"ไอ้กี้ร์" ลาบวช 19 ม.ค. อ้างอยากซึ้งในรสพระธรรม อุทิศส่วนกุศลให้เจ้ากรรมนายเวร อยากไปแสวงบุญที่อินเดีย ยันคนเสื้อแดงไม่เคยคิดล้มสถาบันฯ แต่ฝ่ายตรงข้ามเอา ม.112 มาใช้เป็นอาวุธ
เมื่อเวลา 11.00 น. วานนี้ (15 ม.ค.) ที่พรรคเพื่อไทย นายอริสมันต์ พงษ์เรืองรอง แกนนำนปช. แถลงว่า จากการที่ตนได้เดินทางเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม ซึ่งต่อมาศาลได้อนุญาตให้ได้รับการประกันตัว ตนจึงตัดสินใจที่จะเข้าอุปสมบท ที่ วัดสัมพันธวงศ์ ในวันที่ 19 ม.ค.นี้ เพื่อที่จะได้เรียนรู้ถึงศีล สมาธิ ปัญญา และเพื่อตอบแทนผู้มีพระคุณ เป็นพระราชกุศลให้องค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และคุณพ่อ คุณแม่ และผู้มีพระคุณ รวมถึงประชาชน ที่ได้เสียสละในการที่มาเรียกร้องประชาธิปไตย ซึ่งมีการสูญเสียอย่างมากมาย
นายอริสมันต์ กล่าวด้วยว่า วันนี้รัฐบาลได้ทำตามสิ่งที่ตนได้เรียกร้อง นั่นคือการเยียวยา และการเข้าสู่กระบวนการปรองดองอย่างแท้จริง กระบวนการเยียวยาเป็นขั้นตอนที่หนึ่ง ขั้นตอนต่อไปคือ กระบวนการยุติธรรมในการคืนอิสรภาพให้กับประชาชนที่ถูกคุมขังขณะนี้
"ผมจะใช้เวลาในการบวชหนึ่งเดือนเป็นอย่างน้อย และอยากจะไปจาริกแสวงบุญที่อินเดีย ที่พุทธคยา โดยขณะนี้ได้ประสานกับวัดพุทธคยาเอาไว้ และจะไปพำนักที่นั่น แต่ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับศาลว่า จะอนุญาตให้เดินทางไปแสวงบุญได้หรือไม่" นายอริสมันต์ กล่าว
นายอริสมันต์ กล่าวด้วยว่า อยากพูดถึงเหตุการณ์ที่ พัทยา เมื่อปี 2552 ก่อนอื่นต้องกราบอภัยผู้นำประเทศหลายประเทศ และนายกรัฐมนตรีจากประเทศจีน และประชาชนชาวจีน ที่หลายคนรู้สึกว่า การกระทำครั้งนั้นของตน ทำให้ผู้นำจีนเสียเกียรติ ก็ต้องขอกราบขออภัยอย่างสุดซึ้ง
" ขอเรียนว่าวันนี้พี่น้องเสื้อแดง เข้าไปหลบภัยเข้าไปในโรงแรม แต่ไม่ได้มีจุดประสงค์ทำให้ผู้นำประเทศเสียเกียรติ และไม่มีวัตถุประสงค์ล้มการประชุมครั้งนั้น ผมไม่มีโอกาสชี้แจงข้อเท็จจริงให้สื่อได้ทราบ ไม่มีโอกาสที่จะได้พูดคุยกับผู้นำต่างประเทศ ดังนั้นขอโอกาสนี้ ได้ให้อโหสิให้ผมในสิ่งที่เกิดขึ้น"
นายอริสมันต์ กล่าวว่า เหตุการณ์ที่มีการสลายการชุมนุม 19 พ.ย. 53 คนเสื้อแดงและตน เป็นคนฝ่ายถูกกระทำ เพราะมีการให้ข้อมูลที่ผิดพลาด โดยรัฐบาลในอดีตทำให้กองทัพต้องเปลี่ยนท่าที จากการสลายการชุมนุม มาเป็นการรบในเมือง จึงเกิดความเสียหายอย่างมากมาย และถึงวันนี้ เราได้เห็นว่าบ้านเมืองของเรา ความยุติธรรมของเรา จะกลับคืนสู่สภาพที่มีการปรองดองอย่างแท้จริง ในการที่จะแก้ไขกฎหมายให้เกิดความเป็นธรรม และเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบในเหตุการณ์ครั้งนั้น ตนถือว่าภารกิจของตนนั้นได้ถึงจุดสิ้นสุดแล้ว สิ่งที่จะต้องทำต่อไปหลังจากนี้ คือการเป็นเพศบรรพชิต เพื่ออุทิศส่วนกุศลให้กับเจ้ากรรมนายเวรทุกๆ คน
แกนนำนปช. กล่าวว่า การที่ได้มาแถลงข่าวครั้งนี้ ก็มาด้วยคติที่พูดว่า ให้อภัยไม่อาฆาต และอยากบอกกับประชาชน และสื่อฯ ว่า คนเสื้อแดงทุกคนมีความจงรักภักดี ไม่มีใครคิดล้มล้างสถาบันฯ แต่สิ่งที่เราถูกกล่าวหาเช่นนั้น เพราะฝ่ายการเมืองฝ่ายตรงข้ามได้เอาข้อกล่าวหานี้มายัดเยียดให้คนเสื้อแดง ขอย้ำว่า พวกเราเรียกร้องประชาธิปไตย ไม่มีใครคิดล้มล้างสถาบันฯ
** อัดฝ่ายตรงข้ามใช้ ม.112 เป็นอาวุธ
ต่อข้อถามว่า จะบอกอย่างไรกับคนเสื้อแดงบางกลุ่ม ที่อาจจะยังเข้าใจผิดและเคลื่อนไหวเรื่องสถาบันฯ ในเมื่อยืนยันว่าไม่คิดล้มสถาบันฯ นายอริสมันต์ กล่าวว่า คือคนกลุ่มนั้นไม่ได้คิดล้มล้างสถาบันฯ ที่ถามความหมาย คือ ในเรื่อง มาตรา 112 ใช่หรือไม่ คนเหล่านั้นเขาเห็นว่า ม.112 ทำให้ฝั่งการเมืองฝ่ายตรงข้าม ใช้เป็นอาวุธสำคัญในการกล่าวหาเขา เพราะฉะนั้นตรงนี้ตนจึงบอกว่า ไม่มีคนใดที่จะคิดล้มสถาบันฯ เลย และไม่อยากเห็นอีกฝั่งการเมืองใช้มาตรา 112 เป็นอาวุธที่ไปจับกุมคุมขังประชาชนที่เห็นต่าง
เมื่อถามว่าจุดยืนส่วนตัวในเรื่อง มาตรา112 เป็นอย่างไร นายอริสมันต์ กล่าวว่า ตนต้องการเพียงให้ประเทศของเรามีรัฐธรรมนูญมาจากประชาชน และตนเชื่อว่าคนเสื้อแดงอยาก ได้รัฐธรรมนูญที่มาจากประชาชน และเป็นประชาธิปไตยอย่างแท้จริง ซึ่งคนเสื้อแดงไม่จำเป็นต้องเคลื่อนไหวแบบเดิมแล้ว เราต้องเคลื่อนไหวด้วยปัญญา กับการที่จะต้องเดินมาบนถนนต่างๆ ตนคิดว่ากิจกรรมอย่างนี้ได้สะท้อนให้เห็นแล้วว่า เป็นอย่างไร และจะเกิดอะไรขึ้น มีการแทรกแซงหรือมีกระบวนการที่จ้องที่ทำให้เกิดความวุ่นวาย ตนเองอาจเป็นเป้าสำคัญที่หลายคนจับจ้อง หลายคนพยามทำให้มันมีปัญหาหรือเกิดอุบัติเหตุทางการเมืองขึ้นมาได้ ตนเองไม่ได้อยากมีส่วนเกี่ยวข้องกับกิจกรรมอย่างนั้น จึงขอทุกคนว่า ถ้าเป็นไปได้ อยากให้กำลังรัฐบาล ก็ขอให้เราได้เสียสละ 3 บาท เขียนไปรษณียบัตร ว่า ต้องการที่จะสนับสนุนรัฐบาลให้ทำอะไรบ้าง ตนเชื่อว่าไปรษณียบัตรเหล่านั้น จะมีความหมายในการขับเคลื่อนประชาธิปไตย และทำให้รัฐบาลใช้สิ่งเหล่านั้นเป็นหลักฐานเอาไว้เพื่อบอกให้ชาวโลกรับทราบว่า นี่คือสิ่งที่ประชาชนต้องการ.
เมื่อเวลา 11.00 น. วานนี้ (15 ม.ค.) ที่พรรคเพื่อไทย นายอริสมันต์ พงษ์เรืองรอง แกนนำนปช. แถลงว่า จากการที่ตนได้เดินทางเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม ซึ่งต่อมาศาลได้อนุญาตให้ได้รับการประกันตัว ตนจึงตัดสินใจที่จะเข้าอุปสมบท ที่ วัดสัมพันธวงศ์ ในวันที่ 19 ม.ค.นี้ เพื่อที่จะได้เรียนรู้ถึงศีล สมาธิ ปัญญา และเพื่อตอบแทนผู้มีพระคุณ เป็นพระราชกุศลให้องค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และคุณพ่อ คุณแม่ และผู้มีพระคุณ รวมถึงประชาชน ที่ได้เสียสละในการที่มาเรียกร้องประชาธิปไตย ซึ่งมีการสูญเสียอย่างมากมาย
นายอริสมันต์ กล่าวด้วยว่า วันนี้รัฐบาลได้ทำตามสิ่งที่ตนได้เรียกร้อง นั่นคือการเยียวยา และการเข้าสู่กระบวนการปรองดองอย่างแท้จริง กระบวนการเยียวยาเป็นขั้นตอนที่หนึ่ง ขั้นตอนต่อไปคือ กระบวนการยุติธรรมในการคืนอิสรภาพให้กับประชาชนที่ถูกคุมขังขณะนี้
"ผมจะใช้เวลาในการบวชหนึ่งเดือนเป็นอย่างน้อย และอยากจะไปจาริกแสวงบุญที่อินเดีย ที่พุทธคยา โดยขณะนี้ได้ประสานกับวัดพุทธคยาเอาไว้ และจะไปพำนักที่นั่น แต่ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับศาลว่า จะอนุญาตให้เดินทางไปแสวงบุญได้หรือไม่" นายอริสมันต์ กล่าว
นายอริสมันต์ กล่าวด้วยว่า อยากพูดถึงเหตุการณ์ที่ พัทยา เมื่อปี 2552 ก่อนอื่นต้องกราบอภัยผู้นำประเทศหลายประเทศ และนายกรัฐมนตรีจากประเทศจีน และประชาชนชาวจีน ที่หลายคนรู้สึกว่า การกระทำครั้งนั้นของตน ทำให้ผู้นำจีนเสียเกียรติ ก็ต้องขอกราบขออภัยอย่างสุดซึ้ง
" ขอเรียนว่าวันนี้พี่น้องเสื้อแดง เข้าไปหลบภัยเข้าไปในโรงแรม แต่ไม่ได้มีจุดประสงค์ทำให้ผู้นำประเทศเสียเกียรติ และไม่มีวัตถุประสงค์ล้มการประชุมครั้งนั้น ผมไม่มีโอกาสชี้แจงข้อเท็จจริงให้สื่อได้ทราบ ไม่มีโอกาสที่จะได้พูดคุยกับผู้นำต่างประเทศ ดังนั้นขอโอกาสนี้ ได้ให้อโหสิให้ผมในสิ่งที่เกิดขึ้น"
นายอริสมันต์ กล่าวว่า เหตุการณ์ที่มีการสลายการชุมนุม 19 พ.ย. 53 คนเสื้อแดงและตน เป็นคนฝ่ายถูกกระทำ เพราะมีการให้ข้อมูลที่ผิดพลาด โดยรัฐบาลในอดีตทำให้กองทัพต้องเปลี่ยนท่าที จากการสลายการชุมนุม มาเป็นการรบในเมือง จึงเกิดความเสียหายอย่างมากมาย และถึงวันนี้ เราได้เห็นว่าบ้านเมืองของเรา ความยุติธรรมของเรา จะกลับคืนสู่สภาพที่มีการปรองดองอย่างแท้จริง ในการที่จะแก้ไขกฎหมายให้เกิดความเป็นธรรม และเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบในเหตุการณ์ครั้งนั้น ตนถือว่าภารกิจของตนนั้นได้ถึงจุดสิ้นสุดแล้ว สิ่งที่จะต้องทำต่อไปหลังจากนี้ คือการเป็นเพศบรรพชิต เพื่ออุทิศส่วนกุศลให้กับเจ้ากรรมนายเวรทุกๆ คน
แกนนำนปช. กล่าวว่า การที่ได้มาแถลงข่าวครั้งนี้ ก็มาด้วยคติที่พูดว่า ให้อภัยไม่อาฆาต และอยากบอกกับประชาชน และสื่อฯ ว่า คนเสื้อแดงทุกคนมีความจงรักภักดี ไม่มีใครคิดล้มล้างสถาบันฯ แต่สิ่งที่เราถูกกล่าวหาเช่นนั้น เพราะฝ่ายการเมืองฝ่ายตรงข้ามได้เอาข้อกล่าวหานี้มายัดเยียดให้คนเสื้อแดง ขอย้ำว่า พวกเราเรียกร้องประชาธิปไตย ไม่มีใครคิดล้มล้างสถาบันฯ
** อัดฝ่ายตรงข้ามใช้ ม.112 เป็นอาวุธ
ต่อข้อถามว่า จะบอกอย่างไรกับคนเสื้อแดงบางกลุ่ม ที่อาจจะยังเข้าใจผิดและเคลื่อนไหวเรื่องสถาบันฯ ในเมื่อยืนยันว่าไม่คิดล้มสถาบันฯ นายอริสมันต์ กล่าวว่า คือคนกลุ่มนั้นไม่ได้คิดล้มล้างสถาบันฯ ที่ถามความหมาย คือ ในเรื่อง มาตรา 112 ใช่หรือไม่ คนเหล่านั้นเขาเห็นว่า ม.112 ทำให้ฝั่งการเมืองฝ่ายตรงข้าม ใช้เป็นอาวุธสำคัญในการกล่าวหาเขา เพราะฉะนั้นตรงนี้ตนจึงบอกว่า ไม่มีคนใดที่จะคิดล้มสถาบันฯ เลย และไม่อยากเห็นอีกฝั่งการเมืองใช้มาตรา 112 เป็นอาวุธที่ไปจับกุมคุมขังประชาชนที่เห็นต่าง
เมื่อถามว่าจุดยืนส่วนตัวในเรื่อง มาตรา112 เป็นอย่างไร นายอริสมันต์ กล่าวว่า ตนต้องการเพียงให้ประเทศของเรามีรัฐธรรมนูญมาจากประชาชน และตนเชื่อว่าคนเสื้อแดงอยาก ได้รัฐธรรมนูญที่มาจากประชาชน และเป็นประชาธิปไตยอย่างแท้จริง ซึ่งคนเสื้อแดงไม่จำเป็นต้องเคลื่อนไหวแบบเดิมแล้ว เราต้องเคลื่อนไหวด้วยปัญญา กับการที่จะต้องเดินมาบนถนนต่างๆ ตนคิดว่ากิจกรรมอย่างนี้ได้สะท้อนให้เห็นแล้วว่า เป็นอย่างไร และจะเกิดอะไรขึ้น มีการแทรกแซงหรือมีกระบวนการที่จ้องที่ทำให้เกิดความวุ่นวาย ตนเองอาจเป็นเป้าสำคัญที่หลายคนจับจ้อง หลายคนพยามทำให้มันมีปัญหาหรือเกิดอุบัติเหตุทางการเมืองขึ้นมาได้ ตนเองไม่ได้อยากมีส่วนเกี่ยวข้องกับกิจกรรมอย่างนั้น จึงขอทุกคนว่า ถ้าเป็นไปได้ อยากให้กำลังรัฐบาล ก็ขอให้เราได้เสียสละ 3 บาท เขียนไปรษณียบัตร ว่า ต้องการที่จะสนับสนุนรัฐบาลให้ทำอะไรบ้าง ตนเชื่อว่าไปรษณียบัตรเหล่านั้น จะมีความหมายในการขับเคลื่อนประชาธิปไตย และทำให้รัฐบาลใช้สิ่งเหล่านั้นเป็นหลักฐานเอาไว้เพื่อบอกให้ชาวโลกรับทราบว่า นี่คือสิ่งที่ประชาชนต้องการ.