นายกฯ ให้ความมั่นใจนักลงทุนญี่ปุ่น หลังภาคธุรกิจเสียหายจากอุทกภัย ขอบคุณรัฐบาลญี่ปุ่นที่ให้ความช่วยเหลือไทยจากเหตุประสบน้ำท่วม เผย เตรียมสินเชื่อ 1.2 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เยียวยาภาคอุตสาหกรรม
วันนี้ (11 ม.ค.) นายยูคิโอะ เอดะโนะ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเศรษฐกิจ การค้า และอุตสาหกรรมญี่ปุ่น เข้าเยี่ยมคารวะ พร้อมอวยพรปีใหม่แก่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ที่ห้องสีงาช้าง ตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล
นายยูคิโอะ กล่าวว่า ตนขอขอบคุณนายกรัฐมนตรี ที่เห็นว่า ความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศ ที่เป็นไปอย่างแน่นแฟ้น และยาวนาว และขอขอบคุณประเทศไทยที่ได้ให้ความช่วยเหลือแก่ญี่ปุ่น ในเหตุการณ์แผ่นดินไหวและสึนามิ เมื่อวันที่ 11 มีนาคม 2554 ที่ผ่านมา พร้อมทั้งแสดงความเสียใจแก่ประเทศไทยที่ต้องประสบกับอุทกภัยครั้งใหญ่ จึงขอเสนอให้ไทยวางมาตรการแก้ไขปัญหาอุทกภัยอย่างครบถ้วนในอนาคต เพราะการฟื้นฟูของไทย โดยเฉพาะอย่างยิ่งการฟื้นฟูทางเศรษฐกิจ ซึ่งมีความสำคัญเป็นอย่างมากในภูมิภาคนี้ และถูกจับตามองจากหลายประเทศทั่วโลก
ด้าน น.ส.ยิ่งลักษณ์ กล่าวว่า ประเทศไทยและญี่ปุ่นมีความสัมพันธ์กันมาอย่างยาวนาน โดยในปีนี้ความสัมพันธ์ได้ดำเนินมาจนครบ 125 ปี และใช้โอกาสนี้แสดงความขอบคุณไปยังนายกรัฐมนตรี รัฐบาล และประชาชนชาวญี่ปุ่น ที่ได้ให้ความช่วยเหลือประเทศไทย ทั้งในรูปของเงินช่วยเหลือ สิ่งของ และการจัดส่งผู้เชี่ยวชาญมาช่วยแก้ไขปัญหาในครั้งนี้ ซึ่งถือว่าวิกฤตอุทกภัยในประเทศไทยได้สร้างความเสียหายเป็นจำนวนมาก แต่ด้วยรากฐานทางเศรษฐกิจที่เข้มแข็งของไทย และความช่วยเหลือจากทุกส่วน ทำให้ประเทศไทยสามารถฟื้นฟูได้อย่างรวดเร็ว ซึ่งปีนี้รัฐบาลไทยได้ตั้งเป้าหมายการเติบโตทางเศรษฐกิจไว้ ร้อยละ 4-5 และมีแผนการฟื้นฟูภายหลังน้ำลด ที่เน้นการให้ความช่วยเหลือด้านอุตสาหกรรม และลงทุน โดยเฉพาะนักลงทุนญี่ปุ่น ซึ่งรัฐบาลได้เตรียมงบประมาณเพื่อช่วยเหลือภาคธุรกิจที่ได้รับผลกระทบในรูปแบบของสินเชื่อไว้ประมาณ 1.2 ล้านเหรียญสหรัฐฯ
น.ส.ยิ่งลักษณ์ กล่าวว่า สำหรับการดูแลจัดการโครงสร้างพื้นฐาน เช่น ถนน โรงพยาบาล และอุตสาหกรรมต่างๆ รัฐบาลจะเร่งฟื้นฟูให้แล้วเสร็จในไม่เกิน 6 เดือน อีกทั้งยังมีมาตรการอำนวยความสะดวกต่างๆ อาทิ มาตรการยกเว้นภาษีนำเข้าเครื่องจักร การจัดให้มีช่องทางพิเศษ fast track สำหรับนักท่องเที่ยว หรือผู้เชี่ยวชาญที่จะเข้ามาช่วยแก้ไขปัญหาอุทกภัย ส่วนเรื่องการแก้ไขและป้องกันภัยพิบัตินั้น รัฐบาลมีแผนเร่งรัดจัดการในปี 2555 โดยใช้งบประมาณประมาณ 120,000 ล้านบาท เพื่อปรับปรุงคันกั้นน้ำ เขื่อน ไม่ให้กระทบกับอุตสาหกรรม หรือธุรกิจ นอกจากนี้ ประเทศไทยยังได้รับความช่วยเหลือจากองค์กรระหว่างประเทศ โดยเฉพาะองค์การความร่วมมือระหว่างประเทศของญี่ปุ่น หรือ JICA อีกด้วย ทั้งนี้รัฐบาลยังได้ปรับปรุงวิธีการจัดการน้ำเข้าสู่ศูนย์กลาง ทำให้เกิดความคล่องตัวและรวดเร็ว พร้อมทั้งมีแผนเตือนภัยให้กับผู้อยู่อาศัย และอุตสาหกรรมต่างๆ ด้วย โดยแผนระยะยาวรัฐบาลได้จัดเงินทุนไว้ประมาณ 3 แสนล้านบาท เพื่อจัดการปัญหานี้อย่างยั่งยืน อย่างไรก็ตามยืนยันว่า รัฐบาลไทยพร้อมที่จะทำทุกอย่างเพื่อสร้างความมั่นใจให้แก่นักลงทุนญี่ปุ่น และนักลงทุนต่างชาติอย่างเต็มความสามารถ