรณาการรวมกันหลายๆ กระทรวงก็สามารถเสนอมาได้ จากนั้นนายกฯได้มีการแจ้งการลงพื้นที่ปฏิบัติราชการของรัฐมนตรีใน 8 จังหวัดภาคเหนือ ได้แก่ เชียงใหม่ ลำปาง ลำพูน แม่ฮ่องสอน เชียงราย พะเยา และน่าน 15 ท่าน เพื่อ 1.การพิจารณาพัฒนาเครือข่ายคมนาคมและลอจิสติกส์ 2 เรื่องการส่งเสริมการค้าและการลงทุน 3.การส่งเสริมการท่องเที่ยวและบริการ 4.การบริหารจัดทรัพยากรน้ำ และ 5.การพัฒนาตลาดทุนไทย
โฆษกประจำสำนักนายกฯ กล่าวต่อว่า สำหรับผลการปฏิบัติราชการในพื้นที่ภาคเหนือของครม.คือ ในส่วนของภาคเหนือตอนบนหนึ่ง และภาคเหนือตอนบนสอง โดยยุทธศาสตร์ในการพัฒนาของกลุ่มจังหวัดภาคเหนือตอนบนหนึ่งนั้น มีแนวทางการพัฒนา 1.ด้านการฟื้นฟูอนุรักษ์ธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม วัฒนธรรมและวิถีท้องถิ่น 2.สร้างความโดดเด่นของสินค้าเกษตรและธุรกิจสร้างสรรค์ 3.พัฒนาการค้าการลงทุนบนพื้นฐานความมั่นคงทางสังคมและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ส่วนภาคเหนือตอนบนสอง นั้นคือ 1.แนวทางการพัฒนาการค้าการลงทุนและลอจิสติกส์ และช่องทางการค้าชายแดนเป็นศูนย์ขนส่งกระจายสินค้า 2.สร้างความเข้มแข็งให้ภาคเกษตรและอุตสาหกรรม 3.ส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์และวัฒนธรรมล้านนาตะวันออก เชิงสุขภาพ เพิ่มการท่องเที่ยวในกลุ่มจีเอ็มเอส 4.เป็นฐานทรัพยากรธรรมชาติที่อุดมสมบูรณ์ อนุรักษ์ป่าต้นน้ำของประเทศ
โฆษกประจำสำนักนายกฯ กล่าวต่อว่า สำหรับแนวทางในการสั่งการรัฐมนตรีในการลงพื้นที่นั้น คือ ให้รัฐมนตรีให้ความเห็นชอบและข้อเสนอแนะในการปรับปรุงโครงการ พร้อมทั้งมอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการต่อไป ส่วนโครงการที่ยังไม่มีความพร้อมให้หน่วยงานไปศึกษารายละเอียดเพิ่มเติม และรับข้อเสนอของหน่วยงานและประชาชนในพื้นที่เพิ่มเติม โดยภาคเหนือตอนบนได้เห็นชอบโครงการก่อสร้างประตูน้ำสบแม่ข่า อ.หางดง จ.เชียงใหม่ โดยให้กรมชลประทานจัดทำรายละเอียดเพิ่มเติม เพื่อเสนอขอรับงบปี 55 ในการสนับสนุนจากกยน. และมอบหมายให้กรมชลประทานทำแผนการซ่อมแซมตลิ่งฝั่งขวา ลำน้ำแม่งัด อ.แม่แตง จ.เชียงใหม่ ให้ชัดเจน พร้อมทบทวนการบริหารจัดการน้ำให้เสร็จก่อนฤดูน้ำหลาก และเห็นควรสนับสนุนการสร้างอ่างเก็บน้ำแม่สะลวม อ.พร้าว จ.เชียงใหม่ โดยให้ นายบุญทรง เตริยาภิรมย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง ประสานกับกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ในการเร่งรัดการใช้พื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติ เพื่อประกาศถอนพื้นที่บางส่วนออกจากกรมอุทยานแห่งชาติสีลาแม
และเห็นควรให้มีโครงการแก้น้ำท่วมเมืองเชียงใหม่ ลำพูน โดยมอบให้กรมชลฯและกรมทางหลวงศึกษารายละเอียดความเป็นไปได้ของโครงการ และเห็นควรสนับสนุนการป้องกันน้ำท่วมนิคมอุสาหกรรมภาคเหนือและสถานประกอบการบริเวณใกล้เคียงอ.เมือง จ.ลำพุน โดยให้กยน.พิจารณาต่อไป ทั้งนี้เห็นควรให้สนับสนุนป้องกันปัญหาน้ำท่วมลุ่มน้ำลี้ จ.ลำพูน เห็นควรสนับสนุนโครงการรักษ์น้ำเพื่อพระแม่ของแผ่นดิน จ.แม่ฮ่องสอน สำหรับงบประมาณในภาคเหนือทั้งหนึ่งและสอง 8 จังหวัด ได้เสนอมาทั้งสิ้น 128 โครงการ เป็นวงเงิน 387,389.44 ล้านบาท และจะต้องมีการกลั่นกรองจาก กนจ.ในส่วนที่เกี่ยวกับน้ำจะส่งให้ กยน.กลั่นกรองก่อน