xs
xsm
sm
md
lg

3 นักวิชาการชี้ประเทศรอวันล่ม การเมืองล้วงลูก-คอร์รัปชันยิ่งเพิ่ม

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


“ดร.ปราโมทย์” เชื่อหยุดการเมืองล้วงลูกแก้ยาก ระบบฝนตกขี้หมูไหลสุมหัวโกงฝังรากลึก ด้าน “จาดุร” ชี้การเมืองแทรกระบบราชการรอวันพังทลาย กระตุ้น ขรก.กล้าที่จะไม่รับสินบน แนะคนดีหันมาสามัคคีกัน ขณะที่ “ศ.ดร.จรัส” ระบุ ขรก.ดี แม้การเมืองชั่ว ประเทศยังอยู่ได้ แต่ไทยโชคร้ายมีการเมืองกินรวบ ขรก.พร้อมขายตัว



วันที่ 29 ธ.ค. เมื่อเวลา 20.30 น. ในรายการ “คนเคาะข่าว” ออกอากาศทางสถานีโทรทัศน์ ASTV ดำเนินรายการโดยนายเติมศักดิ์ จารุปราณ ได้รับเกียรติจาก ดร.ปราโมทย์ นาครทรรพ นักวิชาการอิสระ, นายจาดุร อภิชาตบุตร อดีตผู้ตรวจราชการกระทรวงมหาดไทย และ ศ.ดร.จรัส สุวรรณมาลา อดีตคณบดีคณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย มาร่วมให้แง่คิดถึง ความอันตรายหากการเมืองแทรกแซงระบบข้าราชการประจำ

ดร.ปราโมทย์ นาครทรรพ กล่าวว่า ข้าราชการประจำถือได้ว่าเป็นเสาหลัก เป็นหลักประกัน ตัวแปรสำคัญที่จะทำให้ประเทศก้าวไปสู่ความเจริญ เพราะผู้ที่เข้ามารับหน้าที่ได้ ย่อมต้องมีความรู้ความเชี่ยวชาญในแต่ละสาขา ที่หลากหลาย ซึ่งในตัวนักการเมืองมีไม่ถึง อาจพูดได้ว่าแม้การเมืองจะผันผวนอย่างไร หากนักการเมืองรู้จักใช้นักวิชาการอย่างถูกต้อง ประเทศก็ยังสามารถพัฒนาได้

ที่ประเทศไม่เจริญเพราะข้าราชการประจำไม่ทำตามหน้าที่ เอาแต่มุ่งแสวงหาแต่ลาภ ยศ ตำแหน่ง ซึ่งต้นเหตุมาจากนักการเมือง เข้าไปแทรกแซง ล้วงลูก ดังที่เคยผู้ที่มีอมตวาทะ จอมล้วงลูกคนที่หนึ่ง พูดว่า “เป็นฝ่ายค้านแล้วอดอยากปากแห้ง” ก็เท่ากับว่าหากเป็นรัฐบาลเมื่อไรจะโกงเต็มที่ อย่างไรก็ดีจอมล้วงลูกคนแรกที่ว่าเก่ง ยังต้องยอมจอมล้วงลูกคนที่สอง อย่าง “ทักษิณ” แต่เมื่อพรรคภูมิใจไทยเข้าไปร่วมมีอำนาจในรัฐบาล จอมล้วงลูกคนแรกยังงงนึกว่าทักษิณ เก่งแล้วก็ยังสู้ “เนวิน” ไม่ได้ เอาทั้งเรื่องคดโกง โยกย้าย ซื้อขายตำแหน่ง จนเกิดมหกรรมการสุมหัวร่วมกันโกง และสืบทอดความชั่วร้ายต่อเนื่องกันมา ดังนั้นหากจะทำให้ระบบราชการกลับมาสู่จุดเดิม การปฏิรูปธรรมดาคงไม่พอ ต้องปฏิวัติอย่างใหญ่

“เหตุการณ์ร้ายแรงเกินกว่าที่คิด นักการเมืองแทรกแซงระบบราชการด้วยวิธี ล้วงลูก โยกย้าย เพื่อให้ข้าราชการทำตามสิ่งที่ตัวเองต้องการ สิ่งเหล่านี้เป็นต้นเหตนำไปสู่การคอร์รัปชัน ทำลายชาติบ้านเมืองอย่างสาหัส วิธีแก้ไขคงยาก เพราะเป็นระบบฝนตกขี้หมูไหลคนจัญไรมาพบกัน ทางออกเดียวประชาชนต้องรวมกำลังเข้าไปดู ไม่อย่างนั้นบ้านเมืองอยู่ยาก” ดร.ปราโมทย์กล่าว

ด้าน นายจาดุร อภิชาตบุตร กล่าวว่าหากปล่อยให้นักการเมืองแทรกแซงอยู่อย่างนี้ จะทำให้ระบบราชการเสื่อม ในที่สุดระบบจะพังทลาย ตามปกติข้าราชการปฏิบัติหน้าที่ จะได้สิทธิกฎหมายให้อำนาจพิเศษ เพื่อให้ทำหน้าที่ได้สำเร็จสมประโยชน์ของประชาชน เพราะตัวอำนาจนี้เอง ทำให้นักการเมืองขาดสติ เนื่องจากมีเวลาอยู่ในตำแหน่งน้อย แค่ 4 ปี จะปล่อยเป็นไปตามกลไกข้าราชการ ก็เงื่อนไขเยอะ ไม่ทันกิน จึงออกกฎช่วงชิงอำนาจทำงานเสียเองทั้งที่ความสามารถไม่ถึง แล้วตั้งข้าราชการที่กระหายในลาภ ยศ เป็นหุ่นให้ทำตามคำสั่ง ระบบราชการถึงได้เสื่อม

“ข้าราชการทุกคนต้องสำนึกในหน้าที่ว่าทำไมถึงได้มาเป็นข้าราชการ เพราะคุณมีความรู้ สามารถเอาความรู้ไปทำประโยชน์ให้บ้านเมืองได้ โดยบ้านเมืองไม่ให้คุณขัดสน เจ็บป่วยเบิกได้ เพราะหลวงต้องการให้คุณใช้ความรู้ ความสามารถ คุณธรรม ทำประโยชน์ให้บ้านเมืองได้อย่างเต็มที่ ดังนั้นข้าราชการที่ดีต้องมีความรู้ มีความสามารถ และความกล้า คือกล้าที่จะไม่รับสินบน”

นายจาดุรกล่าวว่า ผู้บังคับบัญชาที่ไม่ดี อย่าไปทำตาม ให้ยึดแบบคนที่ดีเป็นตัวอย่าง อย่างตนก็มีต้นแบบ เช่น นายอนันต์ อนันตกูล ทำผลงานเป็นที่ประจักษ์ ซึ่งท่านเคยให้แง่คิดว่า คนโกงมันสามัคคีกันโกง แต่คนดีคนเก่งในราชการต่างแก่งแย่งแข่งขัน อิจฉาริษยา ไม่สามัคคี สำหรับวิธีแก้นั้นง่ายมาก ไม่ต้องทำอะไรมากแค่ให้คนดีหันมาสามัคคีกัน ทำตามความรู้ความสามารถ อย่าให้คนอื่นบงการจนสูญเสียจุดยืนของตัวเอง

“ก็ยังสงสัยในสมัยทำงานในกระทรวงมหาดไทย ประธานกรรมการที่ปรึกษาของรัฐมนตรี มีอำนาจอะไรตามกฎหมาย ทำไมปลัดกระทรวงถึงได้ไปยืนเหมือนเป็นผู้ไต้บังคับบัญชา จนสูญเสียความเป็นผู้นำ แล้วจะให้พวกตน ข้าราชการอาชีพ มีความรู้ความสามารถไปรับใช้คนพวกนี้ได้อย่างไร สั่งอะไรก็สั่งไม่ถูกต้อง ให้ทำในสิ่งที่ไม่ได้เกี่ยวกับความรู้ที่มี บรรดาเพื่อนข้าราชการต่างก็ส่ายหัวไม่เห็นด้วย จนเกิดการะส่ำระสาย”

นายจาดุรกล่าวอีกว่า ตราบใดที่ยังมีการวิ่งเต้นโยกย้าย ตั้งคนความรู้ไม่ถึงมาบังคับบัญชาผู้ที่มีความรู้ความสามารถมากกว่า การทำงานก็จะฝืนหลักทำเนียมปฏิบัติทั้งหมด เพราะคนจำพวกจะทำอย่างอื่นไม่ได้นอกแสวงหาประโยชน์ ต้องตอบแทนบุญคุณนักการเมืองที่แต่งตั้งเข้ามา ในส่วนของกระทรวงมหาดไทยวันนี้ ต้องจับตาการแต่งตั้งรองผู้ว่าฯ เพราะผู้ว่าฯ1คน สามารถทำความบรรลัยให้ประชาชนได้ 2 เท่า ไม่ต้องคิดอื่นไกล เอาง่ายๆทำไมฝ่ายการเมืองดันเอาคนสั่งได้เข้ามา เขาต้องการสั่งอะไร หากสั่งตามนโยบายที่ถูกต้องก็ไม่จำเป็นต้องเอาคนของตัวเองเข้ามา สู้เอาคนที่หลวงเตรียมไว้ให้จะได้รับความร่วมมืออย่างดีที่สุด แถมยังจะได้สร้างเกียรติภูมิความเป็นนักการเมืองให้เกิดขึ้นด้วย

นายจาดุรกล่าวว่า ถึงเพื่อนข้าราชการว่าอย่าท้อแท้ ไม่ต้องหาผลประโยชน์ในทางไม่ชอบ หลวงจายเงินให้เราไม่ให้อัตคัดขัดสน เราต้องรู้จักเสียใจเมื่อมีความรู้แล้วไม่ได้เอามาใช้ตามควร ให้ละอายใจ จะถูกประณามไปถึงรุ่นลูกหลานหากยังฝืนทำในสิ่งที่ไม่ควรทำ นักการเมืองที่ดี ต้องผนึกกำลังอย่าให้นักการเมืองไม่ดีใช้เงินครอบงำ ข้าราชการใหม่ๆควรหมั่นท่อง “ต้องไม่รับ”

ขณะที่ ศ.ดร.จรัส สุวรรณมาลา กล่าวว่า ปกติสถาบันข้าราชการถูกออกแบบให้มีความมั่นคง ไม่ต้องกลัวจะถูกปลดออกจากตำแหน่งโดยไม่มีสาเหตุ ไม่ต้องกลัวว่าใครจะมาละเมิดไม่ให้ทำงาน จุดประสงค์ทั้งหมดมีไว้เพื่อถ่วงดุลฝ่ายอื่นๆ แต่เมื่อความพอดีในการทำงานของข้าราชการกับนักการเมืองไม่มีเส้นแบ่งที่แน่ชัด เปิดช่องให้นักการเมืองย้ายใครก็ได้ตามใจถ้าหากเห็นว่าตัวเองสั่งไม่ได้ ทำให้นโยบายที่ออกจึงเป็นแบบเน้น เร็ว แพงไม่ว่า มุ่งหวังผลทางการเมืองอย่างเดียว

อย่างไรก็ดี ทั้งสองฝ่ายมีทั้งด้านดีและไม่ดี ข้าราชการประจำเองก็มีด้านไม่ดี เช่น วิ่งเต้น ใช้เส้นกดดันนักการเมือง ดังนั้นระบบที่ควรจะเป็น ทั้งสองฝ่ายต้องยืนอยู่ในกรอบของตัวเอง นักการเมืองไม่ออกกฎหมายมาล้วงลูก ส่วนข้าราชการยึดหลักวิชาชีพ เป็นธรรม

ศ.ดร.จรัสกล่าวว่า ระบบราชการเมืองไทยจะย้อนเข้าสู่ระบบพรรคพวก นักการเมืองพอเข้ามามีอำนาจก็จะขนคนของตัวเองเข้ามา คนเก่าที่ทำงานดีมีผลงานก็จะถูกโยกย้ายออกไป หรือเรียกได้ว่าใครชนะทางการเมือง ก็จะได้สิทธิ์กินรวบทั้งหมด เพราะรัฐบาลจะใช้เงินซื้อระบบราชการ แต่งตั้งคนของตัวเองไปทำงานในทุกที่ ประเทศเราถือว่าโชคร้ายด้วยที่เผอิญเจอกับปัญหา ระบบราชการก็พร้อมที่จะขายตัว

“ต้องทำให้ระบบราชการกลับคืนสู่ระบบเดิม มีความเป็นกลาง ไม่ถูกแทรกแซง ถ้าระบบข้าราชการเข้มแข็ง แม้การเมืองด้อยพัฒนา บ้านเมืองก็ยังอยู่ได้ แต่หากระบบราชการประจำถูกแทรกแซง แล้วการเมืองไม่พัฒนาด้วย ประเทศล่มจม” ศ.ดร.จรัสกล่าว


นายเติมศักดิ์ จารุปราณ
ดร.ปราโมทย์ นาครทรรพ
นายจาดุร อภิชาตบุตร
ศ.ดร.จรัส สุวรรณมาลา
กำลังโหลดความคิดเห็น