xs
xsm
sm
md
lg

“กี้ร์” ลาบวช 19 ม.ค.หวังรู้ซึ้งถึง ศีล สมาธิ ปัญญา

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

อริสมันต์ พงษ์เรืองรอง (แฟ้มภาพ)
“กี้ร์” ลาบวช 19 ม.ค.ระบุต้องการเรียนรู้รสพระธรรม ให้รู้ซึ้งถึง ศีล สมาธิ ปัญญา ยืนยันคนเสื้อแดงไม่เคยคิดล้มสถาบัน จ่อไปแสวงบุญพุทธคยา อินเดีย แต่ทั้งนี้ ขึ้นอยู่กับศาลว่าจะอนุญาตหรือไม่


ที่พรรคเพื่อไทย วันนี้ (15 ม.ค.) นายอริสมันต์ พงษ์เรืองรอง แกนนำ นปช.หรือกลุ่มคนเสื้อแดง แถลงว่า ในวันที่ 19 ม.ค.นี้ ตนตัดสินใจที่จะเข้าไปอุปสมบท ที่วัดสัมพันธวงศ์ เพื่อที่จะได้เรียนรู้ถึงศีล สมาธิ ปัญญา และเพื่อตอบแทนผู้มีพระคุณเป็นพระราชกุศลให้องค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และคุณพ่อ คุณแม่ และผู้มีพระคุณ รวมถึงประชาชนที่ได้เสียสละในการที่มาเรียกร้องประชาธิปไตย และได้มีการสูญเสียอย่างมากมาย

นายอริสมันต์ กล่าวว่า และวันนี้รัฐบาลได้ทำตามสิ่งที่ตนได้เรียกร้อง นั่นคือ การเยียวยา นั่นคือ การเข้าสู่กระบวนการปรองดองอย่างแท้จิรง ซึ่งตนคิดว่า กระบวนการเยียวยาเป็นขั้นตอนที่หนึ่ง ขั้นตอนต่อไป คือ กระบวนการยุติธรรมในการคืนอิสรภาพให้กับประชาชนที่ถูกคุมขังขณะนี้ การบวชของตนเป็นการบวชตามประเพณี เพื่อเรียนรู้ศีล สมาธิ ปัญญา และได้ทบทวนตัวเองใช้เวลาที่บวชนี้ว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทำไมได้เปลี่ยนชีวิตตนได้มากขนาดนั้น

ทั้งนี้ จะใช้เวลาในการบวชหนึ่งเดือน เป็นอย่างน้อย และอยากจะไปจาริกแสวงบุญที่อินเดีย ที่พุทธคยา โดยขณะนี้ได้ประสานกับวัดพุทธคยาเอาไว้ และจะไปพำนักที่นั่น แต่ทั้งนี้ ขึ้นอยู่กับศาลว่าจะอนุญาตให้เดินทางไปแสวงบุญได้หรือไม่ และในวันที่ 17 ม.ค.ในการประชุมพรรคเพื่อไทย ตนจะมาลาบวชกับแกนนำพรรค และบุคคลที่สนิทในพรรค

นายอริสมันต์ กล่าวว่า อยากพูดถึงเหตุการณ์ทั้งหลายที่เกิดขึ้น ต้องขอพูดถึงเรื่องเหตุการณ์ที่พัทยาเมื่อปี 2552 ก่อนอื่นต้องกราบอภัยผู้นำประเทศหลายประเทศ และนายกรัฐมนตรีจากประเทศจีน และประชาชนชาวจีน ที่หลายคนรู้สึกว่าการกระทำครั้งนั้นทำให้ผู้นำจีนเสียเกียรติต้องขอกราบขออภัยอย่างสุดซึ้ง ซึ่งขอเรียนว่า วันนี้พี่น้องเสื้อแดงเข้าไปหลบภัย เข้าไปในโรงแรม แต่ไม่ได้มีจุดประสงค์ทำให้ผู้นำประเทศเสียเกียรติ และไม่มีวัตถุประสงค์ล้มการประชุมครั้งนั้น ตนไม่มีโอกาสชี้แจงข้อเท็จจริงให้สื่อได้ทราบ ไม่มีโอกาสที่จะได้พูดคุยกับผู้นำต่างประเทศนั้น ดังนั้น ขอโอกาสนี้ได้ให้อภัยตนในสิ่งที่เกิดขึ้น

นายอริสมันต์ กล่าวว่า เหตุการณ์ที่มีการสลายการชุมนุม 19 พ.ย.2553 คนเสื้อแดงและตนเป็นคนฝ่ายถูกกระทำ เพราะมีการให้ข้อมูลที่ผิดพลาดคลาดเคลื่อน โดยรัฐบาลในอดีตทำให้กองทัพต้องเปลี่ยนท่าทีจากการสลายการชุมนุมมาเป็นการรบในเมือง จึงเกิดความเสียหายอย่างมากมาย และถึงวันนี้เราได้เห็นว่า บ้านเมืองของเราความยุติธรรมของเราจะกลับคืนสู่สภาพที่มีการปรองดองอย่างแท้จริง ในการที่จะแก้ไขกฎหมายให้เกิดความเป็นธรรม และเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบในเหตุการณ์ครั้งนั้น ตนถือว่าภารกิจของผมนั้นได้จุดสิ้นสุดแล้ว สิ่งที่จะต้องทำต่อไปหลังจากนี้ คือ การเป็นเพศบรรพชิตอุปสมบทในวันที่ 19 ม.ค.53 เพื่ออุทิศส่วนกุศลให้กับเจ้ากรรมนายเวรทุกๆ คน

แกนนำ นปช.กล่าวว่า การที่ได้มาแถลงข่าวครั้งนี้ ก็มาด้วยคติที่พูดว่าให้อภัยไม่อาฆาต และอยากบอกกับประชาชนและสื่อ ว่า คนเสื้อแดงทุกคนมีความจงรักภักดี ไม่มีใครคิดล้มล้างสถาบัน แต่สิ่งที่เราถูกกล่าวหาเช่นนั้น เพราะฝ่ายการเมืองฝ่ายตรงข้ามได้เอาข้อกล่าวหานี้มายัดเยียดให้คนเสื้อแดง ขอย้ำว่า พวกเราเรียกร้องประชาธิปไตย ไม่มีใครคิดล้มล้างสถาบัน

“ในปีนี้ผมครบรอบ 48 ปี และเป็นปีมังกรทองของทุกคนอยากใช้ปีนี้ที่เป็นปีที่ยิ่งใหญ่ และที่สำคัญ คือ พวกเราได้ตั้งใจแล้วว่าจะเอาความสุขที่ประเทศชาติสูญเสียไปกลับคืนสู่สังคมไทยอีกครั้งด้วยมือของพวกเรา และมือของสื่อ สร้างความปรองดอง สมานฉันท์ เชื่อว่า ทุกอย่างจะจบลงได้ด้วยดี ด้วยการที่เราหันหน้าเข้าหากันพูดจากันด้วยหลักการและเหตุผล”

ผู้สื่อข่าวถามว่า จะบอกอย่างไรกับคนเสื้อแดงบางกลุ่มที่อาจจะยังเข้าใจผิด และเคลื่อนไหวเรื่องสถาบัน ในเมื่อยืนยันว่าไม่คิดล้มสถาบัน นายอริสมันต์ กล่าวว่า คือ คนกลุ่มนั้นไม่ได้คิดล้มล้างสถาบัน ที่ถามความหมาย คือ ในเรื่องมาตรา 112 ใช่หรือไม่ คนเหล่านั้นเขาเห็นว่าม.112 ทำให้ฝั่งการเมืองฝ่ายตรงข้ามใช้เป็นอาวุธสำคัญในการกล่าวหาเขา เพราะฉะนั้นตรงนี้ตนจึงบอกว่าไม่มีคนใดที่จะคิดล้มสถาบันเลย แม้กระทั่งตนอยู่ในคุกหลายคนบอกว่าเขาไม่ได้บาปหนาขนาดนั้น แต่เขาไม่อยากเห็นอีกฝั่งการเมืองใช้มาตรา 112 เป็นอาวุธที่ไปจับกุมคุมขังประชาชนที่เห็นต่าง

ส่วนจุดยืนส่วนตัวในเรื่องมาตรา 112 เป็นอย่างนั้นร นายอริสมันต์ กล่าวว่า ตนต้องการเพียงให้ประเทศของเรามีรัฐธรรมนูญมาจากประชาชน และตนเชื่อว่า คนเสื้อแดงอยากได้รัฐธรรมนูญที่มาจากประชาชนและเป็นประชาธิปไตยอย่างแท้จริง ซึ่งคนเสื้อแดงไม่จำเป็นต้องเคลื่อนไหวแบบเดิมแล้ว เราต้องเคลื่อนไหวด้วยปัญญา กับการที่จะต้องเดินมาบนถนนต่างๆตนคิดว่า กิจกรรมอย่างนี้ได้สะท้อนให้เห็นแล้วว่าเป็นอย่างไร จะประสบความสำเร็จอย่างและจะเกิดอะไรขึ้น มีการแทรกแซง หรือมีกระบวนการที่จ้องที่ทำให้เกิดความวุ่นวายตนเองอาจเป็นเป้าสำคัญที่หลายคนจับจ้อง หลายคนพยามทำให้มันมีปัญหาหรือเกิดอุบัติเหตุทางการเมืองขึ้นมาได้ ตนเองไม่ได้อยากมีส่วนเกี่ยวข้องกับกิจกรรมอย่างนั้น จึงขอทุกคนว่าถ้าเป็นไปได้อยากให้กำลังรัฐบาลของเรา ขอให้เราได้เสียสละ 3 บาท เขียนไปรษณียบัตรว่าต้องการที่จะสนับสนุนรัฐบาลให้ทำอะไรบ้าง ตนเชื่อมั่นว่า ไปรษณียบัตรเหล่านั้นจะมีความหมายในการขับเคลื่อนประชาธิปไตย และทำให้รัฐบาลใช้สิ่งเหล่านั้นเป็นหลักฐานเอาไว้เพื่อบอกให้ชาวโลกรับทราบว่านี่คือสิ่งที่ประชาชนต้องการ
กำลังโหลดความคิดเห็น