xs
xsm
sm
md
lg

เมื่อเรามี “โกร่ง” เป็นนายกฯ(เงามืด) กำหนดทิศทางประเทศ!!

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร
ผ่าประเด็นร้อน

เริ่มเห็นภาพค่อนข้างชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ แล้วว่านับจากนี้เรากำลังนายกรัฐมนตรี (เงามืด) ที่ซ่อนอยู่ข้างหลัง นายกรัฐมนตรีโคลนนิ่งอีกชั้นหนึ่ง หลังจากได้เห็นแนวทางและบทบาทหลายอย่างที่กำลังเริ่มขึ้นในช่วงปีนี้เป็นต้นไป คนคนนั้นก็คือ วีรพงษ์ รามางกูร ในฐานะประธานคณะกรรมการยุทธศาสตร์เพื่อการฟื้นฟูและสร้างอนาคตประเทศไทย (กยอ.) นั่นเอง

บทบาทของเขาดูแล้วไม่ต่างจากนายกรัฐมนตรีที่กำลังกำหนดทิศทางประเทศ โดยเฉพาะทางด้านเศรษฐกิจ เพียงแต่ว่าทิศทางที่คนคนนี้กำลังกำหนดและชักลากไปนั้นเป็นหนทางไปทางนรกหรือสวรรค์กันแน่

แนวความคิดในเรื่องการโอนหนี้ของกองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงินจำนวน 1.14 ล้านล้านบาทที่รัฐบาลกำลังจะโอนจากกระทรวงการคลังไปให้ธนาคารแห่งประเทศไทยรับผิดชอบด้วยการออกพระราชกำหนดปรับปรุงบริหารหนี้เงินกู้ ที่กระทรวงการคลังกู้เพื่อช่วยเหลือกองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน พ.ศ....ซึ่งนอกจากมีเจตนาในการ “ล้วงเงิน” จากและตัดท่อส่งเงินเข้า “คลังหลวง” ที่บุรพกษัตริย์ บรรพบุรุษกันเอาไว้ใช้สำหรับยามฉุกเฉินยิ่งยวดแล้วยังมีเจตนาเข้ามาแทรกแซงธนาคารแห่งประเทศไทยให้รับใช้ฝ่ายการเมือง

ที่สำคัญเจตนาสำคัญที่สุดอีกอย่างหนึ่งที่รับรู้กันแล้วก็คือ ต้องการผ่องถ่ายหนี้ก้อนใหญ่ดังกล่าวออกไปแล้วจะได้ตกแต่งบัญชีเพื่อนำไปสู่การกู้เงินก้อนใหญ่ ขณะเดียวกันก็ลอยแพธนาคารแห่งประเทศไทยให้รับภาระหนี้สินนั้นแทน

แม้ว่าที่ผ่านมาหลังจากมีเสียงคัดค้านอย่างหนักจากสังคมที่รู้ทันเรื่องเข้ามาล้วงเงินคลังหลวงโดยมีการเขียนข้อความในมาตรา 7 เพื่อให้รัฐบาลโดยคณะรัฐมนตรีและกระทรวงการคลังเข้ามาครอบงำธนาคารแห่งประเทศไทย ทำให้ต้องถอยกลับไปชั่วคราวโดยอ้างว่าจะนำไปตัดทอนข้อความบางอย่างออกไป แต่เจตนาหลักๆอื่นยังเดินหน้าต่อไปนั่นคือการโอนหนี้จำนวน 1.14 ล้านล้านบาท ซึ่งล่าสุดเมื่อวันที่ 10 มกราคม คณะรัฐมนตรีของรัฐบาล ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ก็ได้ให้การเห็นชอบร่างพระราชกำหนดฉบับนี้เรียบร้อยแล้ว พร้อมทั้งพระราชกำหนดอีก 3 ฉบับคือ ร่างพระราชกำหนดเงินกู้เพื่อการบูรณะและฟื้นฟูประเทศที่ได้รับความเสียหายจากปัญหาอุทกภัย พ.ศ.... จำนวน 3.5 แสนล้านบาท ร่างพระราชกำหนดจัดตั้งกองทุนประกันภัย 5 หมื่นล้านบาท และ ร่างพระราชกำหนดแก้ไขพระราชบัญญัติธนาคารแห่งประเทศไทย เพื่อให้ธนาคารแห่งประเทศไทยปล่อยสินเชื่อเงื่อนไขผ่อนปรนให้แก่สถาบันการเงิน 3 แสนล้านบาท อ้างเหตุผลความจำเป็นสารพัดว่าเพื่อนำไปบูรณะฟื้นฟูรวมทั้งป้องกันน้ำท่วมในอนาคต

ได้เห็นตัวเลขรำไรลอยอยู่ตรงหน้าไม่ต่ำกว่า 7 แสนล้านบาท และถ้าบวกกับหนี้กองทุนฟื้นฟูฯที่โยนไปให้ธนาคารแห่งประเทศไทยรับภาระจำนวน 1.14 ล้านล้านบาทสำเร็จแล้วละก็จะมีการแต่งบัญชีเพื่อนำไปสู่การกู้หนี้เพิ่มก้อนใหม่รวมแล้วเบ็ดเสร็จไม่น่าจะต่ำกว่า 2 ล้านล้านบาท เป็นโครงการก่อหนี้โดยตั้งวงเงินไว้ให้คนไทยทั้ง 63 ล้านคนได้เป็นหนี้กันล่วงหน้าแล้วกำหนดโครงการตามหลัง เหมือนกับบังคับเซ็นเช็กกรอกตัวเลขไว้ล่วงหน้ายังไงยังงั้น

หากจะพูดให้รวบรัดให้เห็นภาพก็ต้องบอกว่าหัวเรือใหญ่ที่อยู่เบื้องหลังทั้งหมดก็คือ วีรพงษ์ รามางกูร ที่เข้ามากำหนดอนาคตประเทศไทยภายใต้คณะกรรมการยุทธศาสตร์เพื่อการฟื้นฟูฯโดยผ่านการเห็นชอบจาก ทักษิณ ชินวัตร นั่นเอง ขณะที่ทั้ง ยิ่งลักษณ์ หรือแม้แต่รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ กิตติรัตน์ ณ ระนอง เป็นเพียงแค่คนเดินเรื่องค่อยกดปุ่มตามคำสั่งเท่านั้น

ทีนี้ปัญหาก็คือ เราในฐานะคนไทยจะไว้ใจให้คนพวกนี้ถือเช็คไปขึ้นเงินได้อย่างไร ในเมื่อเงินที่จะได้มานั้นยังไม่รู้ว่าจะนำไปทำอะไรบ้าง เหมือนกับว่ามีแค่ตัวเลขจำนวนมหาศาล แต่กลับไม่มีโครงการมาเสนอ หรือมีการกลั่นกรองอย่างสมเหตุสมผล อ้างแต่เพียงว่าต้องรีบสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุนและป้องกันไม่ให้ปัญหาอุทกภัยซ้ำรอยขึ้นมาอีก ขณะเดียวกันเมื่อพิจารณาจากผลงานและบทบาทของคนพวกนี้ ทั้งในรัฐบาลและหัวหน้าทีมในคณะกรรมการยุทธศาสตร์เพื่อการฟื้นฟูฯล้วนแล้วแต่ไม่น่าเชื่อถือทั้งสิ้น

อย่าได้แปลกใจที่มีหลายคนตั้งคำถามว่านี่คือการ “จัดการ” กับแบงก์ชาติในยุคปัจจุบันที่ยังแข็งขืนไม่ยอมก้มหัวให้กับ “ระบอบทักษิณ” และสองเป็นการตั้งวงเงินเอาไว้ล่วงหน้าก้อนใหญ่สำหรับใช้ในโครงการลงทุนอนาคต เพื่อรองรับ ธุรกิจข้ามชาติโดยมี “นายหน้าหน้าเหลี่ยมๆ” คอยประสานงานและชักเปอร์เซ็นต์หรือเปล่า แต่รูปการกำลังเดินไปทางนั้น ขณะเดียวกันคำถามก็คือว่ามันเป็นเรื่องเร่งด่วนและฉุกเฉินถึงขนาดที่ต้องออกเป็นพระราชกำหนดกู้เงินกันมากมายขนาดนั้นเชียวหรือ ทำไมไม่ออกเป็นพระราชบัญญัติ ต้องผ่านการพิจารณาของสภาตามขั้นตอน หากบอกว่าเป็นโครงการระยะยาวทำไมไม่ใช้งบประมาณผูกพัน แบบปีต่อปี หรือว่ามันไม่ทันกิน

ดังนั้นหากจะกล่าวว่าเรากำลังมีนายกรัฐมนตรีอีกคนหนึ่งที่ชื่อ วีรพงษ์ รามางกูร ทำหน้าที่ชักใยกำหนดทิศทางอนาคตของประเทศผ่านทางคณะกรรมการยุทธศาสตร์เพื่อการฟื้นฟูและสร้างอนาคตประเทศไทย กำลังกำหนดทิศทางด้านการเงินการคลังของชาติก็ไม่ผิดนัก ขณะเดียวกันอนาคตที่ว่านั้นกำลังเดินไปสู่อุ้งมือและผลประโยชน์ของ ทักษิณ ชินวัตร ที่เป็นเจ้าของคนพวกนี้อีกที ซึ่งก็มองเห็นลางๆ แล้วใช่หรือไม่ว่าไปลงนรกหรือขึ้นสวรรค์!!
วีรพงษ์ รามางกูร
กิตติรัตน์ ณ ระนอง
กำลังโหลดความคิดเห็น