xs
xsm
sm
md
lg

สภาฯ ถกงบวันที่ 3 ปชป.ซัดรัฐกู้เพิ่มเมินใช้หนี้ จวกตั้งคนไร้ประสบการณ์นั่งบอร์ด

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

นายกรณ์ จาติกวณิช ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ (แฟ้มภาพ)
สภาฯ ถกงบปี 55 วันที่ 3 ปชป.ดาหน้าถล่มงบฯ คลัง 1.9 แสนล้านบาท จัดสรรไร้ประสิทธิภาพ “ณัฐพล” จี้ตอบตั้ง “แกนนำแดงเพชร” ข่มขู่สื่อนั่งบอร์ด ทอท. แถมตั้งละอ่อนนั่งบริหาร ธ.กรุงไทย “กรณ์” จัดหนัก 6 ประเด็น ห่วงรัฐตั้งแท่นกู้เพิ่ม ไม่สนใช้หนี้เก่า เมินหนุนเงินออม ดันเทงบลงโครงการรถคันแรก โวยลดเกณฑ์ไฟฟรีทำคนจนเดือดร้อน ด้าน “หมอวรงค์” ติดใจตั้งอดีตจำเลยฆ่า “ดาบยิ้ม” นั่ง ผอ.องค์การคลังสินค้า ไร้ประสบการณ์ ขณะที่ พท.อ้อมแอ้มยังยกรถคันแรกไปเริ่มปี 56 แถแต่งตั้งบุคคลเหมาะสมทุกราย

วันนี้ (6 ม.ค.) ที่รัฐสภา ตั้งแต่เวลา 09.00 น. นายเจริญ จรรย์โกมล รองประธานสภาผู้แทนราษฎร ได้เป็นประธานในการประชุมพิจารณาร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2555 เป็นวันที่ 3 และอยู่ระหว่างการพิจารณาวาระที่ 7 ในส่วนของกระทรวงการคลัง ที่กรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณ พ.ศ. 2555 เสียงข้างมากมีมติให้เพิ่มงบประมาณส่วนดังกล่าว เป็น 191,415 ล้านบาท จากเดิมที่หน่วยงานเสนอขอ 190,981 ล้านบาท

โดยนายณัฐพล ทีปสุวรรณ ส.ส.กทม.พรรคประชาธิปัตย์ อภิปรายว่า การที่ตนขอตัด 8 เปอร์เซ็นต์ เพราะเห็นว่าการบริหารของกระทรวงการคลัง มีความไม่โปร่งใส ขาดธรรมาภิบาล และผลประโยชน์ทับซ้อน เป็นการเอื้อประโยชน์ให้กับผู้อื่น จะเห็นได้จากการแต่งตั้งบุคคลที่ไม่เหมาะสมเข้ามาทำงาน ตัวอย่างในส่วนของสำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ มีหน้าที่รับผิดชอบดูแลการพัฒนาและเพิ่มมูลค่ารัฐวิสาหกิจ ซึ่งกฎหมายมีการแก้ไขเพิ่มเติมเกี่ยวกับคุณสมบัติของกรรมการ ระบุว่าต้องมีคุณวุฒิและประสบการณ์ที่เหมาะสม แต่บริษัท การท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) ได้แต่งตั้งบุคคลที่มีประวัติและมีพฤติกรรมคุกคามสิทธิเสรีภาพของสื่อมาเป็นกรรมาการอิสระและกรรมการธรรมาภิบาล ซึ่งตนมองว่าจะส่งผลกระทบต่อความเชื่อถือของประชาชน นอกจากนี้ยังเสี่ยงต่อการผิดกฎหมายหรือผลประโยชน์ที่พรรคพวกตัวเองอาจจะได้ หากมีการบริหารเช่นนี้ ความเชื่อมั่นในองค์กรใหญ่ๆ จะขาดหายไป

นายณัฐพลกล่าวต่อว่า นอกจากนี้ เมื่อไม่นานมานี้มีการแต่งตั้งผู้บริหารระดับสูงของธนาคารกรุงไทย ในฐานะผู้ถือหุ้นใหญ่ของกระทรวงการคลัง ซึ่งมีทั้งหมด 5 คน แต่มีหนึ่งคนที่อายุน้อย และไม่มีคุณสมบัติและประสบการณ์ในการทำงานด้านนี้ ทั้งที่หน้าที่สำคัญคือการอนุมัติเงินกู้ และต้องเป็นผู้รับนโยบายจากแบงก์ชาติ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการลดดอกเบี้ยเงินกู้ ที่ตอนนี้ธนาคารกรุงไทยยังไม่ลดอัตราดอกเบี้ยช่วยผู้ประสบภัยเลย สิ่งนี้คือการโจรกรรมทางด้านเศรษฐกิจ ถามว่าผลประโยชน์ในการแต่งตั้งบุคคลทั้งสองอยู่ที่ใคร

ต่อมา นายกรณ์ จาติกวณิช ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ อภิปรายช่วงหนึ่งว่า ขอเสนอให้ตัดลดงบประมาณในกระทรวงการคลังลง 10 เปอร์เซ็นต์ เพราะการจัดสรรงบฯ ไม่มีประสิทธิภาพ ไม่ตรงกับความต้องการของประเทศและประชาชน โดยมีข้อสังเกต 6 ประเด็น ได้แก่ 1.การจัดสรรงบในการบริหารหนี้สาธารณะของรัฐบาลเป็นไปอย่างจำกัด คือ ในปี 2555 มีเพียง 1,400 ล้านบาทเพื่อชำระเงินต้นที่เป็นภาระหนี้ของประชาชน ซึ่งถือว่าน้อยลงเมื่อเปรียบเทียบกับปีที่ผ่านๆมา เช่นปี 2554 ตั้งไว้ 2.3 แสนล้านบาท นำไปชำระดอกเบี้ย 1.7 แสนล้านบาท รวมถึงคืนเงินต้นจำนวน 5.2 หมื่นล้านบาท ปี 2553 จัดงบเพื่อชำระดอกเบี้ย ประมาณ 1.58 แสนล้านบาท และคืนเงินต้น 4หมื่นล้านบาท และในปี 2552 รัฐบาลได้จัดงบชำระต้น จำนวน 5 หมื่นล้าน

“ผมเห็นข่าวเรื่องกู้เงินเพิ่มเติมโดยออก พ.ร.ก.เงินกู้ 3-4 ฉบับ ผมกังวลว่าจะกลายเป็นปัญหาว่า หากหนี้ที่มีอยู่ปัจจุบัน ไม่สามารถจัดสรรงบประมาณเพื่อชดใช้หนี้ได้ แต่ยังคิดจะเพิ่มหนี้สาธารณะอีกนับล้านล้านบาท แล้วจะนำเงินส่วนใดมาชำระหนี้ของประชาชน หรือจัดการความเสี่ยงของประชาชน และประเทศชาติ” นายกรณ์ระบุ

นายกรณ์กล่าวต่อว่า ประเด็นที่ 2 การแก้ไขปัญหาหนี้ภาคครัวเรือน ที่ขณะนี้พบว่าประชาชนยังใช้บริการเงินกู้นอกระบบ ดอกเบี้ยสูง เพราะไม่สามารถเข้าถึงการบริหารของธนาคารพาณิชย์ และไม่สามารถรอการช่วยเหลือจากรัฐบาลได้ ซึ่งที่ผ่านมารัฐบาลได้ตั้งสถาบันพัฒนาระบบการเงินภาคประชาชน เพื่อส่งเสริมการเข้าถึงแหล่งเงินของประชาชนทุกระดับได้อย่างเป็นธรรม ซึ่งขณะนี้ได้มีการจัดสรรงบประมาณให้สถาบันฯ ดังกล่าวหรือไม่ ที่ผ่านมารัฐบาลพรรคเพื่อไทยหาเสียงไว้ว่า หากชนะเลือกตั้งพักหนี้ 5 แสนบาทให้ประชาชนทุกคน แต่ปัจจุบันนี้โครงการดังกล่าวไม่มีความชัดเจน

นายกรณ์กล่าวอีกว่า ประเด็นที่ 3 ในส่วนของกองทุนเงินออมแห่งชาติ ที่ล่าสุดได้ให้งบประมาณไว้เพียง 225 ล้านบาท ซึ่งน้อยกว่าที่กฎหมายกำหนดไว้ว่าต้องจัดสรรให้ 1,000 ล้านบาท ทั้งนี้ร่าง พ.ร.บ.งบประมาณ 2555 ที่ทำขึ้นในสมัยรัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์ได้จัดสรรงบเพื่อตั้งกองทุนดังกล่าว จำนวน 2,000 ล้านบาท แต่ถูกตัดออกทั้งหมด แต่ล่าสุดกรรมาธิการฯ ได้พิจารณาจัดสรรงบให้เพียง 225 ล้านบาท ซึ่งตนมั่นใจว่าการกระทำดังกล่าวนั้นขัดต่อกฎหมายอย่างแน่นอน เพราะในมาตรา 66 ของบทเฉพาะการของ พ.ร.บ.ดังกล่าว ระบุไว้ว่าวาระเริ่มแรกให้รัฐบาลจัดเงินเข้าบัญชีเงินกองกลาง ตามมาตรา 46 (3) จำนวน 1,000 ล้านบาทเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายของกองทุน, มาตรา 67 กำหนดให้จัดตั้งคณะกรรมการกองทุน ภายใน 90 วันหลังกฎหมายบังคับใช้ขณะนี้อยู่ระหว่างการรอการแต่งตั้งเลขาธิการกองทุนฯ ซึ่งได้มีการเสนอชื่อให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังแล้ว แต่ยังไม่มีการแต่งตั้ง ซึ่งถือว่ารัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังไม่ปฏิบัติตามกฎหมาย

“ที่ผ่านมากระทรวงการคลัง ทำโครงการเรื่องรถยนต์คันแรก ได้งบประมาณทำประชาสัมพันธ์ 100 ล้านบาท ซึ่งถือว่ามากเกือบครึ่งหนึ่งของงบประมาณที่ใช้จัดตั้งกองทุนเงินออมแห่งชาติ ทั้งที่โครงการรถยนต์คันแรกมีกลุ่มเป้าหมายเพียง 1 แสนคนซึ่งไม่ใช่คนจน ซึ่งถือว่าน้อยกว่ากลุ่มเป้าหมายของโครงการกองทุนเงินออมแห่งชาติ ที่มีอยู่ถึง 30 ล้านคนที่จำเป็นต้องรับรู้ถึงสิทธิของตนเองในการเข้าร่วมโครงการดังกล่าว” นายกรณ์กล่าว

นายกรณ์กล่าวว่า ประเด็นที่ 4 รัฐบาลได้ปฏิเสธที่สานต่อการพัฒนาระบบจัดเก็บภาษีที่ดินที่เป็นธรรมกับประชาชนทุกระดับ ที่ทำโดยกรมธนารักษ์ ในการรวบรวมโฉนดที่ดินทั่วประเทศลงในระบบดิจิตอล เพื่อประเมินภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง ประเด็นที่ 5 รัฐบาลไม่ได้ดำเนินการตามนโยบายที่ได้ประกาศไว้ว่าจะมีการลดหย่อนภาษี ซึ่งตนเข้าใจว่าเป็นการที่ดีแต่พูด ซึ่งขาดการมีบทกฎหมายมารองรับคำพูดดังกล่าว และประเด็นที่ 6 กระทรวงการคลังไม่ได้ดูแลการลดค่าครองชีพของประชาชน โดยเฉพาะการลดอัตราหน่วยค่าไฟฟ้า ที่ประชาชนต้องได้รับการงดเว้นการชำระจาก 90 หน่วย เป็น 50 หน่วยโดยไม่คำนึงว่าประชาชนที่มีฐานะยากจนกว่า 4 ล้านครัวเรือนจะได้รับความเดือดร้อน

“ค่าครองชีพของประชาชนขณะนี้สูงกว่าตอนแรกที่รัฐบาลประกาศนโยบายลดค่าครองชีพ โดยในกลางเดือนมกราคมนี้ รัฐบาลจะเลิกนโยนบายรถไฟ และรถเมล์ฟรี ซึ่งนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ผู้นำฝ่ายค้านในสภาฯ เคยพูดเปรียบเทียบว่า หากยกเลิกโครงการรถยนต์คันแรกออกไป แล้วนะเม็ดเงินส่วนนั้นมาใช้ทำอย่างอื่น เช่น ทำโครงการรถไฟ และรถเมล์ฟรี เชื่อว่าจะช่วยลดค่าใช้จ่ายประชาชนไปได้ถึง 7 ปีเต็ม ทั้งนี้ตนเป็นห่วงว่ารัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ไม่ได้มาจากการเลือกตั้ง กังวลว่าแนวคิดที่เป็นเพียงทฤษฎี ซึ่งไม่ผ่านการลงพื้นที่ จะไม่เข้าใจความเดือดร้อนของประชาชน” นายกรณ์ กล่าว

นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม ส.ส.พิษณุโลก พรรคประชาธิปัตย์ อภิปรายขอตัดงบในส่วนของกระทรวง โดยให้เหตุผลว่า จำเป็นที่จะต้องตัดงบประมาณในส่วนของสำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (สคร.) ในสังกัดกระทรวงการคลัง ซึ่งมีหน้าที่สำคัญในการดูแลหน่วยงานรัฐวิสาหกิจทั้งหมด แต่ที่ผ่านมากลับพบว่าปล่อยปละละเลยให้มีการแต่งตั้งตัวบุคคลที่ไม่เหมาะสมเข้ามาเป้นผู้บริหารระดับสูงในหน่วยงานรัฐวิสาหกิจ โดยเฉพาะองค์การคลังสินค้า (อคส.) ที่แม้อยู่ในสังกัดกระทรวงพาณิชย์ แต่ก็ยังต้องอยู่ในความดูแลของ สคร. โดยบทบาทของ อคส.ในปัจจุบันมีความสำคัญในการดูแลนโยบายจำนำข้าว งบประมาณกว่า 4 แสนล้าน ดังนั้น รัฐบาลต้องดูแลพิเศษโดยเฉพาะการแต่งตั้งผู้บริหารระดับสูง แต่เหตุใดจึงให้บุคคลที่เกี่ยวพันกับคดีในอดีตเกี่ยวกับจ่ายิ้ม หรือไอ้ปี๊ด เข้ามาเป็นผู้อำนวยการกำกับดูแลรัฐวิสาหกิจสำคัญ

นพ.วรงค์กล่าวอีกว่า ย้อนกลับไปเมื่อปี 2544 การแต่งตั้ง ผอ.อคส. มีกฎเกณตั้งไว้อย่างเข้มงวด ระบุว่ามีความรู้ที่เกี่ยวกับคลังสินค้า สินค้าทางการเกษตร สินค้าอุปโภคบริโภค และเรื่องโลจิสติกส์ ไม่น้อยกว่า 5 ปี และระบุไว้อีกว่า ผู้ที่จะสมัครเป็ฯ ผอ.ต้องอยู่ในตำแหน่งผู้บริหารของหน่วยงานมาก่อน ต่อมาในปี 2553 เมื่อมีการสรรหา ผอ.อคส.อีกครั้ง ก็ยังได้ระบุหลักเกณฑ์เช่นเดิม แต่อาจมีการลดความเข้มงวดลงเล็กน้อย คือผู้สมัครสามารถงเป็นระดับรองผู้บริหารระดับสูง หรือเบอร์สองขององค์กรมาก่อนได้ แต่เมื่อเดือน ต.ค. 2554 ที่ได้มีการสรรหาอีกครั้ง เนื่องจาก ผอ.คนเก่าลาออกหลังจากมีการเปลี่ยนรัฐบาล กลับมีการขยายเงื่อนไขต่างๆ และรายละเอียดปลีกย่อยเข้าไปอีก โดยเฉพาะในเรื่องประสบการณ์ผู้สมัครที่เดิมกำหนดไว้อย่างน้อยต้องเป็นรองผู้บริหารระสูง แต่เติมคำว่าหรือเป็นกรรมการ หรือเป็นที่ปรึกษาองค์กรนั้นๆ ซึ่งการเป็นที่ปรึกษาองค์กรนั้นแตกต่างกับผู้บริหารอย่างชัดเจน เพราะเป็นตำแหน่งที่ใครก็ได้รับการแต่งตั้งได้ อีกทั้งแม้ว่าจะยังระบุความรู้ใน 4 หลักเช่นเดิม แต่ก็ได้เพิ่มความรู้เรื่องเครื่องมือเครื่องจักรกลการเกษตรเข้ามา โดยให้ผู้สมัครมีความรู้ในด้านใดด้านหนึ่งใน 5 ด้านดังกล่าวเด้วย จึงมีคำถามว่า ผู้บริหารระดับนี้มีความจำเป็นที่ต้องมีความรู้ในเรื่องรถไถด้วยหรือ

“เท่ากับว่า อคส.มีการขยายเงื่อนไข เนื่องจากมีการล็อกตัวบุคคลไว้แล้ว และคนๆนี้ไม่มีความรู้เรื่องคลังสินค้า สินค้าเกษตร ลอจิสติกส์ หรือเครื่องอุปโภคบริโภค รู้แต่เรื่องดาบยิ้มและไอ้ปิ๊ด อีกทั้งคนๆนี้ไม่ใช่นักบริหาร ไม่เข้าหลักเกณฑ์เดิม จึงขยายเงื่อนไขเพื่อเอื้อให้สามารถสมัครเป็น ผอ.อคส.ได้ การสร้างเงื่อนไขเช่นนี้เป็นอันตรายอย่างยิ่ง เพราะมีรัฐบาลมีประกาศนโยบายจำนำข้าว งบประมาณ 4 แสนล้านเป็นเรื่องเร่งด่วน และการแต่งตั้งบุคคลเช่นนี้ จึงอาจเป็นเหตุให้โครงการนี้ 3 เดือนที่ผ่านมาของรัฐบาล ล้มเหลวอย่างสิ้นเชิง” นพ.วรงค์ระบุ

นพ.วรงค์กล่าวด้วยว่า จากการตรวจสอบข้อมูลที่เกี่ยวกับ ผอ.อคส.คนนี้ มีประสบการณ์เป็นที่ปรึกษาในบริษัทที่มีรายได้ใม่ถึง 200 ล้านบาท ไม่ใช่องค์กรขนาดใหญ่ อีกทั้งบางบริษัทก็ยังไม่มีประวัติในทะเบียนของกระทรวงพาณิชย์ จึงขอเรียกร้องให้ กมธ.ถาม สคร.ที่กำกับดูแลรัฐวิสาหกิจ และการแต่งตั้งผู้บริหารของรัฐวิสาหกิจต่างๆ ด้วย

ด้าน นายบุญทรง เตริยาภิรมย์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย ในฐานะกรรมาธิการเสียงข้างมาก ชี้แจงว่า กรณีที่มีการพูดถึงเงิน 3 หมื่นล้านในโครงการรถคันแรกว่า ควรนำมาช่วยเหลือประชาชนี่ประสบอุทกภัยนั้น วงเงินดังกล่าวจะมีการตั้งงบประมาณในปี 2556 เพื่อรองรับจำนวนผู้ซื้อรถในโครงการรถคันแรกที่จะเพอ่มมากขึ้น การของบประมาณในปี 2555 นี้มีเพียง 95 ล้านบาท เพื่อใช้ปรับปรุงระบบไอทีของกรมสรรพสามิต กรมบัญชีกลาง และกรมขนส่งทางบก เพื่อให้ข้อมูลของทั้ง 3 หน่วยงานตรงกันเท่านั้น ส่วนโครงการพักหนี้ให้กับลูกหนี้รายย่อยที่เป็นหนี้สถาบันการเงินของรัฐไม่เกิน 5 แสนบาทนั้น คณะรัฐมนตรีได้อนุมัติให้เริ่มดำเนินการตั้งแต่เดือน พ.ย.54 แต่ที่ผ่านมาประชาชนไม่ได้รับความสะดวก จึงยังไม่มีความแพร่กลายมากนัก แต่เมื่อสถานการณืของประเทศกลับเข้าสู่ภาวะปกติ เชื่อว่าลูกหนี้เหล่านี้จะทยอยมาเข้าร่วมโครงการมากขึ้น

ขณะที่ นายวิชาญ มีนชัยนันท์ ส.ส.กทม.พรรคเพื่อไทย ในฐานะกรรมาธิการเสียงข้างมาก กล่าวตอบในกรณีนี้ว่า กมธ.คงไม่ลงลึกในรายละเอียด เพราะเห็นว่าคุณสมบัติเป็นเรื่องของตัวบุคคล และคุณสมบัติที่กำหนดไว้ทุกข้อก็เห็นว่ามีความจำเป็นต่อการทำหน้าที่ ผอ.อคส.ทั้งสิ้น แม้แต่เรื่องเครื่องมือเครื่องจักรกลการเกษตรก็มีความสำคัญ

โดยในมาตราดังกล่าวได้ใช้เวลาอภิปรายจำนวน 1.45 ชั่วโมง ก่อนปิดอภิปรายและลงมติ ผลปรากฎว่าที่ประชุมเห็นชอบตามมติกรรมาธิการเสียงข้างมาก 250 เสียง ไม่เห็นด้วย 95 เสียง งดออกเสียง 3 เสียง และไม่ลงคะแนน 3 เสียง

อย่างไรก็ตาม สำหรับผู้ดำรงตำแหน่ง ผอ.อคส.คนปัจุบัน ได้แก่ พ.ต.ต.ศราวุฒิ สกุลมีฤทธิ์ ซึ่งได้รับการแต่งตั้งจากที่ประชุมคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 13 ธ.ค.2554 โดยก่อนหน้านี้ พ.ต.ต.ศราวุฒิ เคยตกเป็นจำเลยร่วมกับ นายดวงเฉลิม อยู่บำรุง บุตรชาย ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี ในคดีฆ่า ด.ต.สุวิชัย รอดวิมุต หรือดาบยิ้ม ตำรวจกองปราบปราม ในทเวนตี้คลับ ถ.รัชดาภิเษก โดย พ.ต.ต.ศราวุฒิ ถูกอัยการยื่นฟ้องในข้อหาต่อสู้ขัดขวางเจ้าพนักงานและทำร้ายร่างกาย ต่อมาศาลอาญาได้มีคำพิพากษาให้ยกฟ้อง พ.ต.ต.ศราวุฒิ และอัยการไม่อุทธรณ์ ทำให้คดีนี้ถึงที่สุด
กำลังโหลดความคิดเห็น